จับตา ‘เนวิน’มุดใต้ดินรอจังหวะโค่น ‘ทักษิณ’! ซ่องสุมกำลัง - จับมือบิ๊กการเมืองสู้ - หลังรู้ซึ้งเชือด ‘สุ

[lucky m.]

จับตา ‘ทักษิณ’ เปิดเกมเชือดภูมิใจไทยสะเทือนถึงเนวิน คนใกล้ชิดเผย ‘เนวิน’นิสัยเหมือนเหยี่ยว “โฉบเมื่อหิว สงบเมื่ออิ่ม” พร้อมกัดไม่ปล่อยล้างแค้นให้ตาย เมื่อตัวเองมีโอกาส เชื่อเนวินเดินเกม “เก็บข้อมูล - สะสมขุมกำลัง - จับมือชาติไทยฯ - ปชป.” เตรียมล้มรัฐบาลเมื่อจังหวะและโอกาสมาถึง คาดหลัง 5 ธค.ทหารมีโอกาสปฏิวัติล้างบางเพื่อไทยคุมคดีหมิ่นเบื้องสูงไม่อยู่ ขณะเดียวกันเนวินยังต้องเจอด่านหินอีกหลายระลอก เชื่อปปช.ล้วงสนามฟุตบอล 500 ล้านบาท แนะจับตา ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ตั้งพรรคใหม่ซบเพื่อไทยอีกรอบ

กรณีโจรปล้นบ้านสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม มีเบื้องหน้าเบื้องหลังทางการเมืองและเกมนี้ต้องการสาวถึง “ไอ้ปื้ด” ตัวการใหญ่ที่มาเงิน 1000 ล้านที่เก็บไว้ที่บ้านปลัดกระทรวงคมนาคมในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 ซึ่งคนที่ดูแลกระทรวงมหาดไทยขณะนั้นก็คือ โสภณ ซารัมย์ คนสนิท เนวิน ชิดชอบ

นาทีนี้ถ้าจะบอกว่าคนที่นายใหญ่เกลียดมีใครบ้าง คงมีคำตอบได้อยู่หลายคน แต่ถ้าถามว่า “คนที่นายใหญ่จะล้างแค้นเอากันถึงให้หมดสภาพ”มีหลายคนไหม ต้องตอบว่ามีไม่กี่คน และ “เนวิน ชิดชอบ” กลับเป็นคนที่อยู่ต้นๆ ในบัญชีหนังหมา เพราะได้ชื่อว่า “คนทรยศ” ที่ให้อภัยไม่ได้

โดยคำว่า ‘คนทรยศ’ ได้กลายเป็นสัญญาณบอกคนอีสานไม่ต้องเลือกภูมิใจไทยได้เกิดขึ้นมาแล้ว และพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคเดียว ที่พรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนว่า “ไม่มีทางอยู่ร่วม(โลก)กันได้แม้ว่าภูมิใจไทยจะประกาศตัวก่อนหน้านั้นชัดเจนว่ายินดีที่จะเข้าร่วมกับทุกพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม

และแม้ว่าภูมิใจไทย โดยเฉพาะคนที่ใหญ่ที่สุดอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” จะวางตัวเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในสมัยที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล กระทั่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยก็วางตัวเงียบ ไม่เปิดศึก แต่แรงแค้นที่นายใหญ่มีต่อเนวิน ทำให้ทุกอย่างไม่อาจสงบลงได้ และเนวินก็ถูกเอาคืนด้วยคดีปล้นบ้านสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เพื่อสาวให้ถึง “ตัวการใหญ่” ตัวจริงให้สังคมไทยได้รับรู้

กรณีกกต.ลงมติให้ใบแดง บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ด้วยเหตุผลทุจริตเลือกตั้งซ่อม เพื่อหวังให้มีการยุบพรรคภูมิใจไทย ลากยาวจนกระทั่งกรณีโยงทุจริตไม่ชอบในแวดวงราชการของ สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมในสมัยที่พรรคภูมิใจไทยเป็นคนดูแลในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า เป็นการเล่นงานไปที่ตัว เนวิน ชิดชอบ จริงๆ แต่ที่น่าสงสัยคือ คนอย่างเนวิน ชิดชอบ ที่มีลักษณะเป็นนักเลงบ้านนอก ถึงไหนถึงกัน ไม่เคยกลัวใคร ถึงเงียบ และเงียบได้ขนาดนี้

ดังนั้น คนอย่างเนวินจะไม่รู้ตัวหรือว่ากำลังโดนไล่ล่า คำตอบคือเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ความเงียบของ “เนวิน ชิดชอบ”วันนี้จึงมีความหมายยิ่ง...

