เปิด "คลิป พนิช เข้ากัมพูชา ฉบับเต็ม" 21 นาที บีบีซีรายงานกรณี 7 คนไทย โยง "เสื้อเหลือง-ชาตินิยม"

[goosehhardcore]

เปิด "คลิป พนิช เข้ากัมพูชา ฉบับเต็ม" 21 นาที บีบีซีรายงานกรณี 7 คนไทย โยง "เสื้อเหลือง-ชาตินิยม"

ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มกราคม ผู้ใช้นามแฝงว่า "gigcode" ได้นำคลิปวิดีโอความยาว 21 นาที ที่มีชื่อว่า "คลิป พนิช เข้ากัมพูชา ฉบับเต็ม" มาเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทิวบ์ ขณะที่ศาลกัมพูชาเริ่มทำการไต่สวน 7 คนไทยที่ถูกตั้งข้อรุกล้ำดินแดน รวมทั้งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์


ด้านสำนักข่าวบีบีซี ได้รายงานข่าวศาลกัมพูชาไต่สวน 7 คนไทย โดยในตอนหนึ่งของรายงาน บีบีซีได้อ้างความเห็นของนักวิเคราะห์บางรายที่ติดตามสถานการณ์ดังกล่าว อย่างใกล้ชิดว่า คนไทยจำนวนหนึ่ง ที่ถูกจับกุมครั้งนี้เป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (เสื้อเหลือง) ซึ่งได้ใช้กระแสชาตินิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีความขัดแย้งทางด้านเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นฐานที่มั่นทางการเมืองของตนเอง


(ปล. มี 1 คห. บอกว่า...เต็ม ๆจริง  แต่ตัดต่อ เอา ข้างหลังมาใส่ข้างหน้านะ 55555)


Ref: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1294329229&grpid=01&catid=no

[goosehhardcore]

'พนิช'พูดเล่น!?


ประเด็น 7 คนไทยล้ำเขตแดนเขมรหรือไม่ คงไม่ต้องถกเถียงกันอีกแล้ว หลังพล.ต.นพดล โชติศิริ รองเจ้ากรมแผนที่ทหารเข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

ระบุชัดเจนว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ พร้อมพวกรวม 7 คนถูกทหารกัมพูชาจับนอกดินแดนไทย ผลการวัดพิกัดสำรวจพบว่าจุดที่คณะของนายพนิชถูกจับกุมอยู่ที่หน้าซุ้มประตูวัดโจกเจียของกัมพูชา เป็นพื้นที่ห่างจากหลักเขตแดนที่ 46 และ 47

รุกล้ำเข้าไปในประเทศกัมพูชาถึง 55 เมตร

ฉะนั้น เรื่องเฉพาะหน้าในตอนนี้คือต้องหาหนทางช่วยเหลือ 7 คนไทยออกจากเรือนจำ กระทรวงการต่างประเทศต้องมีหน้าที่เจรจา ทางแรกต้องหารือให้ทางการกัมพูชาส่ง 7 คนไทยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยด่วน

อีกทางก็เจรจาให้มีการผ่อนผันหรือลดโทษให้ แต่จะไปบอกว่า 7 คนไทยไม่ได้กระทำผิด ไม่ได้บุกรุกพรมแดน หรือบังเอิญพลัดหลงเข้าไปคงไม่ได้แล้ว

เพราะจะไปอ้างยังไง ทางการเขมรก็คงไม่เชื่อ หลักฐานกล้องวิดีโอที่คณะคนไทยถ่ายไว้แล้วทหารเขมรยึดไว้ได้ มันชัดเจนที่สุด ภาพวิดีโอมันอธิบายทุกอย่างไปแล้ว

ใคร พูดว่า "ฮัลโหลคิว บอกสมเกียรติ เลขาฯ ท่านนายกฯ ด้วยนะ บอกว่าเราข้ามมาที่กัมพูชาแล้ว แต่อย่าให้ใครรู้นะ เพราะมีนายกฯ รู้คนเดียว"

ยังบอกด้วยว่า ใครมีเจตนายั่วให้ถูกจับ! และก็เป็นเหตุผลว่าทำไม นายกฯฮุนเซน ของกัมพูชา จึงไม่มีท่าทีผ่อนปรนให้เลย ก็เป็นเพราะหลักฐานวิดีโอมันฟ้อง

ใครอยู่เบื้องหลังทริปเย้ยกัมพูชาครั้งนี้ !?

