สอาด จันทร์ดี ...แฉ เบื้องลึก ปชป. พธม. ?
หน้า 1 จาก 1
สอาด จันทร์ดี ...แฉ เบื้องลึก ปชป. พธม. ?
สอาด จันทร์ดี ...แฉ
เบื้องลึก ปชป. พธม. ?
ภาพระทึกใจในสภาผู้แทนราษฎร
แม้จะเป็นเรื่องบาดลึกเข้าไปในหัวใจของประชาชนเพียงใดก็ตามก็ยังมีสื่อหลาย
สำนักไม่ได้หยิบยกเอาขึ้นมาเป็นประเด็น
เพราะในก้นบึ้งของหัวใจนั้นยังคงเข้าข้างม็อบของพรรคประชาธิปัตย์และ
พันธมิตร ซึ่งยืนอยู่คนละฝั่งกับพรรคเพื่อไทย
จึงไม่ตำหนิติเตียนฝั่งของตนให้เป็นที่เอิกเกริก
หากแต่เขียนถึงปัญหาเพียงเล็กน้อย
เพื่อการรักษาหน้าของความเป็นสื่อของตัวเองเอาไว้เท่านั้น
นอกจากนี้ สื่อหลักไม่ได้เจาะลึกในปัญหาที่กุมสภาพอยู่
คนไทยจึงไม่รู้ที่ไปที่มา
ว่าม็อบพันธมิตรกับม็อบประชาธิปัตย์พากันทำเยี่ยงนี้เพื่ออะไร ?
ท่านครับ
ผมอยากบอกกับท่านทั้งหลายว่าผมได้ตระเวนหาข่าวมาก่อน
หาตั้งแต่ยุคพันธมิตรรวมตัว “ต่อต้าน” พรรคไทยรักไทย ผ่านมาตามลำดับ นับแต่
10 เมษายน 2553 ผ่านเข้าถึง 19 พฤษภาคม 2553 ผมหาข่าวมามาก
ผมจึงอยากเขียนแฉเบื้องลึก (ของพันธมิตรกับ ปชป.)
นำเอาความลับมาเล่าให้ท่านได้รับรู้เอาไว้ จะได้รู้การกระทำว่า มันคืออะไร ?
หนึ่ง...ขอเรียนว่าผมมีมิตรสหายอยู่ในฝั่งประชาธิปัตย์ไม่ใช่น้อย
ผมได้ยินหลายครั้งหลายหนที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ พูดในหมู่ของพวกเขาว่า
พวกเขาหนักใจในข้อหา 91 ศพที่ได้เกิดความผิดพลาดทางการ
เมืองอย่างใหญ่หลวง เพราะหัวหน้าพรรคยอมทำตาม “ใบสั่ง” อย่างไม่ลืมหูลืมตา
ทำให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนอย่างไม่น่าเป็นไปได้
จนกลายเป็นคดีโหดที่ฉุดลากพรรคประชาธิปัตย์ให้ตกเป็นเบี้ยล่าง
สุดที่จะแก้ให้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ดังนั้น
จึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะยับยังไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ รวมถึง “ขัดขวาง”
ทุกรูปแบบเพื่อจะรักษาบาดแผลของตัวเอง
ดังที่ได้กระทำอย่างปรากฏชัดในการอภิปราย 15
วันเพื่อจะยับยังร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายยาวเหยียดขนาดนั้นก็ไม่อาจยับยั้งเอาไว้อยู่
ความหวังของพรรคประชาธิปัตย์เลื่อนไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความช่วยหรือไม่ ?
หมดจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีร่าง พ.ร.บ.
ปรองดองตามเข้ามาติดๆ
ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องลงทุนขนประชาชนในหลายจังหวัดด้วยค่าใช้จ่ายสูงลิบ
เพื่อจะอาศัยพลังของประชาเข้ามาช่วยยับยั้งให้ได้ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด
เพราะว่ามีม็อบของจำลอง ศรีเมืองกับ“สนธิ ลิ้มทองกุล”
ยกขบวนไปที่หน้ารัฐสภา
กลายเป็นเสาหลักให้ประชาธิปัตย์ได้อาศัยเกาะบารมีให้มีความฮึกเหิมในสภา
ถึงขั้นกระชากเก้าอี้ประธานสภา และร้ายแรงถึงขั้น “ยกพวก”
รุมขว้างปาแฟ้มเอกสารใส่หน้าประมุขสภานิติบัญญัติ
ผมหาข่าวอยู่ก่อนแล้ว
จึงไม่ยากที่จะหาข่าวใหม่เพิ่มเติมว่าม็อบหนนี้
กับม็อบหนก่อนแตกต่างกันอย่างไร เมื่อหาข่าวได้
ผมจึงอยากนำเสนอแก่พ่อแม่พี่น้องในเชิง “แฉเบื้องลึก”
เป็นก้าวที่น่ารู้อย่างยิ่ง
สอง ...การนำเสนอข่าวในครั้งนี้
ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดให้มั่นใจว่าข่าวที่ผมกำลังเขียนให้อ่านอยู่นี้
เป็นข่าวที่โดดเด่น ทันสมัย เพราะข่าวทั้งหมด เป็นความจริงเต็มร้อย
อ่านแล้วจะมีหูตาสว่างไสว แล้วจะได้เรียนรู้ “จุดความต้องการ”
ที่แท้จริงของพันธมิตรคืออะไร ดังนี้
พันธมิตรที่แท้จริงฝังตัวอยู่ในร่างของสันติอโศก
หรือกล่าวอีกทีพันธมิตรคือ “ร่างทรง” ของท่านพ่อโพธิรักษ์
ลูกพี่ใหญ่ของพลตรี จำลอง ศรีเมือง แม่ทัพคนสำคัญของสันติอโศก
แนวทางของสันติอโศก คือ “การใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจแบบสาธารณโภคี”
ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกับคอมมูน
