Re: updateข่าว"ว่าที่นายกฯหญิงยิ่งลักษณ์" 1ก.ค.54: เปิดใจ"อนุสรณ์ อมรฉัตร" "ภรรยาของผม อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง" >>ต่อไปนี้ไม่ใช่ว่าที่อีกแล้ว ท่านคือ นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของประเทศไทย

[goosehhardcore]

"ยิ่งลักษณ์" เปิดซิง!! ขึ้นเวทีปราศรัย หาเสียงช่วยผู้สมัครระบบเขตพื้นที่ภาคเหนือ (รับชมคลิป)
วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:01:30 น.


เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย ปราศรัยหาเสียงช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน ก่อนจะน้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้มที่มีคนมาให้กำลังจำนวนมาก ที่โรงยิมเนเซียม 1 สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1305984999&grpid=02&catid&subcatid

[goosehhardcore]

เปิดใจ"อนุสรณ์ อมรฉัตร" "ภรรยาของผม อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง"
วันที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 12:50:34 น.
หมายเหตุ - บทสัมภาษณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือ "ปรากฏการณ์ยิ่งลักษณ์" จัดทำโดยทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์โลกวันนี้

แรกเริ่มรัก
"ช่วงที่เจอคุณปู ผมทำงานบริษัทในเครือซีพี ส่วนคุณปูทำงานที่ Yellow Pages ผมรู้จักพี่สาวคุณปู เพราะเขาส่งสินค้ามาขายในแม็คโคร คุณปูอยากเอา Yellow Pages มาวางในแม็คโครเลยนัดให้เราคุยกัน ตอนเจอกันรู้สึกว่าคุยกับถูกคอ จำไม่ได้ว่าเริ่มจีบตอนไหน

ตอนนั้นคุณปูฮอต ส่วนผมก็เนื้อหอมเหมือนกัน (ยิ้ม) ผมเพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกา กลับมาทำงานบริษัทและไปสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ถือว่าหน้าที่การงานมั่นคง เลยมีคนเข้าหาเยอะแต่ผมถูกใจคุณปูที่สุด เพราะเขาสวย ทำงานเก่ง เวลาคุยสามารถปรึกษาเรื่องธุรกิจได้ เพราะเขาไม่แข็งเกินไป บางครั้งเขาแนะนำเราบางครั้งเราแนะนำเขา

ผมชอบที่คุณปูมาจากสังคมต่างจังหวัด ดังนั้น การสื่อสารระหว่างเราจึงเป็นแบบง่ายๆ คุยกันรู้เรื่อง เพราะผมเองก็เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ถ้าเทียบกับนักธุรกิจคนอื่นๆ ที่มาจีบคุณปู ผมคงสู้ไม่ได้แต่คุณปูไม่ใช่คนที่สนใจตรงนี้ คิดว่าเหตุผลที่คุณปูเลือกผมคงเพราะมองว่าขยันทำงาน

ผมประทับใจคุณปูที่เป็นคนอ่อนโยนแต่เข้มแข็ง เราทั้งคู่งานยุ่งมากเหมือนกัน แต่เขาแกร่งและขยันมาก เวลาผมโทรศัพท์ไปจีบเขาสามารถนั่งเซ็นเอกสารไปด้วยคุยไปด้วยได้ หรือบางทีผมไปพักผ่อนกับเพื่อนแล้วโทร.ไปหา เขายังนั่งทำงานอยู่เลย"

เริ่มต้นชีวิตครอบครัว
"ผมตัดสินใจขอแต่งงานกับคุณปู เพราะอยู่ด้วยแล้วมีความสุขเขาเป็นทั้งเพื่อน ที่ปรึกษา ช่วยเติมเต็มส่วนที่เราไม่มี คอยดูแลเอาใจใส่จนทำให้ชีวิตผมดีขึ้น
แม้จะแต่งงานกันแล้วเราก็ยังให้เวลาส่วนตัวซึ่งกันและกัน บางวันผมไปตีกอล์ฟ คุณปูไปร้านเสริมสวยบางครั้งผมไปสังสรรค์กับเพื่อน ส่วนเขาไปช็อปปิ้ง ทุกอย่างเลยลงตัว