นิสัยเนวิน “เหยี่ยว”
สงบเมื่ออิ่มโฉบเมื่อหิว

แหล่งข่าวขุนพลอีสานพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากที่ทำงานกับเนวินมาตลอดรู้ดีว่า คนอย่าง เนวิน ชิดชอบ จะไม่มีทางนิ่งเฉย

“เท่าที่สัมผัสมา ทำงานกันหลายปี คุณเนวินมีลักษณะเป็นนักเลง สิ่งหนึ่งที่คุณเนวินพูดตลอดคือ ผมเป็นคนเหมือนเหยี่ยว เวลาอยากกินอาหารจะโฉบลงมากินให้พอ เมื่อพอแล้วจะสงบนิ่ง”

สังเกตได้เลยตอนที่ทหารปฏิวัติในช่วงกันยายน 2549 ตอนนั้น เนวิน ถูกจับไปก็จริง แต่หลังจากถูกจับไปตอนนั้นเมื่อไม่มีอำนาจ เนวินก็เหมือนสงบไป 2 ปีเต็ม

เขาหายไปไหน?

“ถ้าจำได้ เขาหายไปเลย 2 ปี แต่โผล่มาอีกทีตอนที่นปก.กำลังจะเป็นนปช. ตอนนั้น จตุพร ณัฐวุฒิ ยังไม่ถูกปั้นเป็นแกนนำ เนวินนี่แหละที่อยู่เบื้องหลังการจัดทัพทั้งหมดจนเป็น นปช.และจตุพร ณัฐวุฒิได้เกิดในเวทีนั้น นี่คือเกมที่เนวินซุ่มเดินในตอนนั้น”

อย่างไรก็ดี ตัวตนของเนวินนั้น นอกจากเป็นเหยี่ยวแล้ว ยังมองว่าเป็นสิงโต ถ้าไม่ใช่จังหวะจะนิ่งแต่ทรงพลัง ความน่ากลัวของเนวินคือ ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี ไม่ยอมถูกลบเหลี่ยม แต่ก็เป็นคนที่ฉลาดที่จะไม่ใช้อารมณ์ผ่านหน้าสื่อ แต่จะเป็นคนที่รอจังหวะ และโอกาส ไม่ลืมคนที่เคยทำให้เจ็บ หรือมาลบเหลี่ยมเด็ดขาด ซึ่งก็เป็นคนที่นิสัยเหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่นกัน

ดังนั้น สิ่งที่เนวิน รอคอยจึงอยู่แค่จังหวะ และอำนาจรัฐ เมื่อได้อำนาจรัฐมา ก็จะเล่นงานคนที่เขาเคยถูกเล่นงานมาก่อน เช่นกรณีเฉลิม อยู่บำรุงที่เคยโดนมาแล้ว แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน คือเล่นงาน เฉลิม เสียจนถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นนายกฯในขณะนั้นปรับออกจากตำแหน่งมท.1มาก่อน หรืออีกกรณีหนึ่งคือ เนวินเคยดูแลส.ส.คนหนึ่งมานาน แต่คนนั้นไม่ยอมไปพรรคภูมิใจไทย สุดท้ายเนวินเล่นงานซะจนส.ส.คนนั้นได้ใบแดง ไม่ได้เป็นส.ส.ในที่สุด

“เชื่อว่าเขาซุ่ม เก็บข้อมูล รัฐบาลมีจุดอ่อนเมื่อไรเขาจะเอาคืน และแม้ว่าตอนนี้เขาจะดูนิ่ง แต่เชื่อว่าไม่นิ่ง เพราะเขาถนัดงานใต้ดิน น่าจะกำลังเดินหน้างานใต้ดินบางอย่าง แต่ยังไม่ใช่จังหวะที่จะเปิดตัวมาทำลายรัฐบาล ดังนั้น เนวิน จึงเป็นคนน่ากลัว ”

เนวินไม่หยุดกีฬา - เลี้ยงอบจ.