จะมีอยู่คนเดียวที่ไม่เชื่อหลักฐานวิดีโอ ก็คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

การแถลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดถึงกรณี 7 คนไทย บ่งบอกถึงอาการ "พลาดท่า-เสียเปรียบ" อย่างชัดเจน แต่นายอภิสิทธิ์ก็ยังไม่ยอมจนมุมง่ายๆ บอกว่าคลิปที่นำมาเผยแพร่มีการตัดต่อตัดตอน

เป็นข้อแก้ตัวสุดฮิตเวลาถูกเปิดโปงคลิปฉาวคลิปโฉ่ นายอภิสิทธิ์ระบุคลิปตัดต่อตัดตอนมา เพราะคลิปตัวจริงมีความยาว 20 นาที
พยายามสื่อให้เห็นว่าคนนำคลิปเกือบ 2 นาทีเศษมาเผยแพร่มีเจตนาแอบแฝง

นายกฯ พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าอีก 18 นาทีที่เหลือในคลิป

มันเป็นคนละเรื่องกับที่เผยแพร่ไปตามสื่อต่างๆ

คงมีเสียงนายพนิชพูดโทรศัพท์ว่า "ฮัลโหลคิว บอกสมเกียรติ เลขาฯ ท่านนายกฯ ด้วยนะ ไอ้ที่พูดไปเมื่อกี้ พูดเล่น"

ถ้าคลิปที่เหลือ 18 นาทีไม่ใช่แบบนี้

นายอภิสิทธิ์ก็ต้องรับผิดชอบ

เพราะขว้างงูยังไงก็ไม่พ้นคอ


ที่มา: http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNakEzTURFMU5BPT0=

[goosehhardcore]

สุเทพเชื่อ ปม 7 คนไทยไม่ทำให้รัฐบาลถึงจุดตาย

วันที่ 7 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึง ความคืบหน้าในการขอยื่นประกันตัวและขอพระราชทานอภัยโทษคนไทย 7 คน ว่า เราต้องปฏิบัติตามแนวทางกฎหมายของกัมพูชา และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา โดยต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษาก่อน จึงจะพิจารณาว่าจะยื่นประกันตัวหรือไม่อย่างไร


หากศาลเมตตาพิจารณาโทษสถานเบา ไม่มีการจำคุกเราก็โล่งใจ ในระหว่างนี้สิ่งที่เราทำได้คือไม่ไปพูดให้สัมภาษณ์หรือวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจจะทำให้เป็นผลเสียหายต่อคนไทยทั้ง 7 คนที่กำลังต่อสู้คดี เราต้องระมัดระวังในการพูดจา เพราะคดีอยู่ในการพิจารณาของศาล หากพูดอะไรออกไปจะไม่เป็นผลดี และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าทุกอย่างในกระบวนการยุติธรรมของศาลน่าจะชัดเจน


ส่วนคลิปที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำนปช.นำคลิป 7 คนไทยมาเผยแพร่ โดยอ้างว่าเป็นคลิปที่นายกษิต ภิรมย์ รมวงการต่างประเทศได้ดูร่วมกับนายฮอร์ นัม ฮง รมว.การต่างประเทศของกัมพูชานั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คลิปคงมีสองชุด โดยนายกษิตได้เห็นเพียงหนึ่งชุด พร้อมกล่าวว่า “คุณจตุพรก็เป็นคนไทยด้วยกัน วันนี้ก็อย่าพูดจาอะไรให้คนไทยขาดทุน”


ขณะนี้ ตนไม่หนักใจต่อความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดงที่มีจุดร่วมกันในการขับไล่รัฐบาล เพราะรัฐบาลทำทุกอย่างตรงไปตรงมา และน้อมรับต่อการแสดงความคิดเห็นทั้งชอบใจและไม่ชอบใจ เราก็ต้องรับมาพิจารณาเพื่อนำไปทบทวน และทำทุกอย่างให้ดียิ่งขึ้นไปอีก