ผมอยู่กับคุณปูมาเกือบ 20 ปีไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง ถ้างอนก็ไม่นาน เพราะเรามีกฎว่าถ้าผมงอนห้ามออกจากบ้าน และภายในครึ่งชั่วโมงต้องง้อเขา (หัวเราะ) ส่วนคุณปูถ้างอนแล้วออกไปไหน เขาจะโทร.บอกว่าอยู่ไหน แล้วให้ผมตามไปง้อเลยทำให้ผมคิดว่างั้นจะทะเลาะกันทำไม ดีกันไว้ดีกว่า"

ชีวิตคู่เติมเต็มเมื่อมีลูก
"ก่อนมี "น้องไปค์" ผมกับคุณปูมีกิจกรรมที่ชอบทำของแต่ละคน แต่พอมีลูกก็เปลี่ยนไปเราสองคนหันมาทุ่มเทเวลาให้ลูกหมด
ถ้าไม่มีน้องไปค์ คุณปูอาจจะเห็นว่าผมเป็นลูกไปแล้วก็ได้ เพราะก่อนมีลูกชาย เขาเคยมาลูบคอล้อเล่นแล้วเรียกว่า "ลูกป๊อปๆ" (หัวเราะ)

พอมีน้องไปค์แล้ว เราสองคนยิ่งผูกพันขึ้นเรื่อยๆ คุณปูเคยบอกว่าลูกชายกับพ่อเหมือนกันมากถึง 90% เขาบอกว่าเมื่อก่อนเวลาผมไม่อยู่เขาจะเหงา แต่ตอนนี้ผมจะไปไหนก็ได้ เพราะเขามีน้องไปค์เป็นตัวแทนผม (ยิ้ม)"

เป็นผู้หญิงแกร่ง อดทน
"คุณปูเป็นคนที่กล้ายอมรับความจริงและกล้าเผชิญความจริงเขาสามารถนั่งดูทีวีที่มีคนมาด่าหรือใส่ร้ายเขาได้ ช่วงหนึ่งที่มีแต่คนออกมาด่า ผมบอกว่าทนดูได้ยังไง ผมเห็นแล้วยังต้องรีบปิดทีวีหนี แต่เขาบอกว่าไม่ได้หรอก ต้องดูเพื่อเก็บข้อมูลจะได้ชี้แจงและตอบโต้ว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง เรียกว่าเขาอดทนและทำใจรับกับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาได้ดี

ทุกวันนี้คุณปูยังทำงานหนัก ยิ่งมาลงเล่นการเมืองก็ยิ่งทำงานหนัก ทำให้เวลาเขาบ่น ผมจะยอมๆ เขา แต่ถึงจะงานหนักยังไง แค่ไปแหย่เขาหน่อย เขาก็หัวเราะแล้ว เขารู้จักแบ่งอารมณ์ ผมยังคุมอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าเขาเลย ไม่ได้ชมกันเอง แต่ชมในฐานะนักธุรกิจและคิดว่านี่เป็นจุดแข็งของเขา"


"หลังจากนี้ครอบครัวผมคงเปลี่ยนไปเยอะ จากเดิมที่เราเป็นนักธุรกิจด้วยกันทั้งคู่ แต่พอมีคนหนึ่งเข้าไปสู่การเมือง ความเป็นส่วนตัวก็หายไปจึงต้องทำใจและทำตัวให้หนักแน่นเพราะต้องมีทั้งคนที่คิดดีและไม่ดีกับเรา แต่บางเรื่องเราก็ขำไม่ออก เพราะห่วงว่าถ้ามีคนเอาเรื่องไปจริงและไม่ดีไปบอกลูกชายเราล่ะ จะทำอย่างไร

ผมนั่งพูดกับลูกทุกวันว่า ถ้าแม่ลงเล่นการเมืองก็ต้องมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ถ้ามีคนชม ลูกรับไว้ แต่อย่าเหลิง แต่ถ้ามีคนว่าพ่อแม่ไม่ดี ลูกต้องหนักแน่น เราไม่เคยสอนให้เขารังแกใคร เอาเปรียบใคร ดังนั้น ถ้าลูกรู้ว่าแม่เป็นคนดี เวลาใครมาพูดอะไร เขาก็ต้องหนักแน่นคิดว่าต่อไปผมคงต้องระวังตัวมากขึ้น และคงปรับตัวให้ได้กับการเมืองไทย แต่ผมยืนยันว่าจะเป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเท่านั้นก็พอ"

