ย้อนศึก2ตระกูล′เมืองมหาชัย′ ′ไกรวัตนุสสรณ์′ ′ทับสุวรรณ′

[lucky m.]

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 13:00:09 น

(ที่มา : มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 28 ธันวาคม 2554)

[img][/img]
ต้อง ยอมรับว่าเป็นที่ฮือฮาขึ้นมาอีกรอบสมัยทันที หลังทายาทนักการเมือง 2 ตระกูลดังในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ลุกขึ้นมาเล่นกันรุนแรงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ถึงขั้นเสียชีวิต ที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ

อุดร ไกรวัตนุสสรณ์ หรือ "นายกตุ่น" นายก อบจ.สมุทรสาคร ที่ต้องกลายเป็นอดีตไป หลังมีการกล่าวหาว่า ครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ลงมือยิงนายกตุ่นเสียชีวิต

เป็น การเปิดศึก 2 ทายาทตระกูล นักการเมืองดัง ระหว่าง "ไกรวัตนุสสรณ์" กับ "ทับสุวรรณ" สร้างข่าวครึกโครมและ ได้รับความสนใจแก่ประชาชนทั่วประเทศ เพราะคู่กรณีที่กระทบกระทั่งกันนี้เป็นคู่แข่งทางการเมืองทุกสนามเลือกตั้ง ทั้งที่ต้นตระกูลทั้ง 2 นี้ ทำอาชีพประมงด้วยกันทั้งคู่

ย้อนไปดู ตระกูลแรก "ไกรวัตนุสสรณ์" มี มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "เฮียม้อ" เป็นชาวมหาชัยโดยกำเนิด อาชีพทำประมงรุ่นบุกเบิก เดิมมีความสนิทสนมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือ "บิ๊กจิ๋ว" หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ และอดีตนายกรัฐมนตรี เคยเป็นที่ปรึกษาให้ พล.อ.ชวลิต ก่อนถูกชักจูงเข้าสู่ถนนการเมืองอย่างเต็มตัว

ขณะเดียว กันสมัยนั้น "เฮียม้อ" ยังสนิทสนมกับ เจี่ย ก๊กผล ที่เป็น ส.ส.สมุทรสาคร รุ่นบุกเบิก ตั้งแต่ปี 2522 ติดต่อกันมา 6 สมัย และเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2534 ด้วย ซึ่ง "เฮียม้อ" เป็นหัวคะแนนให้ "เจี่ย ก๊กผล" ก่อนจะปลีกตัวออกมา

จากนั้น "เฮียม้อ" ก็ลงสนามเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเต็มตัว ในสังกัดพรรคความหวังใหม่ จนได้ขึ้นเป็น ส.ส. ขณะที่ "เจี่ย ก๊กผล" เสียตำแหน่งให้ กระทั่งต้องลาวงการลงไป ส่งผลให้ "เฮียม้อ" ยึดครองเก้าอี้ ส.ส.มายาวนานต่อกัน 4 สมัย (ปี 2535/1, 2535/2, 2538 และ 2539) และยังได้บำเหน็จเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (13 กรกฎาคม 2538-24 พฤศจิกายน 2539) ก่อนย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย

"เฮีย ม้อ" ประกาศชัยยึดครองฐานเสียงจากชาวประมงมาโดยตลอด กระทั่งเริ่มปั้นทายาทบุตรชายขึ้นสืบทายาทการเมืองคือ อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ หรือ "ปลัดแต" บุตรชายคนกลางซึ่งมีดีกรีเป็นถึง "สิงห์ดำ" จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะนั้นเป็นปลัดอำเภออยู่ทางภาคอีสาน ลงทำงานการเมือง เป็น ส.ส.เขต อ.บ้านแพ้ว และชนะการเลือกตั้งหลายสมัย

จาก นั้น ก็ปั้น อุดร ไกรวัตนุสสรณ์ พี่ชาย ปลัดแต ขึ้นชิงชัยเก้าอี้ อบจ.สมุทรสาคร ปะทะชิงชัย อัคครเดช สุวรรณชัย (อดีตนายก อบจ.) รุ่นแรก ทำให้ปัจจุบัน อัคครเดชประกาศแขวนนวมอำลาวงการลง

ขณะที่ เอนก ทับสุวรรณ อดีต ส.ส. สมุทรสาคร ตระกูลนักการเมืองเพื่อนบ้านอาชีพเดียวกัน อยู่ในสนามมายาวนานกว่า สังกัดพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ต้น ก่อนจะมาอำลาถนนการเมืองไป และปั้น ครรชิต ทับสุวรรณ ลูกชาย เข้ามาเป็น ส.ส.ในสมัยแรกไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่งการเลือกตั้งครั้งปี 2550 และ 2554 ได้เป็น ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 ถึง 2 สมัยติดต่อกัน โดยชนะ อนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ ลูกชายอีกคนของ "เฮียม้อ"

