อีกคนที่ผมติดตาม

[goosehhardcore]

ดื่มน้ำชาเพื่อคิดก่อการใหญ่ — at The Wolseley. -วีรพัฒน์ ปริยวงศ์

ที่มา FB : วีรพัฒน์ ปริยวงศ์

[goosehhardcore]

อ.วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ร่วมเคลื่อนไหวกับชาวอังกฤษ เรียกร้อง ให้ปลดปล่อยประเทศไทยออกจาก "เผด็จการ" cr.pages: ยุติธรรม อยู่ไหน

[goosehhardcore]

อ.วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ร่วมเคลื่อนไหวกับชาวอังกฤษ เรียกร้อง ให้ปลดปล่อยประเทศไทยออกจาก "เผด็จการ" cr.pages: ยุติธรรม อยู่ไหน: Jun 02, 2014

[goosehhardcore]

“การนัดคุยระหว่างผมและท่านผู้ช่วยทูตทหารผ่านไปด้วยดี เราแลกเปลี่ยนความเห็นและยินดีรับฟังกันและกัน ก่อนกลับ ท่านทูตทหารได้มอบแถลงการณ์ คสช. ให้ผมเป็นที่ระลึกไว้ด้วย fb.me/2tjfsKP4a

ส่วนเย็นนี้ ขอเชิญคนไทยในอังกฤษมาร่วมงานเสวนา "รัฐประหารและจากนี้ไป : วิกฤติการเมืองไทย" เวลาห้าโมงเย็น ณ SOAS จากนั้น ช่วงสองทุ่ม เราจะไปทานข้าวเย็นร่วมกันต่อครับ” -วีรพัฒน์ ปริยวงศ์

รายละเอียด http://on.fb.me/1rH2uDI

[goosehhardcore]

จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair

เรียน พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยและชิงชังเผด็จการทุกท่าน

ผมต้องขออภัยที่ขาดการติดต่อกับท่านไปนานทีเดียว เหตุผลก็เพราะระบอบเผด็จการของไทยได้ใช้อำนาจเถื่อนทุกวิถีทางในการทำร้ายและทำลายพวกเราอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชี้ว่า เมืองไทยคงไม่ได้กลับคืนสู่ภาวะประชาธิปไตยอีกนาน และเหลือบในเครื่องแบบทหารฝูงนี้คงจะยึดครองอำนาจรัฐที่ปล้นไปจากประชาชนทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตัวเอง ลูกเมีย (บางคนหลายๆ บ้าน) และพรรคพวกอย่างนับไม่ถ้วน นี่คือความทุกข์อันมหาศาลที่ฝ่ายอำมาตย์ศักดินาร่วมกันก่อให้กับสังคมไทย นโยบายคืนความสุขให้กับพวกเราจึงเป็นเพียงการแสดง (ที่ไม่สมจริง) และเป็นคำโกหกตอแหลล้วนๆ หนทางเดียวที่พวกเราชาวไทยจะได้ความสุขกลับคืนมาคือต้องต่อสู้โค่นล้มคนเลวเหล่านี้เท่านั้น

ขอไม่ใช้เวลาท่านมากเหมือนก่อนๆ เพราะสถานการณ์รัดรึง ผมขอสรุปสั้นๆ ให้ทุกท่านได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวของขบวนประชาธิปไตย ดังนี้

๑. เราได้ร่วมกันก่อตั้งองค์การเพื่อการต่อสู้เผด็จการขึ้นแล้ว อีกไม่กี่วันนี้จะถือวันดีทางประวัติศาสตร์เป็นวันประกาศอิสรภาพของคนไทยทั้งชาติและทั่วทั้งโลก รวมทั้งภารกิจที่เราจะถือเป็นธงชัยแห่งการปฏิวัติประชาธิปไตยสืบไป

๒. อย่านึกน้อยใจว่าทำไมเรายังไม่ปรึกษาหารือ หรือเชื้อเชิญท่านเข้าร่วม ถึงวันนั้นท่านจะรู้เองว่าใครที่มีหัวใจประชาธิปไตยและชิงชังเผด็จการคือเครือข่ายเดียวกันทั้งสิ้น วันนี้เราอยู่ภายใต้ความกดดันจากทุกสารทิศ ขอให้เห็นใจ เข้าใจ ถึงเวลาเราจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดที่สุด ประดุจเป็นร่างกายจิตใจเดียวกัน