[goosehhardcore]

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309497978&grpid=01&catid=01

[goosehhardcore]

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309497978&grpid=01&catid=01

[goosehhardcore]

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309497978&grpid=01&catid=01

[goosehhardcore]

ขอแสดงความยินดีกับว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย.. คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

[goosehhardcore]

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309671761&grpid=03&catid=80

[goosehhardcore]

เมื่อ”ยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์+เบื่ออภิสิทธิ์” ปรากฏการณ์”สึนามิ”เพื่อไทย และการเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่
วันที่ 04 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 13:30:31 น.


ถ้าไม่มีการประกาศผล”เอ็กซิทโพล”ทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆหลังการปิดหีบลงคะแนน จำนวนส.ส. 265 ที่นั่งของพรรคเพื่อไทยจะถือว่าเป็นปรากฏการณ์”แลนด์สไลด์”ครั้งใหญ่ เพราะเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่มีพรรคการเมืองชนะเลือกตั้งด้วยจำนวนส.ส.เกินครึ่งหนึ่ง หลังจากครั้งแรกที่พรรคไทยรักไทยทำสำเร็จในการเลือกตั้งปี 2548 ได้ส.ส. 377 ที่นั่ง

แต่ความสำเร็จครั้งนี้ถูกลดทอนน้ำหนักลง เพราะกกต.แถลงข่าวนี้ตอนประมาณ 22.00 น. ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ทุกช่องประกาศ”เอ็กซิทโพล”ทันทีหลังปิดหีบเลือกตั้งตอน 15.00 น. ...”เพื่อไทย”ชนะแบบถล่มทลาย
“ศรีปทุมโพล” พรรคเพื่อไทย 279 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ 146 ที่นั่ง
“เอแบคโพลล์” พรรคเพื่อไทย 299 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ 132 ที่นั่ง
และ”สวนดุสิตโพล” พรรคเพื่อไทย 313 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ 152 ที่นั่ง

ทุกโพลล้วนเกิน 270 ที่นั่ง และสูงเกิน 300 ที่นั่งสำหรับ”สวนดุสิตโพล”ซึ่งเคยแม่นยำที่สุดในการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ไม่แปลกที่จะมีเสียงเฮดังลั่นที่พรรคเพื่อไทย
พร้อมกับรอยยิ้มสะใจที่”ดูไบ”


ในขณะที่”ประชาธิปัตย์”ค่อนข้างเงียบเหงา ทุกคนมึนงงกับผล”เอ็กซิทโพล” แต่เมื่อผลการนับคะแนนจริงเริ่มเคลื่อนไหว “ประชาธิปัตย์”กลับคึกคักขึ้น เพราะผลการนับคะแนนในเขตกรุงเทพมหานครเป็นไปในทิศทางตรงข้าม ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์นำพรรคเพื่อไทยเกินกว่าครึ่ง จากโพลที่ได้เพียงแค่ 4-5 คน กลับกลายเป็น 23 คน ชนะพรรคเพื่อไทยขาดลอย


เมื่อ”เอ็กซิทโพล”ผิดพลาดในพื้นที่กทม. “ประชาธิปัตย์”ย่อมหวังว่าพื้นที่อื่นก็จะผิดพลาดเช่นกัน และบางที”ประชาธิปัตย์”อาจพลิกกลับมาชนะ หรือไม่ก็ใกล้เคียง
ประเด็นสำคัญของ”คณิตศาสตร์การเมือง”ก็คือ จำนวนส.ส.ของ”เพื่อไทย”ต้องไม่เกินกึ่งครึ่งหรือ 251 เสียง เพราะตราบใดที่”เพื่อไทย”ยังไม่ถึงครึ่ง ”ประชาธิปัตย์”ก็ยังมีหวัง