สำหรับ เอนก ทับสุวรรณ เป็นชาว ต.โกรกกราก อ.เมืองสมุทรสาคร คลุกคลีแน่นแฟ้นกับพรรคประชาธิปัตย์มานาน กระทั่งได้เป็นรองหัวหน้าพรรคระหว่างปี 2530-2540 เริ่มเป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี 2519, 2522, 2526, 2529, 2531, 2535, 2544 ก่อนมาเว้นวรรคปี 2551 เคยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2526-2529 เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปี 2529-2531 รองเลขาธิการนายกฯปี 2531-2533 รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปี 2533-2534 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปี 2535-2536 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปี 2536-2538 รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงคมนาคม

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เอนก ทับสุวรรณ ยังรับแรงยุหยั่งกระแสให้ขึ้นชิงตำแหน่งนายก อบจ.กับนายกตุ่น เมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี 2551 แต่ปราชัยไป ขณะที่ปลัดตุ่นชิงสนามนายก อบจ.มหาชัย ครั้งแรก เลือกตั้งเมื่อ 14 มีนาคมปี 2547 และเป็นต่อเนื่องมา

จะ เห็นว่าศึกการเมืองแห่งเมืองมหาชัยของ 2 ตระกูลดังนี้มีมาโดยตลอดทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่ จากคู่แข่งทางการเมืองอาจเป็นชนวนความขัดแย้งส่วนตัว และเป็นครั้งแรกที่ความขัดแย้งนี้ถึงขั้นเสียชีวิต

[lucky m.]

เฉลิม ยัน ไม่ได้กลั่นแกล้งใครคดียิงนายกฯอบจ.สมุทรสาคร
แจงออกหมายจับเร็วเพราะหลักฐานชัด

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อพิจารณากระทู้ถามสด ของนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย
ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
เรื่องการฆาตกรรมนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทสาคร

นายไพจิต กล่าวว่า จากคดีคนร้ายยิงนายอุดร ไกรวัฒนุสรณ์
นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.54
และมีการออกหมายจับผู้หา ในวันที่ 26 ธ.ค.
ซึ่งสังคมมองว่าที่จับคนร้ายได้รวดเร็วมีหลักฐานประกอบชัดหรือไม่
และเลือกปฎิบัติหรือไม่ จึงมีผู้สนใจกระบวนการในการจับกุมว่าเป็นอย่างไร
รัฐบาลได้ดำเนินการรอบคอบแค่ไหนอย่างไร
นอกจากนี้ ในชั้นการสอบสวนเป็นเรื่องสำคัญ คือ
ต้องมีการคุมครองดูแลพยาน อย่างจริงจัง
และต้องมีนโยบายเรื่องซุ่มมือปืน ผู้มีอิทธิพล ให้ชัดเจน
และเรื่องร้านปืน ต้องป้องปรามป้องกัน

ด้านร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวมีการวิจารณ์ว่าทำไมเหตุการณ์นี้มีการออกหมายจับเร็ว
ยืนยันว่าการทำงานตรงไปตรงมาเพราะเหตุเกิดในตอนกลางวันของวัน 25ธ.ค.
ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน 9 ปลอก ขนาด .40 ซึ่งเรียกกันว่า ปืนกล็อก
เกิดเหตุ ที่ปั้มปตท. ผู้ตายเข้าห้องน้ำพอออกมา ระหว่างล้างมือก็ถูกยิง
เบื้องต้นจากกล้องวงจรปิด เชื่อมโยงว่า
มีรถ 2 คันวิ่งตามกันมา หลักฐานชัด มีพยาน เป็นคนขับรถของผู้ตาย
และรู้จักกับผู้ถูกกล่าวหา

"คนขับรถได้เล่าให้ฟังว่า เห็นผู้ตายเข้าห้องน้ำนาน จึงเข้าตามไปดู
และได้ยินเสียงปืน เห็นผู้ถูกกล่าวหายิงปืน
และผู้ถูกกล่าวหาได้ใช้คำพูด ว่า “เดี๋ยวมรึง” พยานก็ได้ยกมือขอชีวิต
นอกจากนี้ยังมีพยานปากที่ 2,3 เป็นหญิง 1 ชาย 1 ยืนยันว่า
เห็นผู้ถูกกล่าหา คนแรกเห็นในระยะ 20 เมตรคนที่สองเห็น
ในระยะ 50 เมตร และปืนชนิดนี้ในจ.สมุทรสาคร
มีผู้ได้รับใบอนุญาตครอบครองอยู่ 8 คน ถ้าเจ้าหน้านำปืนทั้ง 8 กระบอกมายิง
และตรวจสอบหัวกระสุน ก็จะรู้ว่าใครเป็นคนยิง" ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

รองนายกฯ กล่าวว่า จากหลักฐานทั้งหมดเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จึงขอหมายจับต่อศาลจังหวัด และศาลเป็นผู้อนุมัติหมายจับไม่ใช่ตำรวจอนุมัติ
ทั้งหมดเป็นหลักฐานที่รวบรวม ตำรวจส่วนตำรวจ รองนายกฯส่วนรองนายกฯ
ไม่มีการกลั้นแกล้ง สร้างหลักฐานเท็จ สำหรับการคุ้มครองพยานได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว

http://www.posttoday.com/การเมือง/129441/เฉลิมยันหลักฐานชัดจับครรชิต