กล่าวคือผลผลิตและทรัพย์สินที่ประชาชนในนิคมสันติอโศกสร้างขึ้น
ไม่ว่ามากหรือน้อย
ตกเป็นสมบัติของส่วนกลางตามแบบฉบับของประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
ซึ่งได้ทดลองทำอยู่ในภาคเหนือ – อีสาน- และภาคกลาง รวมแล้วมากกว่า 36
จังหวัด
แนวทางของสันติอโศก ปฏิเสธการเลือกตั้ง
เพราะเชื่อว่าเลือกตั้งอย่างไรก็ไม่มีทางได้คนดี จึงต้องการใช้วิธีการ
“แต่งตั้ง” สภาสูง สภาต่ำ คนที่จะได้รับการแต่งตั้งคือ “นักการเมือง”
ที่ผ่านการศึกษา จบหลักสูตรมาจากโรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรี
หรือจบจากวิทยาลัยของสำนักสันติอโศกที่จังหวัดอุบลราชธานี
สันติอโศกต้องการต่อสู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้วยการเจาะเข้าหา “กองทัพ” และเจาะเข้าหาศูนย์อำนาจตั้งแต่ระดับสูงสุด
ลงมาจนถึงพรรคการเมืองและประชาชนระดับล่าง
ดังที่ได้ลงมือทำไปแล้วในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
แนวทางที่สันติอโศกเสนอได้แก่การถวายคืนพระราชอำนาจ
ทำปฏิวัติใหญ่ในประเทศไทยให้เป็นจริง ด้วยการ “ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ”
ปิดประเทศ ๕ ปี จัดระเบียบสังคมใหม่
นำประเทศเข้าสู่แนวทางของทฤษฎีสาธารณโภคี
สร้างประชาชนให้เป็นชาวอารยะทุกหย่อมหญ้า
ประกันได้เต็มร้อยว่าประชาชนในประเทศไทยจะได้ทำบุญมากกว่าที่ต้องการ
จะมีกินมีใช้อย่างเสมอเหมือนครบทุกครัวเรือน
ไม่มีคนจนหลงเหลืออยู่ในประเทศอีกต่อไป
แต่การที่จะได้สิ่งนี้
จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางให้เกิดข้อขัดแย้งทางการเมือง
เพื่อจะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังที่ได้กระทำอยู่ในขณะนี้
ด้วยความพยายามให้ประชาชน “สองฝ่าย” ยกพวกปะทะกัน อันจะเป็นเหตุผล
“ให้ทหาร” ต้องใช้กำลังออกมาทำการรัฐประหารยึดอำนาจ เพื่อการรักษาความสงบ
ความพยายามของพันธมิตร เมื่อวันที่ 30 – 31 พฤษภาคม 2555
เป็นการทำงานตามแผนการดั้งเดิมที่ได้เขียน “ลายแทง” เอาไว้
ซึ่งไปตรงกับความต้องการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นเนื้อเดียวกัน
ผมรีบหาข่าว “ด่วนจี๋” จากประเด็นดังกล่าวและได้ข่าวมาดังนี้
จะอาศัยปัญหาข้อขัดแย้ง พ.ร.บ. ปรองดอง เป็นหัวเชื้อจุดชนวนให้เกิดความวุ่นวาย
พยายามทุกรูปแบบเพื่อจะให้ทหารทำการรัฐประหาร
ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ กวาดล้างคนเสื้อแดง
ตั้งคณะผู้บริหารประเทศใหม่ภายใน 9 ชั่วโมงแล้วปิดประเทศ 5 ปี
ไม่มีการเลือกตั้งใดๆทั้งสิ้น
สุดท้าย (2 มิถุนายน 255)
ผมได้ข่าวใหม่เอี่ยมอ่องว่าพันธมิตรภายใต้ร่างทรงของสันติอโศก
มีทุนที่จะเคลื่อนไหวนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปภายใต้นโยบาย
“การถวายคืนพระราชอำนาจ” ปิดประเทศ 5 ปี
เปลี่ยนแนวทางการแสวงหานักการเมืองมาจากการแต่งตั้ง จัดระเบียบสังคมใหม่
นำประเทศไปสู่ยุคใหม่ภายใต้ทฤษฎี “สาธารณโภคี” ตามอุดมการณ์ของสันติอโศก
(ทฤษฎีนี้มีสอนอยู่ที่สันติอโศก บึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร และราชธานีอโศก)
พันธมิตรและสันติอโศกเชื่อมั่นมากว่าจะสามารถจุดกระแสได้สำเร็จ
ทั้งนี้เนื่องจาก ปชป. และพวกตัวการที่มีเอี่ยวกับคดี 91 ศพ
พากันหวาดผวาว่าจะไปไม่รอด จึงมองหาทางรอด ซึ่งมีอยู่เพียงช่องทางเดียว
ได้แก่การ “ทำรัฐประหาร” จะได้รวบหัวรวบหา จัดการแก้ปัญหาให้กับตนเอง
วิธีการดังกล่าวนี้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับแนวทางของสันติอโศกเป็นเนื้อเดียวกันได้เป๊ะ
จึงประเมินสถานการณ์ได้เลยว่า ประเทศไทยคงจะหนีความ “ยุ่งยาก” ไปไม่พ้น
ผมสงสารแผ่นดินของตัวเองเหลือเกิน...แต่ผมจะทำอย่างไรได้ ผมมันเท่ากับ
“ฝุ่นละออง” ของแผ่นดิน
ไม่มีใครเขาฟังผมดอกครับ...ผมทำได้เพียงอย่างเดียวคือเขียนแฉ
เท่าที่สติปัญญาจะไปหาข่าวมาได้
ผมจะหาข่าวมาเสนอบ่อยๆ
ข่าวใหม่...วันที่ 8 มิถุนายน 2555 ...พันธมิตรกับ ปชป. จับมือกันแน่นปึก ?!