แต่เวลาผ่านไปจนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จึงออกมาแถลงข่าวยอมรับความพ่ายแพ้ ตอนนั้นตัวเลขของ”เพื่อไทย”ยังแกว่งอยู่ที่ 254-255 เสียง แต่”ตัวแปร”สำคัญคือ สัญญานจากพรรคชาติไทยพัฒนาที่ชัดเจนว่าจับมือกับ”เพื่อไทย”เรียบร้อยแล้ว


เพราะเมื่อรวมเสียงของ”ชาติไทยพัฒนา”เข้าไปด้วย จำนวนส.ส.ของ 2 พรรคก็พุ่งไปที่ระดับ 270 ยากที่จะสะกัดกั้นได้ ในการแถลงข่าวของ”อภิสิทธิ์” เขาตั้งประเด็นขึ้นมาว่าถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง แต่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ถือว่าประชาชนไม่ได้ให้ฉันทานุมัติในการล้างความผิด นิรโทษกรรม

“และประชาธิปัตย์จะเดินหน้าคัดค้านต่อไป”


และอีกประเด็นหนึ่งก็คือ เรื่อง”อนาคต”ของเขาเอง หลังจากพาพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้พรรคเพื่อไทยอย่างยับเยิน 264 ต่อ 160 ห่างกันถึง 104 ที่นั่ง ส่วนอนาคตของตัวผมเอง จะรอดูผลการเลือกตั้งที่เป็นตัวเลขทางการ แต่ผมมีคำตอบในใจแล้ว”


“อภิสิทธิ์”นั้นเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเขาพาพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้อย่างยับเยิน เขาก็คงไม่อยู่ในตำแหน่งนี้ บางทีผลสะเทือนครั้งใหญ่จากการเลือกตั้งครั้งนี้สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ใช่เพียงแค่พ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทย แต่อาจหมายถึงการ”ผลัดใบ”ครั้งใหญ่ ในตำแหน่ง”หัวหน้าพรรค”

[goosehhardcore]

เช้าวันรุ่งขึ้น อภิสิทธิ์ ก็ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคปชป. เพราะส.ส.จากการเลือกตั้ง ปี54 น้อยกว่าปี 50 อย่างชัดเจน นี่คือ ความพ่ายแพ้ที่ไม่อาจปฎิเสธ
.....................

ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้มาจากเหตุผล 4 ประการ

ประการแรก กระแส”เพื่อไทย”แรงมาก หลายพื้นที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคขนาดกลางถึงขั้นต้องยอมสละ”ปาร์ตี้ลิสต์” ขอชาวบ้านแค่คะแนน “ส.ส.เขต” ส่วนคะแนน“ปาร์ตี้ลิสต์”ยอมให้”เพื่อไทย”

ประการที่สอง เกิดกระแส”ยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์”ในต่างจังหวัด แกนนำพรรคขนาดกลางพรรคหนึ่งบอกว่ากระแสเพื่อไทยนั้นแรงกว่าพลังประชาชนเมื่อปี 2550 ไม่มากนัก แต่ กระแส”ยิ่งลักษณ์”ทำให้กระแสของ”เพื่อไทย”แรงขึ้นอีก “เหมือนกระแสดารา ชาวบ้านรอดู รอกรี๊ด”
นี่คือ ปรากฏการณ์ที่เหนือความคาดหมาย แม้แต่พรรคเพื่อไทยเอง

ประการที่สาม ผลงานของ”อภิสิทธิ์”ที่ไม่ประทับใจชาวบ้าน ทั้งเรื่องการบริหารงาน สินค้าราคาแพง
ผลงานของ”อภิสิทธิ์”คือหัวคะแนนสำคัญของพรรคเพื่อไทย
โดยเฉพาะเมื่อมีการนำมาเทียบเคียงกับผลงานสมัยพรรคไทยรักไทยในอดีต

ประการที่สี่ การสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ สร้างรอยแค้นให้กับ”คนเสื้อแดง”
และทำให้”คนเสื้อแดง”รวมตัวอย่างเหนียวแน่นเป็นอาสาสมัครหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย สร้าง”โมเดล”การหาเสียงใหม่ที่ใช้เงินน้อย แต่ประสิทธิภาพสูงยิ่งกว่าระบบ”หัวคะแนน”ในอดีต