๓. นานาชาติหลั่งไหลให้ความสนับสนุนเราอย่างน่าชื่นใจ ผมรู้ดีเพราะเป็นศูนย์กลางในเรื่องนี้อยู่ เรามีมวลมิตรประชาธิปไตย ไม่เฉพาะเชื้อสายไทยแต่เป็นระดับโลก ซึ่งประกาศองค์กรแล้วเราจะได้เปิดเผยกันต่อไป วันนี้ต้องขอเก็บหลายอย่างไว้เป็นภารกิจลับก่อน ขอให้ท่านโปรดเข้าใจ
วันนี้คุยเท่านี้ก่อนครับ งานรออยู่อีกมากนัก

รักทุกท่านมาก ผมมอบชีวิตให้กับท่านและประชาธิปไตยไทยเรียบร้อยแล้ว

จักรภพ เพ็ญแข 11 มิ.ย. 2557

[goosehhardcore]

การห้ามเยี่ยมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณี นายสมบัติ บุญงามอนงค์

โดย พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) (และเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ทำงานกับปัญหาภาคใต้มาเป็นเวลานาน)

ในสภาพการณ์การบังคับใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ มีสิ่งใหม่ใหม่ด้านสิทธิมนุษยชนที่คนในกรุงเทพและทั่วประเทศจะต้องเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำว่า ห้ามเยี่ยม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราขยาดและหวาดกลัวกับว่าห้ามเยี่ยม มาตลอดระยะเวลา10 ปี ที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก

การห้ามเยี่ยมในบริบทจังหวัดชายแดนใต้ หมายถึงทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินกรรมวิธี หรือในกระบวนการยุติธรรมปกติ น่าจะหมายถึงการสอบสวน การหาข่าว การขยายผล
เจ้าหน้าที่ก็พยายามพูดกับญาติหรือองค์กรสิทธิมนุษยชนว่า "ขอความร่วมมือ" แต่เราในฐานะนักสิทธิมนุษยชนที่ติดตามการควบคุมตัวบุคคลภายใต้กฎอัยการศึก พบว่า นอกจากที่เราห่วงกังวลว่าการควบคุมตัว 7 วัน เป็นการควบคุมตัวไม่ชอบ (arbitrary detention) ยังอาจหมายถึง การซ้อมทรมานให้รับสารภาพ หรือบังคับให้ชี้ภาพ ชี้รูป ระบุชื่อคนที่รู้จัก แล้วนำไปสู่การซัดทอดเป็นเหตุผลเดียวที่จนท.ใช้ในการจับกุมตัวบุคคลอื่นเพิ่มเติม เราเรียกติดปาก ว่า "ซัดทอด"

ในบริบทจังหวัดชายแดนใต้เจ้าหน้าที่มักอ้างเหตุสงสัย แต่ไม่มีเหตุผลเพียงพอในการควบคุมตัวตามกฎหมาย จึงได้ควบคุมตัวบุคคลตามอำนาจกฎอัยการศึก หรือถ้ามีหมายจับ หรือหลักฐานเบื้องต้นว่าอาจกระทำความผิดต่อความมั่นคง (ซึ่งก็ตีความได้กว้างมาก) ก็นำเข้าสู่กระบวนการ "ซักถาม" หรือ "ดำเนินกรรมวิธี" เสียก่อน 7วันหรือน้อยกว่า แล้วนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามพรบ.ฉุกเฉิน แล้วค่อยนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติที่ใช้กันทั่วประเทศ โดยมีการนำบันทึกการซักถามมาประกอบการดำเนินคดีด้วย

สิ่งนี้สร้างความเสียหายแก่กระบวนการยุติธรรมในจังหวัดชายแดนใต้มาหลายปี จนมีการเปิดเผย สร้างความเข้าใจกับองค์กรตุลาการ ทำให้หลายคดีมีบรรดทัดฐานที่จะไม่รับฟังพยานหลักฐานในชั้นซักถาม ตามกฎหมายพิเศษในการพิจารณาคดีของศาลพลเรือนในคดีความมั่นคง