เขียนแฉขนาดนี้ จะมีคนเชื่อไหมหนอ ?
“สอาด จันทร์ดี”
2 มิถุนายน 2555
เบื้องลึก ปชป. พธม. ?
ภาพระทึกใจในสภาผู้แทนราษฎร
แม้จะเป็นเรื่องบาดลึกเข้าไปในหัวใจของประชาชนเพียงใดก็ตามก็ยังมีสื่อหลาย
สำนักไม่ได้หยิบยกเอาขึ้นมาเป็นประเด็น
เพราะในก้นบึ้งของหัวใจนั้นยังคงเข้าข้างม็อบของพรรคประชาธิปัตย์และ
พันธมิตร ซึ่งยืนอยู่คนละฝั่งกับพรรคเพื่อไทย
จึงไม่ตำหนิติเตียนฝั่งของตนให้เป็นที่เอิกเกริก
หากแต่เขียนถึงปัญหาเพียงเล็กน้อย
เพื่อการรักษาหน้าของความเป็นสื่อของตัวเองเอาไว้เท่านั้น
นอกจากนี้ สื่อหลักไม่ได้เจาะลึกในปัญหาที่กุมสภาพอยู่
คนไทยจึงไม่รู้ที่ไปที่มา
ว่าม็อบพันธมิตรกับม็อบประชาธิปัตย์พากันทำเยี่ยงนี้เพื่ออะไร ?
ท่านครับ
ผมอยากบอกกับท่านทั้งหลายว่าผมได้ตระเวนหาข่าวมาก่อน
หาตั้งแต่ยุคพันธมิตรรวมตัว “ต่อต้าน” พรรคไทยรักไทย ผ่านมาตามลำดับ นับแต่
10 เมษายน 2553 ผ่านเข้าถึง 19 พฤษภาคม 2553 ผมหาข่าวมามาก
ผมจึงอยากเขียนแฉเบื้องลึก (ของพันธมิตรกับ ปชป.)
นำเอาความลับมาเล่าให้ท่านได้รับรู้เอาไว้ จะได้รู้การกระทำว่า มันคืออะไร ?
หนึ่ง...ขอเรียนว่าผมมีมิตรสหายอยู่ในฝั่งประชาธิปัตย์ไม่ใช่น้อย
ผมได้ยินหลายครั้งหลายหนที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ พูดในหมู่ของพวกเขาว่า
พวกเขาหนักใจในข้อหา 91 ศพที่ได้เกิดความผิดพลาดทางการ
เมืองอย่างใหญ่หลวง เพราะหัวหน้าพรรคยอมทำตาม “ใบสั่ง” อย่างไม่ลืมหูลืมตา
ทำให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนอย่างไม่น่าเป็นไปได้
จนกลายเป็นคดีโหดที่ฉุดลากพรรคประชาธิปัตย์ให้ตกเป็นเบี้ยล่าง
สุดที่จะแก้ให้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ดังนั้น
จึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะยับยังไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ รวมถึง “ขัดขวาง”
ทุกรูปแบบเพื่อจะรักษาบาดแผลของตัวเอง
ดังที่ได้กระทำอย่างปรากฏชัดในการอภิปราย 15
วันเพื่อจะยับยังร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายยาวเหยียดขนาดนั้นก็ไม่อาจยับยั้งเอาไว้อยู่
ความหวังของพรรคประชาธิปัตย์เลื่อนไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความช่วยหรือไม่ ?
หมดจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีร่าง พ.ร.บ.
ปรองดองตามเข้ามาติดๆ
ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องลงทุนขนประชาชนในหลายจังหวัดด้วยค่าใช้จ่ายสูงลิบ
เพื่อจะอาศัยพลังของประชาเข้ามาช่วยยับยั้งให้ได้ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด
เพราะว่ามีม็อบของจำลอง ศรีเมืองกับ“สนธิ ลิ้มทองกุล”
ยกขบวนไปที่หน้ารัฐสภา
กลายเป็นเสาหลักให้ประชาธิปัตย์ได้อาศัยเกาะบารมีให้มีความฮึกเหิมในสภา
ถึงขั้นกระชากเก้าอี้ประธานสภา และร้ายแรงถึงขั้น “ยกพวก”
รุมขว้างปาแฟ้มเอกสารใส่หน้าประมุขสภานิติบัญญัติ
ผมหาข่าวอยู่ก่อนแล้ว
จึงไม่ยากที่จะหาข่าวใหม่เพิ่มเติมว่าม็อบหนนี้
กับม็อบหนก่อนแตกต่างกันอย่างไร เมื่อหาข่าวได้
ผมจึงอยากนำเสนอแก่พ่อแม่พี่น้องในเชิง “แฉเบื้องลึก”
เป็นก้าวที่น่ารู้อย่างยิ่ง
สอง ...การนำเสนอข่าวในครั้งนี้
ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดให้มั่นใจว่าข่าวที่ผมกำลังเขียนให้อ่านอยู่นี้
เป็นข่าวที่โดดเด่น ทันสมัย เพราะข่าวทั้งหมด เป็นความจริงเต็มร้อย
อ่านแล้วจะมีหูตาสว่างไสว แล้วจะได้เรียนรู้ “จุดความต้องการ”
ที่แท้จริงของพันธมิตรคืออะไร ดังนี้
พันธมิตรที่แท้จริงฝังตัวอยู่ในร่างของสันติอโศก
หรือกล่าวอีกทีพันธมิตรคือ “ร่างทรง” ของท่านพ่อโพธิรักษ์
ลูกพี่ใหญ่ของพลตรี จำลอง ศรีเมือง แม่ทัพคนสำคัญของสันติอโศก
แนวทางของสันติอโศก คือ “การใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจแบบสาธารณโภคี”
ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกับคอมมูน
กล่าวคือผลผลิตและทรัพย์สินที่ประชาชนในนิคมสันติอโศกสร้างขึ้น