นอกจากนี้ยังเชื่อว่า จังหวะที่ดีที่สุดของการที่คนอย่างเนวินจะเคลื่อนไหวทางการเมือง จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายน และพฤษภาคม 2555 ในช่วงเวลาที่บ้านเลขที่ 111 จะถูกปลดล็อคจากคดียุบพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคนั้นๆห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง 5 ปี ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่แน่นอน

เช่นเดียวกันกับนักเคลื่อนไหวภาคประชาชนภาคอีสานอย่าง อวยชัย วะทา อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม และประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยที่มองว่า คนอย่างเนวินไม่มีทางหยุด และยอมแพ้

โดยจากการได้คุยกับนักการเมืองท้องถิ่นหลายพรรคในช่วงที่ผ่านมา พบว่า สิ่งที่เนวินกำลังทำอยู่คือการสร้างฐานมวลชนให้แน่นหนามากขึ้น ทั้งกีฬา และอบจ.

เรื่องกีฬาเป็นที่รู้กันว่าเนวิน ได้ตั้งทีม บุรีรัมย์พีอีเอขึ้นมา และประสบความสำเร็จมาก จนทุกวันนี้ทีมนี้ยังมีการจัดการแข่งขันเกือบทุกอาทิตย์ โดยให้อบต.อบจ.ในท้องที่ จัดคนมาเชียร์กีฬา ซึ่งฐานตรงนี้ได้สร้างความเข็มแข็งให้เนวินอย่างมาก ประกอบกับขณะนี้ได้มีการพยายามทำให้การจัดตั้งมวลชนโดยใช้การกีฬานำไปสู่จังหวัดอื่นๆ ให้ภาคอีสาน

ส่วนเรื่องการเมืองท้องถิ่นนั้น แม้ว่าในสมัยที่พรรคภูมิใจไทยคุมกระทรวงมหาดไทย แต่ต้องยอมรับว่า อบต.จะเป็นส่วนที่พรรคเพื่อไทยมีมากกว่า แต่ภูมิใจไทยจะสร้างฐานจากอบจ. ซึ่งถือเป็นฐานกำลังใหญ่ที่ยังมีงบประมาณจำนวนมากอยู่ในมือ อบจ.ต่างๆ เหล่านี้ยังได้รับการดูแลอย่างดีจาก เนวิน ซึ่งแม้ดูเหมือนว่าเนวินไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร แต่ในส่วนนี้นักการเมืองท้องถิ่นกลับรู้กันดีว่า เนวินยังคงเอาใจใส่ดูแลฐานคะแนนเสียงในส่วนของ อบจ.อย่างดี

บรรหาร ศิลปอาชา
ชาติไทยฯ หันกลับจับมือเนวิน

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาได้คุยกับนักการเมืองท้องถิ่นของพรรคชาติไทยพัฒนาหลายคน พบว่า ภาวะน้ำท่วมที่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พอใจพรรคชาติไทยพัฒนานั้นเป็นความจริง แต่การกระทำอย่างนี้ได้ทำให้ผู้ใหญ่ของพรรคชาติไทยพัฒนาไม่พอใจ จากที่ไม่พอใจการแบ่งปันผลประโยชน์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลแบบให้หากินเองอยู่แล้ว ทำให้ขณะนี้มีกระแสข่าวที่แน่นหนามากว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้กลับมาจับมือกับภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว และรอจังหวะเวลาที่จะมีโอกาสสู้กับพรรคเพื่อไทยต่อไป ซึ่งสำหรับเนวิน ยังเชื่อว่าจะเลือกที่จะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์มีจุดอ่อนในภาคอีสานต่อไปด้วย

“นักวิชาการด้านการเมืองภาคอีสานเพิ่งจัดเวทีสัมมนาผ่านไป หลายคนมองตรงกันว่า อย่างไรก็ตามคุณทักษิณจะต้องรอไม่ได้ที่จะให้คนใกล้ชิดเดินเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ หรือนิรโทษกรรม ต่อไป ดังนั้นหลังวันที่ 5 ธันวาคมนี้จึงเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่น่าจับตามอง นายกฯยิ่งลักษณ์จะอยู่เป็นนายกฯได้อีกไม่นาน และการปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งจะเป็นการกวาดล้างครั้งใหญ่ เนื่องจากไม่สามารถปรองดองได้อีก และไม่มีใครพูดคุยกันด้วยเหตุผล และปล่อยให้เกิดคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพลามไปทุกภาคส่วน”