ย้อนมาถึงการ "ห้ามเยี่ยม" ในจังหวัดชายแดนใต้ เราได้รณรงค์และสร้างความเข้าใจกับจนท.ทหารที่มีอำนาจกักตัวตามกฎอัยการศึก7วัน จนกระทั่งมีคำสั่งแก้ไข ข้อห้ามที่ว่า ไม่ให้ญาติเยี่ยมเป็นเวลาสามวัน ออกไปได้จากระเบียบกอรมน. ทำให้ญาติใกล้ชิดสามารถเยี่ยมบุคคลที่ถูกกักตัวได้ตั้งแต่วันแรก อีกทั้งจนท.ทหารในพื้นที่
หรือชุดจับกุมจะต้องบอกสถานที่ควบคุมตัวบุคคคลอย่างชัดเจนกับญาติ ญาติมีสิทธิที่จะติดตามและขอเยี่ยมบุคคลได้ตั้งแต่วันแรก สามารถส่งมอบสิ่งจำเป็นต่างๆ ได้
(แต่ก็มีบางหน่วยที่ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ หรือให้แค่มองตา ส่งของ ห้ามพูด ห้ามพูดภาษามลายู หรือให้พูดคุยกันสองสามนาที รายละเอียดเกี่ยวกับทัศนคติของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติเราก็ต้องทำงานทางความคิดกันต่อไป)

เมื่อมาสังเกตการใช้อำนาจที่เข็มข้นที่แตกต่าง ในการใช้อำนาจการกักตัว 7 วันมาใช้ในกรุงเทพ และพื้นที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 20 พค. 2557
เช่นกรณีการควบคุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด  โดยไม่ระบุสถานที่ควบคุมตัว ไม่อนุญาตให้ญาติเยี่ยมตลอดระยะเวลา 7 วัน นั้นเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพราะเป็นการควบคุมตัวมิชอบ (Aribritary Detention) ที่ห้ามไว้ในกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) แม้จะอ้างถึงการขัดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นกฎหมายในประเทศ แต่การใช้อำนาจจำกัดเสรีภาพบุคคลต้องมีกฎหมายรองรับ กิจกรรมทางการเมืองของบก.รายจุด แม้จะดูน่ารำคาญในสายตาของคณะคสช. แต่นับว่าเป็นการแสดงออกทางความคิดเห็นทางการเมือง ที่เป็นไปในแนวทางสันติวิธี ที่ควรได้รับการเคารพ

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่เพียงเป็นนักต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชน (human rights defenders) ปัจจุบันเขาได้รับอีกสถานะหนึ่งคือเป็นนักโทษทางความคิด (prisoner of conscience) อีกทั้งเมื่อการควบคุมตัว 7 วันของเขาที่จะครบกำหนดในวันที่ 11 มิถุนายน 2557 อาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิของนายสมบัติและครอบครัว เนื่องจากที่เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวนายสมบัติ และบุคคลอีกจำนวนหนึ่งในเวลาเดียวกัน โดยไม่อนุญาตให้ติดต่อกับโลกภายนอก (incommunicado detetion) หรือถ้าการควบคุมตัวที่ไม่อนุญาตให้ติดต่อโลกภายนอกยาวนานออกไป ก็อาจเข้าข่ายการทรมานและการปฏิบัติอย่างโหดร้าย ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานด้วย

เราหวังว่าดำเนินการโดยไม่โปร่งใส จะตรวจสอบได้ว่าการใช้อำนาจของทหาร ภายใต้กฎอัยการศึกยังคงได้สัดส่วนและเหมาะสม หากล้ำเส้นไปมากอาจเป็นละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศหลายฉบับที่ประเทศไทย แม้ภายใต้รัฐบาลทหารก็มีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะเมื่อจะมีตัวแทนของคสช.ไปชี้แจงที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สำนักงานขององค์การสหประชาติในเดือนมิถุนายนนี้ หรือกรณีที่ทูตไทยจากประเทศต่างๆ ที่จะต้องมารับฟังข้ออ้าง เพื่อนำไปอธิบายกับประชาคมโลก ในเรื่องการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ฉีกรัฐธรรมนูญทำลายหลักการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนไปหมดสิ้น

อีกทั้ง มีคำสั่งประกาศออกมาโดยไม่ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ การใช้ศาลทหารกับพลเรือน เป็นต้น เราขอเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และบุคคลที่ถูกจับกุมพร้อมกันโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อรักษาไว้ซื่งความเชื่อมั่นว่าการดำเนินการของคสช. ได้คำนึงถึงการเคารพต่อสิทธิมนุษยชนจริงดังที่ประกาศไว้ หากพบหลักฐานในการกระทำความผิดอื่นๆ ควรนำกระบวนการยุติธรรมปกติมาใช้เพื่อรักษาหลักนิติธรรมไว้ แม้นในสถานการณ์คืนความสุขนั้นยังไม่เป็นปกติ