ไม่ว่ามากหรือน้อย
ตกเป็นสมบัติของส่วนกลางตามแบบฉบับของประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
ซึ่งได้ทดลองทำอยู่ในภาคเหนือ – อีสาน- และภาคกลาง รวมแล้วมากกว่า 36
จังหวัด
แนวทางของสันติอโศก ปฏิเสธการเลือกตั้ง
เพราะเชื่อว่าเลือกตั้งอย่างไรก็ไม่มีทางได้คนดี จึงต้องการใช้วิธีการ
“แต่งตั้ง” สภาสูง สภาต่ำ คนที่จะได้รับการแต่งตั้งคือ “นักการเมือง”
ที่ผ่านการศึกษา จบหลักสูตรมาจากโรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรี
หรือจบจากวิทยาลัยของสำนักสันติอโศกที่จังหวัดอุบลราชธานี
สันติอโศกต้องการต่อสู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้วยการเจาะเข้าหา “กองทัพ” และเจาะเข้าหาศูนย์อำนาจตั้งแต่ระดับสูงสุด
ลงมาจนถึงพรรคการเมืองและประชาชนระดับล่าง
ดังที่ได้ลงมือทำไปแล้วในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
แนวทางที่สันติอโศกเสนอได้แก่การถวายคืนพระราชอำนาจ
ทำปฏิวัติใหญ่ในประเทศไทยให้เป็นจริง ด้วยการ “ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ”
ปิดประเทศ ๕ ปี จัดระเบียบสังคมใหม่
นำประเทศเข้าสู่แนวทางของทฤษฎีสาธารณโภคี
สร้างประชาชนให้เป็นชาวอารยะทุกหย่อมหญ้า
ประกันได้เต็มร้อยว่าประชาชนในประเทศไทยจะได้ทำบุญมากกว่าที่ต้องการ
จะมีกินมีใช้อย่างเสมอเหมือนครบทุกครัวเรือน
ไม่มีคนจนหลงเหลืออยู่ในประเทศอีกต่อไป
แต่การที่จะได้สิ่งนี้
จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางให้เกิดข้อขัดแย้งทางการเมือง
เพื่อจะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังที่ได้กระทำอยู่ในขณะนี้
ด้วยความพยายามให้ประชาชน “สองฝ่าย” ยกพวกปะทะกัน อันจะเป็นเหตุผล
“ให้ทหาร” ต้องใช้กำลังออกมาทำการรัฐประหารยึดอำนาจ เพื่อการรักษาความสงบ
ความพยายามของพันธมิตร เมื่อวันที่ 30 – 31 พฤษภาคม 2555
เป็นการทำงานตามแผนการดั้งเดิมที่ได้เขียน “ลายแทง” เอาไว้
ซึ่งไปตรงกับความต้องการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นเนื้อเดียวกัน
ผมรีบหาข่าว “ด่วนจี๋” จากประเด็นดังกล่าวและได้ข่าวมาดังนี้
จะอาศัยปัญหาข้อขัดแย้ง พ.ร.บ. ปรองดอง เป็นหัวเชื้อจุดชนวนให้เกิดความวุ่นวาย
พยายามทุกรูปแบบเพื่อจะให้ทหารทำการรัฐประหาร
ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ กวาดล้างคนเสื้อแดง
ตั้งคณะผู้บริหารประเทศใหม่ภายใน 9 ชั่วโมงแล้วปิดประเทศ 5 ปี
ไม่มีการเลือกตั้งใดๆทั้งสิ้น
สุดท้าย (2 มิถุนายน 255)
ผมได้ข่าวใหม่เอี่ยมอ่องว่าพันธมิตรภายใต้ร่างทรงของสันติอโศก
มีทุนที่จะเคลื่อนไหวนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปภายใต้นโยบาย
“การถวายคืนพระราชอำนาจ” ปิดประเทศ 5 ปี
เปลี่ยนแนวทางการแสวงหานักการเมืองมาจากการแต่งตั้ง จัดระเบียบสังคมใหม่
นำประเทศไปสู่ยุคใหม่ภายใต้ทฤษฎี “สาธารณโภคี” ตามอุดมการณ์ของสันติอโศก
(ทฤษฎีนี้มีสอนอยู่ที่สันติอโศก บึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร และราชธานีอโศก)
พันธมิตรและสันติอโศกเชื่อมั่นมากว่าจะสามารถจุดกระแสได้สำเร็จ
ทั้งนี้เนื่องจาก ปชป. และพวกตัวการที่มีเอี่ยวกับคดี 91 ศพ
พากันหวาดผวาว่าจะไปไม่รอด จึงมองหาทางรอด ซึ่งมีอยู่เพียงช่องทางเดียว
ได้แก่การ “ทำรัฐประหาร” จะได้รวบหัวรวบหา จัดการแก้ปัญหาให้กับตนเอง
วิธีการดังกล่าวนี้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับแนวทางของสันติอโศกเป็นเนื้อเดียวกันได้เป๊ะ
จึงประเมินสถานการณ์ได้เลยว่า ประเทศไทยคงจะหนีความ “ยุ่งยาก” ไปไม่พ้น
ผมสงสารแผ่นดินของตัวเองเหลือเกิน...แต่ผมจะทำอย่างไรได้ ผมมันเท่ากับ
“ฝุ่นละออง” ของแผ่นดิน
ไม่มีใครเขาฟังผมดอกครับ...ผมทำได้เพียงอย่างเดียวคือเขียนแฉ
เท่าที่สติปัญญาจะไปหาข่าวมาได้
ผมจะหาข่าวมาเสนอบ่อยๆ
ข่าวใหม่...วันที่ 8 มิถุนายน 2555 ...พันธมิตรกับ ปชป. จับมือกันแน่นปึก ?!
