ลีลา แบบรู้ทัน ลีลา เฉลิม อยู่บำรุง ตีปลา หน้าไซ

lucky m. Sat Dec 10, 2011 4:49 pm

ลีลา แบบรู้ทัน ลีลา เฉลิม อยู่บำรุง ตีปลา หน้าไซ
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 12:15:46 PM »

ท่วงทีของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ในการแถลงเกี่ยวกับการลอบวางระเบิดบนถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม

ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึง "คนที่เป็นพาร์กินสัน ปากพูด มือสั่น"

ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึง
"มันไปอยู่กันแถวถนนสุขุมวิท ไปหากินกันหลังจากคมช.เรืองอำนาจ
หลังปฏิวัติแย่งกันเป็นบอร์ด เงินเก่ายังไม่หมดก็เลยมีเงินมาเคลื่อนไหว"

ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึง "สมัยก่อนชอบทานอาหารฝรั่งเดี๋ยวนี้หันมาทานอาหารจีน"

ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึง "มีอยู่ 7-8 คน อย่านึกว่าผมไม่รู้ว่าไปทานอาหารจีนกันที่ไหน
มีเด็กเสิร์ฟมาเล่าให้ฟังและถามด้วยว่า
ไอ้พวกนี้เมื่อไหร่จะหายตายจากเสียที คนพวกนี้เจ้าเก่าทั้งนั้นไม่มีหน้าใหม่เลย"

ดำเนินไปในลักษณะ "ตีปลาหน้าไซ" อย่างที่เรียกกันในสำนวนไทย
และดำเนินไปในลักษณะ "โยนหินถามทาง" อย่างที่เรียกกันในสำนวนจีน

เรียกตามภาษาของฝ่ายความมั่นคงก็ต้องว่า พูดในเชิง "ป้องปราม"

นั่นก็คือ พูดเจื้อยแจ้ว ยาวเหยียด
แต่ไม่ยอมระบุลงไปอย่างแน่ชัดว่าเป็นใคร เป็นกลุ่มไหน
พบกันที่ร้านอาหารจีนชื่ออะไร

"ผมพูดอย่างนี้เมื่อได้ยินแล้วก็ขอให้หยุด"

คำสำทับเช่นนี้ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สะท้อนท่วงทำนอง
ในแบบ "ตำรวจ" อย่างตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังอำพราง

เป็นไปในลีลา "ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่"

อาศัยความเก๋าเกมที่เคยเป็นนายตำรวจกองปราบปราม
อาศัยความเก๋าเกมที่เคยมีส่วนร่วมในการพยายามก่อการรัฐประหารเมื่อเดือนเมษายน 2524
อาศัยความเก๋าเกมที่เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

เจาะทะลวงไปในลักษณะ "รู้ทัน" และรู้เท่าจังหวะก้าว "เคลื่อนไหว"

ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีรองนายกรัฐมนตรีอยู่ 3 คน
แล้วเหตุใด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงแสดงบทบาทเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน

เพราะว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ สุภาพอย่างยิ่ง เงียบเชียบอย่างยิ่ง

เพราะว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ แม้จะเคยเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย
แม้จะอยู่ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
แต่ก็เป็นข้าราชการประจำมาตลอดชีวิตเช่นเดียวกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ

เพราะว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นนักธุรกิจเพิ่งเหยียบลงสนามการเมือง

คนที่จะสามารถประหมัดกับ "คนที่เป็นพวกพาร์กินสัน ปากพูด มือสั่น"
ซึ่งคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเมือง
เรื่องแย่งชิงอำนาจจึงมีแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คนเดียวเท่านั้น

"รู้จักกันดี รู้ทันกัน เขาไม่เคยคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะ แพ้ขนาดนี้ยังไม่เข็ด"

คล้ายกับกลยุทธ์ทางการเมืองขณะนี้เสมอเป็นเพียงการร้องท้าอยู่หน้าค่ายแบบพงศาวดารจีน

แต่ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ
อีกฝ่ายแหย่เข้ามาแล้วด้วย "ระเบิด" ที่มิได้ต้องการให้ระเบิด
หากแต่มีเป้าหมายให้ "ระเบิด" บนหน้าแรกของสื่อ

เป็นบาทก้าวของมือระเบิดที่ประสงค์ "ร้าย" มากกว่าจะประสงค์ "ดี"

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dOVEV3TVRJMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHhNaTB4TUE9PQ==