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01qUTNORGd6Tmc9PQ==&subcatid=

[goosehhardcore]

บก ลายจุด กับสัญลักษณ์นกพิราบ

คุมตัว "บก.ลายจุด" ฝากขังศาลทหารฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. http://news.springnewstv.tv/49539 #SpringNews

[goosehhardcore]

บก ลายจุด กับสัญลักษณ์นกพิราบ

คุมตัว "บก.ลายจุด" ฝากขังศาลทหารฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. http://news.springnewstv.tv/49539 #SpringNews

[goosehhardcore]

"บ.ก.ลายจุด" แสดงสัญลักษณ์ปีกนก ขึ้นศาลทหาร

เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 12 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลทหารกรุงเทพ สนามหลวง
ขบวนรถ รถจีเอ็มซี รถตำรวจกองปราบ และรถตู้ที่ควบคุมตัว
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนอนวันอาทิตย์สีแดง
เดินทางมาถึงศาลทหาร จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหารนำโดยพล.ต.อ.ประสบโชค
พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม
จึงควบคุมตัว บ.ก.ลายจุด ลงจากรถเข้าไปยังภายในสำนักงาน
เพื่อขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ ฝากขังผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน

โดย บก.ลายจุด แต่งกายด้วยเสื้อยืด กางเกงยีนส์
เดินตามทหารที่รายล้อมด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แววตามุ่งมั่นไม่แสดงความหวาดกลัว
ทั้งยังยิ้มเล็กน้อย แสดงออกเชิงสัญญะนำมือสองข้างมาทาบที่หน้าอกเป็นรูปปีกนก
พร้อมตอบคำถามสั้นๆกับผู้สื่อข่าวว่า "สบายดี"

ต่อมา พล.ต.อ.ประสบโชค ให้สัมภาษณ์ ว่า เป็นกระบวนการ
ขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดแรก 12 วัน โดยเรามีอำนาจขอศาลฝากครั้งได้ 4 ผลัด รวม 48 วัน
ส่วนในครั้งแรกนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตุลาการศาลว่าจะเห็นเป็นอย่างไร
จะให้นายสมบัติประกันตัวหรือไม่
ส่วนทางกองปราบฯก็จะดำเนินการหาข้อมูลหลักฐานเพื่อทำสำนวนส่งฟ้องต่อไป

ซึ่งข้อหาที่แจ้งต่อ นายสมบัติ มี 3 ข้อคือ

1.ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

2.กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ

3.ไม่ไปรายตัวตามประกาศเรียกตัวของ คสช.

ซึ่งนายสมบัติ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

แต่อย่างไรก็ตามตลอดเวลาการควบคุมตัวก่อนหน้านี้
นายสมบัติก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี

--ข่าวสดออนไลน์
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01qVTFNVEUyTlE9PQ==&subcatid=

[goosehhardcore]

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ชู 3 นิ้ว ระหว่าง ถูกนำตัวออกจากศาลทหาร
เพื่อนำตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
หลังจากช่วงเช้าถูกควบคุมตัวไปหอประชุมสโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในวันเดียวกัน

-มติชนออนไลน์ : 12 มิ.ย. 2557
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1402560791

[goosehhardcore]

" คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย "

(PetcyPs9: Jun 12, 2014 )

[goosehhardcore]

16.50น.ศาลไม่ให้ประกันตัว บก.ลายจุด  http://www.js100.com/en/site/news/view/2651 … #ข่าวPNC

สมบัติให้สัมภาษณ์ก่อนทราบผลการประกันตัวว่าหากเขาไม่ได้รับการประกันตัวก็ยังจะใส่เสื้อแดงในทุกวันอาทิตย์

“ผมอยากบอกว่า ขอบคุณทุกคน และเพื่อระลึกถึงทุกท่านที่ร่วมกันต่อสู้ เป็นกำลังใจให้โดยตลอด เมื่อปฏิทินเดินทางมาถึงวันอาทิตย์ ในทุกๆ วันอาทิตย์ ผมจะใส่เสื้อสีแดง เพื่อระลึกถึงทุกท่านและยืนยันว่ายังยืนหยัดต่อสู้” สมบัติกล่าว

[goosehhardcore]

จาก อ.ปวิน...