เขียนแฉขนาดนี้ จะมีคนเชื่อไหมหนอ ?
“สอาด จันทร์ดี”
2 มิถุนายน 2555
lucky m.- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 2803
Join date : 12/06/2010
สอาด จันทร์ดี ... เขียน ตักเตือน สนธิจำลอง
สอาด จันทร์ดี ... เขียน
ตักเตือน สนธิจำลอง
ผมไม่เคยเขียนตักเตือนใครมาก่อนเลย วันนี้ขออนุญาตเขียน “ตักเตือน”
นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นครั้งแรก คืออยากตักเตือน “สนธิ ลิ้มทองกุล”
กับ “พลตรี จำลอง ศรีเมือง” ซึ่งถือเป็นการตักเตือนครั้งที่ 1 เมื่อวันที่
9 มิถุนายน 2555 ! อันอาจจะมีครั้งที่ 2 และที่ 3
อีกเมื่อใดไม่อาจทราบได้
เพื่อไม่ให้เกิดความเยิ่นเย่อ – ยืดยาด - อืดอาด ผมขอเข้าสู่เนื้อหาทันทีเลย ดังนี้
หนึ่ง ...!
อยากจะขอเตือนว่าพวกคุณทั้งสองคนได้ทำให้ประเทศชาติและสถาบันของชาติได้รับ
ความกระทบกระเทือนอย่างหนัก สาหัสสากรรจ์มาแล้ว
กล่าวคือสถาบันพระพุทธศาสนาถูก
“สันติอโศก”บ่อนทำลายแทบว่าจะบดละเอียดขนาดนั้น
โดยมิได้มีจิตสำนึกว่าสิ่งที่ได้กระทำไปนั้น
ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่คณะสงฆ์เพียงใด
สอง...! ต่อมา
พวกคุณทั้งสองได้รวมหัวกันประกาศว่า “เป็นกลุ่มประชาชนเสื้อเหลือง”
ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี แล้วกล่าวหา “ประชาชนเสื้อแดง”
ว่าเป็นพวกล้มเจ้า เป็นการแบ่งประชาชนในชาติให้เป็นศัตรูซึ่งกันและกัน
ประการสำคัญ
พวกคุณได้กระทำหลายรูปแบบเพื่อจะให้องค์พระมหากษัตริย์เป็นศัตรูกับประชาชน
การกระทำเยี่ยงนี้ ถือได้ว่าเป็นการ “จุดไฟในนาคร”
ที่น่าขยะแขยงหาที่เปรียบมิได้ ทั้งนี้เนื่องจากสถาบัน
“พระมหากษัตริย์หมายถึงสถาบันรวมความรักของปวงชนให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อความ
มั่นคงของประเทศไทยทั้งประเทศ พสกนิกรจะเป็นศัตรูกับพระมหากษัตริย์มิได้”
?! (ถ้าพระเจ้าแผ่นดินกับประชาชนเป็นศัตรูแก่กัน จะเกิดอะไรขึ้น) ?
พวกคนทั้งสองได้พากัน
กล่าวโทษประชาชนเรือนล้านว่าเป็นพวกไม่รักพระราชา
แล้วกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงจะล้มเจ้า
ทำให้เกิดความร้าวฉานในสังคมของประเทศไทยสุดที่จะยับยั้งเอาไว้ได้
แม้ว่าคนเสื้อแดงประกาศตอบโต้ว่าไม่เคยคิดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เพียง
ไร พวกเขาก็ไม่รับฟัง หากแต่ยังคงใส่ร้ายป้ายสีและกล่าวหาหนักข้อยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล กับพลตรี จำลอง ศรีเมือง
จึงกลายเป็นคนทำลายความมั่นคงตัวร้าย ถ้าไม่หยุดการกระทำ
และไม่ออกมาขอโทษประชาชน ไม่มีการกล่าวคำสารภาพว่าได้ทำผิดไปแล้ว
ก็จะกลายเป็นมะเร็งร้ายบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันอย่างร้ายแรง
ผมขออธิบายขยายความต่อไปว่า การที่พลตรีจำลอง ศรีเมือง
เอาตัวเข้าไปรับใช้ “ผีบุญโพธิรักษ์” เจ้าสำนักสันติอโศก
นับว่าเป็นความผิดที่เป็นบาปอย่างหนัก ทั้งนี้เนื่องจาก “โพธิรักษ์”
ได้กล่าวจ้วงจาบต่อพระธรรมวินัย มี “คดีความ” กับองค์สมเด็จพระสังฆราช
ประกาศไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ แยกตัวเป็นแผ่นดินอิสระ (นานาสังวาส)
และอหังการขนาดเอาพระพุทธรูปไปโยนทิ้ง
การกระทำของสันติอโศกถือเป็นภัยอันร้ายแรงของพระพุทธศาสนา !
พลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้เอาตัวไปรับใช้
ขยายเครือข่ายให้สันติอโศกอย่างไม่ยีหระต่อคณะสงฆ์ไทย แถมยังกล่าวหา
“มหาเถรสมาคม” เป็นแค่สมาคมของพระสมาคมหนึ่ง-เท่านั้น
นับได้ว่านี้คือการกระทำที่ได้ “ปฏิบัติการ” ไปแล้วด้วยอาการเหิมเกริม
ความเหิมเกริมของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้ทำตัวเป็น “กำแพง”
ให้สันติอโศกได้เอาหลังพิงไปเปิดโรงเรียนผู้นำ
เปิดสำนักทฤษฎีชี้นำเพื่อจะเปลี่ยนสังคมไทยตามแนวทางของสันติอโศก
จนปรากฏว่าได้มีหมู่บ้าน (นิคม)
สันติอโศกเกิดขึ้นในทุกภาคของประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อยกว่า 36 แห่ง
แต่ละแห่งล้วนแต่เป็นศัตรูกับคณะสงฆ์ไทย
(ซึ่งผมไม่ทราบว่าเหตุไรทางการจึงไม่ปราบคนพวกนี้..?)
สาม...! ในการรวมตัวของคนทั้งสอง คือ “สนธิ
ลิ้มทองกุล” กับ “พลตรีจำลอง ศรีเมือง”
โดยอาศัยพลังของสันติอโศกเอามาเป็นกองหนุน จัดตั้งพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย
(พธม.) ดังที่ประเทศไทยทราบดีอยู่แล้วนั้น
สุดท้ายได้ยกระดับขึ้นมาเป็นการต่อสู้ทางการเมือง โดยเอา พ.ต.ท. ดร.
ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นตัวละคร ด้วยการอ้างว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร
เป็นอันตรายต่อชาติ จะต้องกำจัดทักษิณให้พ้นไปจากประเทศไทย
แล้วก็ได้กระทำต่อทักษิณตั้งแต่ปี 2548 มาจนถึงปีนี้ (2555) รวมเป็นเวลาถึง
7 ปีเต็มโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดการกระทำ
ครั้งหลังสุดได้แก่การประกาศเคลื่อนไหวใหญ่เมื่อวันที่ 30
พฤษภาคม 2555 ด้วยการประกาศว่า นี้คือ “ศึกสุดท้าย ชี้ชะตาประเทศไทย”
ซึ่งเป็นการประกาศในท่ามกลางการความปลื้มปีติของพรรคประชาธิปัตย์ถึงขนาด
เข้าร่วม “ต่อสู้” ทั้งในสภาและนอกสภา (พาดหัว ASTV ผู้จัดการ สุดสัปดาห์)
เห็นไหมครับ พวกเขาร่วมกันขนคนมาต่อสู้นอกสภาแน่นพรึบโดยใช้
ส.ส.เป็นนักรบในสภาด้วยการ
กระชากเก้าอี้ประธานสภาแบบไม่ยีหระต่อสายตาประชาชนจะตกใจ
แถมพากันแล้วเควี้ยงปาแฟ้มเอกสารเข้าใส่อย่างโกลาหล ส.ส. ปชป. คนหนึ่ง
กระโดดบีบคอ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ราวจะฆ่าให้ตายกลางสภา
อันเป็นการกระทำการเยี่ยงสโมสรที่ป่าเถื่อนไร้อารยะธรรม
(เหลือแต่ยังไม่ปาอุจจาระ)
แต่พวกเขากลับมีความรู้สึกว่านี้คือการต่อสู้อันเยี่ยมยอด
แล้วไชโยโห่ร้องในการกระทำของตน
สี่...! ผมจึงขอเขียน “ตักเตือน”
บุคคลทั้งสอง ขอให้หยุดการกระทำเสียเถิด
ขออย่าไปเป็นเครื่องมือให้แก่พรรคการเมืองชั้นเลว
ที่เอาประเทศชาติมาแกว่งเล่นประหนึ่งลูกตุ้มต่อไปเลย
ผมขอพูดจาตักเตือนต่อไปว่า ถ้าไม่หยุดการกระทำ
ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ในประเทศไทยอย่างสงบ
เพราะว่าพวกคุณได้ทำบาปต่อแผ่นดินจนปรากฏชัดว่าเป็นคนชั่วเอาแต่ประโยชน์ใส่
ตน หาได้มีเจตนาดีแต่ประการใดไม่
ที่สำคัญที่สุดได้แก่
“ความมั่นคงนั้นมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมแห่งความรัก”
แต่พวกคุณได้โยนบาปใส่สถาบันด้วยการกุเรื่อง กล่าวหาว่ามีราษฎรกลุ่มหนึ่ง
(คนเสื้อแดง)กำลังจะล้มเจ้า ด้วยการหยิบยกเอา พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร
ขึ้นมาเป็นตุ๊กตา ปั้นให้เป็นหัวหน้าก่อการร้าย
แล้วได้ปลุกระดมความเท็จให้เกิดความเข้าใจผิดไปทั่วแผ่นดิน
การกระทำเยี่ยงนี้ ถ้าไม่หยุดแล้วละก็...ประเทศไทยเกิดสงครามเข่นฆ่ากันเองอย่างไม่มีทางเลี่ยง
สุดท้ายคือคนไทยก็จะรุมฆ่ากันเองด้วยปัญหาเอาเจ้ามาเป็นตัวประกัน
ผมขอ “ตักเตือน”
บุคคลทั้งสองรวมทั้งขอตักเตือนพรรคประชาธิปัตย์
ขอให้หยุดการกระทำด่วนที่สุด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ากระทำการใด ๆ
เหมือนคนบ้าต่อไปเลย การกระทำแบบนี้จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง ตักเตือนชัด
ๆ แบบนี้ เข้าใจไหมครับ?!