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคอีสาน เหนือ และภาคกลางบางพื้นที่ชัดเจนอย่างยิ่ง
ไม่แปลกที่ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อแกนนำของพรรคเพื่อไทยถามเพื่อนที่เป็นขุนพลของพรรคขนาดกลางพรรคหนึ่งว่ากระแสในพื้นที่เป็นอย่างไรบ้าง

“เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์เหมือนปี 2550 หรือเปล่า”
คำตอบที่ได้จึงเป็นคำปฏิเสธที่น่ากลัวกว่า

“ไม่ใช่แลนด์สไลด์ แต่เป็นสึนามิ”

265 เสียง เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
........................
การเลือกตั้งครั้งนี้ คนไทยตื่นตัวมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

คนจำนวนมากยอมรอคิวยาวนานเพื่อเลือกตั้งล่วงหน้า

หรือคนจำนวนเป็นหมื่นและหลายหมื่นคนยอมยืนตากฝนฟังปราศรัยครั้งสุดท้ายของ”เพื่อไทย”และ”ประชาธิปัตย์”
หรือการออกไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งอย่างมืดฟ้ามัวดิน

ว่ากันว่าความรู้สึกของคนไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่น

เพราะเป็นการเลือกอย่างมีอารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรง

ไม่ใช่แค่รักพรรคที่เลือก

แต่ยังเลือกเพราะเกลียดอีกพรรคหนึ่งอย่างสุดอารมณ์

การแข่งขันอย่างรุนแรงระหว่าง 2 พรรคใหญ่ ทำให้เกิดกระแสการเลือกฝ่ายอย่างชัดเจน

ยิ่งแกนนำของ 2 พรรคออกมาเรียกร้องประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ์แบบ”เด็ดขาดไปเลย”

คนก็ยิ่งออกมาใช้สิทธิ์ตัดสินชะตากรรมของประเทศ

การหาเสียงช่วงแรก“ประชาธิปัตย์”สู้ด้วยเกม”นโยบาย” แต่เข้าสู่โค้งสุดท้าย “ประชาธิปัตย์”ก็งัดวิชาที่เชี่ยวชาญที่สุดมาใช้ เป็นวิชาการทำลายความน่าเชื่อถือของคู่ต่อสู้

ทั้งเรื่อง”เผาบ้านเผาเมือง” หรือแนวคิดนิรโทษกรรม”ทักษิณ ชินวัตร” หลายคนอาจประเมินว่าเกมนี้”ประชาธิปัตย์”พลาด แต่ผลการเลือกตั้งชัดเจนว่า”ประชาธิปัตย์”ตัดสินใจถูกต้องสำหรับยุทธศาสตร์การถอย เพราะเป้าหมายของ”ประชาธิปัตย์”คือการรักษาสนามกทม.

การงัดคำ”เผาบ้านเผาเมือง”และจะไม่”ล้างพิษ”ให้”ทักษิณ”สามารถสร้างกระแสได้สำเร็จ
“ประชาธิปัตย์”สามารถพลิกเกมเอาชนะ”เพื่อไทย”ได้หลังจากตกเป็นรองมาตลอด

ปชป.ได้ 23 ที่นั่ง เพื่อไทย 10 ที่นั่ง

และผลการเลือกตั้งในกทม.เหมือนเป็นสัญญานว่า”คนกรุง”ยังไม่ได้ให้ใจกับ”เพื่อไทย” และบางทีทฤษฎี"สองนคราประชาธิปไตย"อาจกลับมาอีกครั้ง คนต่างจังหวัดตั้งรัฐบาล แต่”คนกรุง”ล้มรัฐบาล

ยิ่งเห็นร่องรอย”กับระเบิด”ที่”ประชาธิปัตย์”วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการจุดประเด็นคัดค้านการ”นิรโทษกรรม”ในการแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ การถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก ในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร

หรือการขุดคุ้ยคดี”ซุกหุ้น”ของ”ทักษิณ”ที่”ยิ่งลักษณ์”เกี่ยวพันด้วย ที่”แก้วสรร อติโพธิ”วางชนวนระเบิดเอาไว้ ทั้งหมดล้วนเป็นสัญญานอันตรายของ”ยิ่งลักษณ์”
ตั้งแต่วันแรกที่ชนะการเลือกตั้ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309757669&grpid=01&catid=no&subcatid=0000