ผมให้สัมภาษณ์ CNN วันนี้ครับ

1. โครงการคืนความสุขคือนโยบายประชานิยมแบบฉาบฉวยที่สุด
2. ไม่มีความสุขเกิดขึ้นในหมู่คนไทยเพราะสิทธิและเสรีภาพเบื้องต้นถูกยึดไปหมด
3. บอกว่าให้ประชาชนมีความสุข แต่ก็ออกประกาศไล่จับคนเพื่อสร้างบรรยากาศของความหวาดกลัว.... ความสุข VS ความหวาดกลัว??

Gave an interview to CNN (1) happniess project is gimmick and crude form of populism (2) no one is feeling happiness when basic rights have been taken away (3) happiness VS climate of fear??? How can they co-exist?
....

Coup-maker to hit-maker: Prayuth pens ballad

By Tim Hume CNN

Thailand's new military ruler has added a personal touch to his junta's post-coup charm offensive, penning the lyrics to a patriotic ballad vowing to "return happiness" to the country.

Performed by the Royal Thai Army band, the song, "Return Happiness to Thailand," has so far racked up more than 200,000 views on YouTube since it was released on Friday. It is played regularly on Thai radio and television and has featured at the military's goodwill concerts around the country.

Colonel Krisada Sarika, head of the Royal Thai Army band, was quoted in Thai media as saying Gen. Prayuth Chan-ocha had rattled off the lyrics, in his own handwriting, in about an hour.

The song includes the couplet: "Let us be the ones who step in before it is too late / To bring back love, how long will it take?"

Since the May 22 coup d'etat, Thailand's 12th in 82 years, Thailand's junta has embarked on an unprecedented PR campaign to win hearts and minds in a divided country.

The National Council for Peace and Order, as the regime calls itself, has held public festivals featuring mini-skirted dancers, free haircuts, petting zoos and stands where the attendees can take "selfies" with soldiers. On Sunday, the regime is promising free tickets to screenings of a patriotic movie across the country.

Thitinan Pongsudhirak, a political science professor at Bangkok's Chulalongkorn University, said the PR campaign was far more intense than those following previous coups.

"Earlier coups did not require as much PR campaigning because public expectations and media tools of scrutiny at home and abroad were less pervasive and powerful," he said.

The campaign has been conducted under the banner of "happiness." On Friday, Prayuth delivered the first of a planned weekly TV and radio broadcast, "Returning Happiness to the People," in which he repeatedly struck on the concept while outlining his junta's vision.

"We need to solve many issues; from administration to the budget system, corruption, and even the starting point of democracy itself -- the election. Parliamentary dictatorship has to be removed. All these have caused conflict and unhappiness among Thai people," he said, in comments questioning whether Thailand was ready for democracy.

"We intend to return happiness to everyone living in Thailand."

But the cheery overtures have been accompanied by an unrelenting crackdown on dissent, with hundreds of people rounded up, including academics, journalists, activists and politicians.

The junta has urged government officials to identify potential troublemakers among their colleagues, and issued warnings about liking dissenting posts on social media or flashing the three-fingered anti-coup salute co-opted from the Hunger Games films.

Pavin Chachavalpongpun, a Thai associate professor of Southeast Asian Studies at Kyoto University, described the happiness campaign as a "gimmick," and a "very crude form of populism" that was unlikely to work.

"I don't think the majority of Thais will buy into this happiness project, because there is nothing to be happy about when your basic human rights have been taken away, when you cannot even express how you feel in public peacefully," he said.

"The reality is they're continuing to hunt down and harass people. Happiness versus a climate of fear -- it doesn't go together."

Thitinan conceded the campaigning might help the regime, but only in the short-term.

"Initially, the hearts-and-minds campaigns will seem to hold promise because of the complete dominance of the new regime and the lack of alternatives," he said.

"But it would be surprising if these superficial and manufactured approaches succeed in resolving such deep-seated conflicts that have built up over many years."

http://thaienews.blogspot.com/2014/06/blog-post_8904.html

[goosehhardcore]

►►►สส.สุนัยจดหมายเปิดผนึกถึงคสช.หลัง หมายจับผ่าน ปช.

►กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพ

►ผมเริ่มขีวิตทางการเมืองจากการเป็นผู้นำ นักศึกษาต่อสู้กับเผด็จการทหารมาตั้งเหตุ การณ์14ตุลา2516 และเริ่มลงสมัครเป็นตัวแทนประชาชนในฐานะประธานสภาเขตสัม พันธวงศ์กทม.ตั้งแต่ปี2528 จนถึงเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรนครสวรรค์วันนี้ เกือบ30ปีแล้วผมถือเป็นเกียรติยศที่ได้จาก ประชาชนและผมก็ทำหน้าที่ผู้แทนด้วย ความซื่อสัตย์สุจริตตรวจสอบฝ่ายบริหาร และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนไม่ เคยมีอะไรด่างพร้อย

►ทุกวันนี้สำนึกการเป็นผู้แทนราษฏรที่จะคอย ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนยังเต็มเปี่ยมในตัวผม การที่นายประยุทธหัวหน้าคณะ เผด็จการทหารข่มขู่ผมด้วยการเอาทหาร อาวุธครบมือเข้าตรวจค้นและควบคุมบ้านผม ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดตั้งแต่วันแรก ของการยึดอำนาจรวมทั้งข่มขู่ครอบครัวญาติ พี่น้องของผมล่าสุดออกหมายจับผมยัดข้อ หาต่างๆทั้งๆที่ผมไม่ได้กระทำผิดอะไร เพื่อให้ผมไปจำนนต่ออำนาจเผด็จการของมันดัง เช่นผู้นำคนอื่นๆนั้นผมขอบอกหัวหน้าคณะ เผด็จการคสช.ว่าคุณเข้าใจคนเดือนตุลาผิดไปแล้ว

อาจจะเป็นเพราะมีคนเดือนตุลาจำนวนน้อยนิดบางคนที่ขายจิตวิญญานยอมไปก้มกราบจึงทำให้เข้าใจผิดถึงจิตใจวีรชน14ตุลาที่เสียสละเลือดเนื้อชีวิตเพื่อต่อ ต้านเผด็จการนั้น ไม่มีอยู่จริง, ยิ่ง จิตใจ14ตุลาเป็นคนเสื้อแดงด้วยก็ขอบอกให้ ประยุทธรู้ว่าชีวิตนี้ไม่มีทางหมอบกราบมัน และผมจะทำหน้าที่ผู้แทนราษฏรของผมต่อ ไปและจะต่อสู้กับเผด็จการทหารต่อไปจน ชีวิตจะหาไม่

ผมดูการมอบนโยบายคสช.เพื่อการจัดทำงบ ประมาณปี2558แล้วก็บอกได้เลยว่าประชาชน คนยากจนส่วนใหญ่จะได้รับประโยชน์น้อยสุด จากพรบ.งบประมาณฉบับนี้โดยเฉพาะชาวนา ชาวไร่และนับแต่นี้ราคาข้าวเปลือกจะ ตกต่ำลงต่อเนื่องจะหนักหน่วงที่สุดเมื่อข้าวนาปีออกทั้งประเทศปลายปีนี้และกลุ่มคนที่ จะได้ประโยชน์สูงสุดคือกลุ่มนายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มเบ็กๆด้วยงบประมาณเตรียม การจะซื้ออาวุธล๊อตใหม่,เนื่องจากงบประ มาณการผ่อนส่งอาวุธเดิม900,000กว่าล้าน บาทที่ได้ตั้งงบผูกพันไว้นับแต่การรัฐประหารเมื่อ19กันยา2549ได้รีดภาษีไปผ่อนส่งใกล้ครบแล้ว

ไอ้พวกเผด็จการที่ลิ้นตวัดถึงใบหูชอบอ้างพระมหากษัตริย์และคสามรักชาตินั้นเนื้อแท้ก็ คือหาผลประโยชน์เข้าตัวและประโยชน์ที่หาง ่ายทีสุดคือเปอร์เซนต์จาการซื้ออาวุธ

►นายประยุทธอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เพราะชั่วโมงกว่าของการมอบนโยบายเมื่อวันก่อนมันวนเวียนพูดแต่เรื่องทหารแบะเรื่องอาวุธ

►ผมจะร่วมกับผู้รักประชาธิปไตยจับตาตรวจสอบ แม้จะยากลำบากเพราะมันไม่แจ้งทรัพย์สินและใช้อำนาจข่มขู่สื่อ

►ด้วยความเคารพ สส.สุนัย จุลพงศธร 14 มิย.57

K อรรถชัยอนันตเมฆ via pages: Thanachom Shinawatra: Jun 14. 2014