“สอาด จันทร์ดี”
ตักเตือน สนธิจำลอง
ผมไม่เคยเขียนตักเตือนใครมาก่อนเลย วันนี้ขออนุญาตเขียน “ตักเตือน”
นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นครั้งแรก คืออยากตักเตือน “สนธิ ลิ้มทองกุล”
กับ “พลตรี จำลอง ศรีเมือง” ซึ่งถือเป็นการตักเตือนครั้งที่ 1 เมื่อวันที่
9 มิถุนายน 2555 ! อันอาจจะมีครั้งที่ 2 และที่ 3
อีกเมื่อใดไม่อาจทราบได้
เพื่อไม่ให้เกิดความเยิ่นเย่อ – ยืดยาด - อืดอาด ผมขอเข้าสู่เนื้อหาทันทีเลย ดังนี้
หนึ่ง ...!
อยากจะขอเตือนว่าพวกคุณทั้งสองคนได้ทำให้ประเทศชาติและสถาบันของชาติได้รับ
ความกระทบกระเทือนอย่างหนัก สาหัสสากรรจ์มาแล้ว
กล่าวคือสถาบันพระพุทธศาสนาถูก
“สันติอโศก”บ่อนทำลายแทบว่าจะบดละเอียดขนาดนั้น
โดยมิได้มีจิตสำนึกว่าสิ่งที่ได้กระทำไปนั้น
ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่คณะสงฆ์เพียงใด
สอง...! ต่อมา
พวกคุณทั้งสองได้รวมหัวกันประกาศว่า “เป็นกลุ่มประชาชนเสื้อเหลือง”
ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี แล้วกล่าวหา “ประชาชนเสื้อแดง”
ว่าเป็นพวกล้มเจ้า เป็นการแบ่งประชาชนในชาติให้เป็นศัตรูซึ่งกันและกัน
ประการสำคัญ
พวกคุณได้กระทำหลายรูปแบบเพื่อจะให้องค์พระมหากษัตริย์เป็นศัตรูกับประชาชน
การกระทำเยี่ยงนี้ ถือได้ว่าเป็นการ “จุดไฟในนาคร”
ที่น่าขยะแขยงหาที่เปรียบมิได้ ทั้งนี้เนื่องจากสถาบัน
“พระมหากษัตริย์หมายถึงสถาบันรวมความรักของปวงชนให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อความ
มั่นคงของประเทศไทยทั้งประเทศ พสกนิกรจะเป็นศัตรูกับพระมหากษัตริย์มิได้”
?! (ถ้าพระเจ้าแผ่นดินกับประชาชนเป็นศัตรูแก่กัน จะเกิดอะไรขึ้น) ?
พวกคนทั้งสองได้พากัน
กล่าวโทษประชาชนเรือนล้านว่าเป็นพวกไม่รักพระราชา
แล้วกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงจะล้มเจ้า
ทำให้เกิดความร้าวฉานในสังคมของประเทศไทยสุดที่จะยับยั้งเอาไว้ได้
แม้ว่าคนเสื้อแดงประกาศตอบโต้ว่าไม่เคยคิดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เพียง
ไร พวกเขาก็ไม่รับฟัง หากแต่ยังคงใส่ร้ายป้ายสีและกล่าวหาหนักข้อยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล กับพลตรี จำลอง ศรีเมือง
จึงกลายเป็นคนทำลายความมั่นคงตัวร้าย ถ้าไม่หยุดการกระทำ
และไม่ออกมาขอโทษประชาชน ไม่มีการกล่าวคำสารภาพว่าได้ทำผิดไปแล้ว
ก็จะกลายเป็นมะเร็งร้ายบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันอย่างร้ายแรง
ผมขออธิบายขยายความต่อไปว่า การที่พลตรีจำลอง ศรีเมือง
เอาตัวเข้าไปรับใช้ “ผีบุญโพธิรักษ์” เจ้าสำนักสันติอโศก
นับว่าเป็นความผิดที่เป็นบาปอย่างหนัก ทั้งนี้เนื่องจาก “โพธิรักษ์”
ได้กล่าวจ้วงจาบต่อพระธรรมวินัย มี “คดีความ” กับองค์สมเด็จพระสังฆราช
ประกาศไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ แยกตัวเป็นแผ่นดินอิสระ (นานาสังวาส)
และอหังการขนาดเอาพระพุทธรูปไปโยนทิ้ง
การกระทำของสันติอโศกถือเป็นภัยอันร้ายแรงของพระพุทธศาสนา !
พลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้เอาตัวไปรับใช้
ขยายเครือข่ายให้สันติอโศกอย่างไม่ยีหระต่อคณะสงฆ์ไทย แถมยังกล่าวหา
“มหาเถรสมาคม” เป็นแค่สมาคมของพระสมาคมหนึ่ง-เท่านั้น
นับได้ว่านี้คือการกระทำที่ได้ “ปฏิบัติการ” ไปแล้วด้วยอาการเหิมเกริม
ความเหิมเกริมของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ได้ทำตัวเป็น “กำแพง”
ให้สันติอโศกได้เอาหลังพิงไปเปิดโรงเรียนผู้นำ
เปิดสำนักทฤษฎีชี้นำเพื่อจะเปลี่ยนสังคมไทยตามแนวทางของสันติอโศก
จนปรากฏว่าได้มีหมู่บ้าน (นิคม)
สันติอโศกเกิดขึ้นในทุกภาคของประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อยกว่า 36 แห่ง
แต่ละแห่งล้วนแต่เป็นศัตรูกับคณะสงฆ์ไทย
(ซึ่งผมไม่ทราบว่าเหตุไรทางการจึงไม่ปราบคนพวกนี้..?)