ดังนั้น จากนี้ไปพลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ่อนแรงลง จากการรีบให้ขุนพลมาเดินเรื่องให้ตนเองกลับบ้าน อีกทั้งบ้านเลขที่ 111 กำลังจะถูกปลดล็อค ทำให้คนในบ้านเลขที่ 111,เฉลิม และแกนนำนปช.หลายคนจะแย่งกันสร้างคะแนนให้กลุ่มตัวเอง จนเกิดการบาดหมางระหว่างคนในด้วยกันเองอย่างมาก เพื่อไทยจะระส่ำระสาย และเนวินที่กำลังสะสมขุมกำลังอยู่เงียบๆ จะกลับมาใหญ่ได้

อย่างไรก็ดี หลายคนยังกลับมองว่า เกมนี้ก่อนหน้าที่เนวินจะกลับมาเอาคืนพ.ต.ท.ทักษิณได้ ไม่ง่าย และยังต้องเจอด่านหิน!

แฉ “ภูมิใจไทย”แพแตก

ขณะเดียวกันแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย สะท้อนให้เห็นถึงสถานะของภูมิใจไทยว่า กำลังอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากถูกถล่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการสายกระทรวงมหาดไทย คดีการถูกยกเค้าบ้านของสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ที่สะเทือนไปถึงโสภณ ซารัมย์อดีต รมว.คมนาคมเด็กในคาถาของเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ไปจนถึงกระแสการแยกตัวของขั้ว สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทยที่มีเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้แต่การทำทีมฟุตบอลก็ยังคงมีปัญหาเมื่อ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)ประกาศแยกตัวออกจากหุ้นส่วนสำคัญของทีมบุรีรัมย์พีอีเอที่เนวิน ปลุกปั้นมากับมือ อันสะท้อนให้เห็นถึงบารมีที่ลดลงของเนวินในยามที่ตกเป็นฝ่ายค้านอยู่ในปัจจุบันนี้

เขาบอกอีกว่าแม้พรรคภูมิใจไทยจะถูกโจมตีอย่างหนัก แต่ก็ยากที่จะตอบโต้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากกระแสสังคมที่ ไม่หนุนช่วยกลุ่มขั้วเนวินมากนัก โดยเฉพาะในกรณีของ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่พัวพันกับการซื้อ-ขายตำแหน่ง ที่การโยกย้ายในรอบนี้ไม่ปรากฎเสียงต้านเท่าไรนัก รวมไปถึงกรณีของการยกเค้าบ้านอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งสังคมจับตาในปัญหาของการทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้ยากที่จะฝ่ากระแสของสังคมที่เรียกร้องให้ขยายผลหรือตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากกว่า

ไปจนถึงจุดสำคัญที่พรรคภูมิใจไทย ยังจะมีจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่ไม่อาจลืมไปได้ก็คือ คดีการยุบพรรคภูมิใจไทย จากกรณีการถูกใบแดงของบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกใบแดงจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และได้ส่งเรื่องไปยังการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากผิดในมาตรา 237 และนำไปสู่การยุบพรรคในที่สุดเมื่อนั้นพรรคภูมิใจไทยจะยิ่งตกที่นั่งลำบากมากยิ่งขึ้น

"กระแสของการเมืองกลุ่มคุณเนวินกำลังประสบปัญหาทั้งกรณีของเงิน 70 ล้านบาทที่ผู้ใหญ่ในพรรคทะเลาะกันอย่างรุนแรงอาจจะมีการแตกกันในพรรค ไปจนถึงงบประมาณในการก่อสร้างสนามฟุตบอล 2 สนามกว่า 500 ล้านบาท ภายใต้การดูแลของคุณเนวิตที่กำลังจะถูกตรวจสอบโดยป.ป.ช. เรียกได้ว่า ภายในกลุ่มของคุณเนวินก็ประสบปัญหาไม่น้อย หากจะโต้กลับก็คงไม่ง่ายนัก" แหล่งข่าว ระบุ

จับตา “สมศักดิ์”
แยกตัวรวมเพื่อไทย

แหล่งข่าวคนเดิมยังอธิบายว่า มีส.ส.สังกัดพรรคภูมิใจไทยจำนวนไม่น้อย ที่เตรียมที่จะย้ายกลับมาสังกัดพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง หลังจากที่เคยแยกย้ายออกไปในฐานะกลุ่มเพื่อนเนวิน รวมไปถึง กลุ่มของสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ยังคงพยายามกลับไปร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง โดยรอจุดเปลี่ยนทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถตั้งพรรคใหม่ได้ ก็จะยังสามารถเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้ไม่ยาก