สาม...! ในการรวมตัวของคนทั้งสอง คือ “สนธิ
ลิ้มทองกุล” กับ “พลตรีจำลอง ศรีเมือง”
โดยอาศัยพลังของสันติอโศกเอามาเป็นกองหนุน จัดตั้งพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย
(พธม.) ดังที่ประเทศไทยทราบดีอยู่แล้วนั้น
สุดท้ายได้ยกระดับขึ้นมาเป็นการต่อสู้ทางการเมือง โดยเอา พ.ต.ท. ดร.
ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นตัวละคร ด้วยการอ้างว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร
เป็นอันตรายต่อชาติ จะต้องกำจัดทักษิณให้พ้นไปจากประเทศไทย
แล้วก็ได้กระทำต่อทักษิณตั้งแต่ปี 2548 มาจนถึงปีนี้ (2555) รวมเป็นเวลาถึง
7 ปีเต็มโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดการกระทำ
ครั้งหลังสุดได้แก่การประกาศเคลื่อนไหวใหญ่เมื่อวันที่ 30
พฤษภาคม 2555 ด้วยการประกาศว่า นี้คือ “ศึกสุดท้าย ชี้ชะตาประเทศไทย”
ซึ่งเป็นการประกาศในท่ามกลางการความปลื้มปีติของพรรคประชาธิปัตย์ถึงขนาด
เข้าร่วม “ต่อสู้” ทั้งในสภาและนอกสภา (พาดหัว ASTV ผู้จัดการ สุดสัปดาห์)
เห็นไหมครับ พวกเขาร่วมกันขนคนมาต่อสู้นอกสภาแน่นพรึบโดยใช้
ส.ส.เป็นนักรบในสภาด้วยการ
กระชากเก้าอี้ประธานสภาแบบไม่ยีหระต่อสายตาประชาชนจะตกใจ
แถมพากันแล้วเควี้ยงปาแฟ้มเอกสารเข้าใส่อย่างโกลาหล ส.ส. ปชป. คนหนึ่ง
กระโดดบีบคอ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ราวจะฆ่าให้ตายกลางสภา
อันเป็นการกระทำการเยี่ยงสโมสรที่ป่าเถื่อนไร้อารยะธรรม
(เหลือแต่ยังไม่ปาอุจจาระ)
แต่พวกเขากลับมีความรู้สึกว่านี้คือการต่อสู้อันเยี่ยมยอด
แล้วไชโยโห่ร้องในการกระทำของตน
สี่...! ผมจึงขอเขียน “ตักเตือน”
บุคคลทั้งสอง ขอให้หยุดการกระทำเสียเถิด
ขออย่าไปเป็นเครื่องมือให้แก่พรรคการเมืองชั้นเลว
ที่เอาประเทศชาติมาแกว่งเล่นประหนึ่งลูกตุ้มต่อไปเลย
ผมขอพูดจาตักเตือนต่อไปว่า ถ้าไม่หยุดการกระทำ
ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ในประเทศไทยอย่างสงบ
เพราะว่าพวกคุณได้ทำบาปต่อแผ่นดินจนปรากฏชัดว่าเป็นคนชั่วเอาแต่ประโยชน์ใส่
ตน หาได้มีเจตนาดีแต่ประการใดไม่
ที่สำคัญที่สุดได้แก่
“ความมั่นคงนั้นมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมแห่งความรัก”
แต่พวกคุณได้โยนบาปใส่สถาบันด้วยการกุเรื่อง กล่าวหาว่ามีราษฎรกลุ่มหนึ่ง
(คนเสื้อแดง)กำลังจะล้มเจ้า ด้วยการหยิบยกเอา พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร
ขึ้นมาเป็นตุ๊กตา ปั้นให้เป็นหัวหน้าก่อการร้าย
แล้วได้ปลุกระดมความเท็จให้เกิดความเข้าใจผิดไปทั่วแผ่นดิน
การกระทำเยี่ยงนี้ ถ้าไม่หยุดแล้วละก็...ประเทศไทยเกิดสงครามเข่นฆ่ากันเองอย่างไม่มีทางเลี่ยง
สุดท้ายคือคนไทยก็จะรุมฆ่ากันเองด้วยปัญหาเอาเจ้ามาเป็นตัวประกัน
ผมขอ “ตักเตือน”
บุคคลทั้งสองรวมทั้งขอตักเตือนพรรคประชาธิปัตย์
ขอให้หยุดการกระทำด่วนที่สุด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ากระทำการใด ๆ
เหมือนคนบ้าต่อไปเลย การกระทำแบบนี้จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง ตักเตือนชัด
ๆ แบบนี้ เข้าใจไหมครับ?!
“สอาด จันทร์ดี”
lucky m.- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 2803
Join date : 12/06/2010
Similar topics
» บทความจากอ.สอาด จันทร์ดี
» เจาะข่าวลึก!!ในเขมร โดย อ. สอาด จันทร์ดี
» สอาด จันทร์ดี...เขียน ป้ายหัวหมา หัวลิง ?!
» อ. สอาด จันทร์ดี >>หลุมศพ *ปริศนา* ระยอง ?
» ดูลัทธิรอมชอม... "กัดกิน" กัดดาฟี่?! โดย...สอาด จันทร์ดี
» เจาะข่าวลึก!!ในเขมร โดย อ. สอาด จันทร์ดี
» สอาด จันทร์ดี...เขียน ป้ายหัวหมา หัวลิง ?!
» อ. สอาด จันทร์ดี >>หลุมศพ *ปริศนา* ระยอง ?
» ดูลัทธิรอมชอม... "กัดกิน" กัดดาฟี่?! โดย...สอาด จันทร์ดี
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