ส่วน เนวิน และ อนุทิน ชาญวีรกุล แกนนำพรรคภูมิใจไทย แม้ว่าจะถูกยุบพรรคและตั้งพรรคการเมืองใหม่ภายหลังหากพ้นโทษจากบ้านเลขที่ 111 ในช่วงกลางปีหน้า ก็ถือว่าไม่อาจที่จะกลับมาร่วมงานกันได้ หรือเรียกได้ว่า “กรวดน้ำคว่ำขัน” กันอย่างเด็ดขาดแล้ว
ยังไม่นับรวมฐานการเมืองในบุรีรัมย์ ที่ถือว่าเป็นกลุ่มคะแนนเสียงสำคัญ ที่ขณะนี้แนวทางการทำทีมฟุตบอลทั้ง 2 ทีม ไม่ว่าจะเป็น สโมสรบุรีรัมย์เอฟซี และสโมสรบุรีรัมย์พีอีเอ ที่ถูกจับตาถึง การตรวจสอบเงินงบประมาณในการก่อสร้างสนามวงเงินกว่า 500 ล้านบาท ที่มีกระแสว่าจะมีการส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปที่ อาจเกี่ยวพันกับการใช้งบโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อีกด้วย จะยิ่งทำให้ฐานคะแนนในบุรีรัมย์ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญได้รับผลกระทบไม่น้อย

เชื่อ “น้ำท่วม”
แรงกว่าการเมือง

อย่างไรก็ดีสิ่งที่นักการเมืองระดับเก๋าเกมอย่าง สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนามองว่า แม้ว่าจะมีการเดินหน้าการต่อสู้ทางการเมือง แต่ในขณะนี้พรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถเดินเกมการเมืองได้มากนัก และไม่ได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่จะทำลายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้เร็วกว่าปัญหาทางการเมือง

โดยกล่าวว่าภาพรวมที่รัฐบาลทราบถึงจุดอ่อนของตนเองดีจึงพยายามโฟกัสไปยังการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากอุทกภัยครั้งนี้เป็นหลัก ซึ่งมีผลลัพธ์ที่สั่นสะเทือนรัฐบาลได้มากกว่า หากประชาชนหรือนักลงทุนหมดความเชื่อมั่นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว ก็จะนำไปสู่จุดจบของรัฐบาลในที่สุด

“เกมการเมืองศึกอภิปรายก็ผ่านพ้นไปได้ และปิดการประชุมสภาไปแล้ว จะเปิดอีกครั้งก็เป็นสมัยนิติบัญญิติที่ไม่มีผลทางการเมืองมากนัก และเสียงที่เข้มแข็งของรัฐบาลก็เป็นเหตุผลสำคัญให้รัฐบาลไม่ห่วงเรื่องทางการเมือง แต่จุดสำคัญมองไปยังปัญหาที่เกี่ยวกับน้ำท่วมทั้งหมดที่จะส่งผลต่อรัฐบาลอย่างแท้จริง”

สมศักดิ์ กล่าวว่าจากนี้ไปก็เชื่อว่า ปัญหาเกี่ยวกับอุทกภัยทั้งในพื้นที่น้ำท่วม พื้นที่น้ำลด ตลอดจนการฟื้นฟูเยียวยาไปจนถึงภาวะการว่างงาน ปัญหาปากท้องและ ความมั่นใจของนักลงทุนจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับรัฐบาลอย่างแท้จริง เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น ประชาชนยังคงเดือดร้อน หรือนักลงทุนหนีจากไทยไปยังประเทศอื่น รัฐบาลจะต้องรับผลกระทบอย่างหนักแน่นอนซึ่งเสียหายกว่า ปัญหาทางการเมืองมากนัก

ดังที่เห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ได้การเรียกความเชื่อมั่นของภาคประชาชนและนักลงทุน ด้วยการตั้ง การเชิญ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) พร้อมกับเชิญ ดร.วีระพงษ์ รามางกูรเข้าร่วมเป็น ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ในแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลมองปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่นี้ค่อนข้างสำคัญหรือห่วงมากกว่าการเมืองแน่นอน!

http://www.manager.co.th/mgrWeekly/View ... 0000152984