นอก จากนี้ ยังไม่กังวลใจอะไร หากในสัปดาห์หน้าคนไทยทั้ง 7 คน ยังไม่ได้รับการประกันตนแล้วกลุ่มพันธมิตรฯจะนำประเด็นนี้ไปจุดชนวนการ ชุมนุมใหญ่ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ และไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าวจะกลายเป็นจุดตายของรัฐบาล


ที่มา: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU5ETTNOVEV5TVE9PQ==&sectionid=

[goosehhardcore]

ไต่สวนแล้วขังต่อ 7 ไทย"จืด เขมรหยุด3วัน!

ขั้นตอนอีกยาว อัยการดูสำนวน อาจสั่งสอบเพิ่ม "ตู่"เปิดคลิปเต็มๆ ฉะมาร์คหลงทาง



คุกยาว - นาย พนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ และ 6 คนไทย ถูกคุมตัวขึ้นศาลกรุงพนมเปญ โดยศาลไต่สวนนานถึง 11 ชั่วโมง ก่อนนำกลับไปขังต่อที่เรือนจำ รอให้อัยการลงความเห็นอีกครั้งวันที่ 10 ม.ค.

ศาล เขมรไต่สวน 7 คนไทยเสร็จสิ้นภายในวันเดียวแล้วแต่ทุกคนยังต้องถูกขังต่อไป เนื่องจากเขมรจะหยุดยาว 3 วัน พอวันจันทร์ศาลจะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาซ้ำ ต้องไต่สวนจุดใดเพิ่มเติม เผยแจ้ง 2 ข้อหา ข้ามแดนกับบุกเขตทหาร ฝ่ายไทยเตรียมการล่วงหน้า หากศาลตัดสินผิดจริงจะทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ′เทพเทือก′ ข้ามไปอีกช็อต มองหาคนลงเลือกตั้งซ่อมส.ส. กทม.แล้ว หาก′พนิช′ถูกตัดสินจำคุก ต้องพ้นสภาพส.ส. บอกหวังจะได้รับเมตตาจากศาลเขมร รวมทั้งฮุนเซนเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทางด้าน′จตุพร′เปิดคลิปฉบับเต็มยาว 20 นาทีเศษ ยัน′พนิช′ไม่ได้หลงทางเข้าไป แต่เป็น′อภิสิทธิ์′ที่หลงทาง เหน็บเป็นบิดาแห่งการตัดต่อไปแล้ว เพราะชอบอ้างเรื่องคลิปตัดต่อประจำ

-จตุพรเปิดคลิปพนิช 20.31 นาที

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช. ได้นำคลิปวิดีโอ เหตุการณ์ที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะรวม 7 คน ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จนกระทั่งถูกทหารกัมพูชา จับกุม ความยาวทั้งหมด 20.31 นาที จากนั้นจตุพร กล่าวว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา เปิดให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศดู และมอบให้นำกลับมาประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ได้เป็นการพลัดหลงเข้าไป แต่ด้วยความมั่นใจว่าหากถูกจับ จะมีตชด.ออกมาช่วยเหลือ เหมือนหนังไทยที่ตำรวจมันจะออกมาตอนท้ายเสมอ รวมทั้งภาพขณะเข้าไปก็มีป้ายภาษากัมพูชาชัดเจน รวมทั้งการสอบถามร้านค้าว่าใช้เงินไทยได้หรือไม่ ย่อมแสดงให้เห็นว่าคณะของนายพนิชทราบอยู่แล้ว ว่าเข้าไปในพื้น ที่กัมพูชา อีกทั้งจากข้อมูลของเจ้ากรมแผนที่ทหารก็ระบุว่า จุดที่คณะของนายพนิชถูกจับนั้น ล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชาถึง 55 เมตร ทั้งหมด นี้คือพฤติกรรมของนายพนิช คนที่พรรคประชาธิปัตย์การันตีว่ามีความรู้ความสามารถ และเคยเป็นถึงผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศมาแล้ว

นายจตุพร กล่าวว่า การที่นายกฯ ระบุว่านายพนิชได้บอกว่าจะลงพื้นที่ปราจีนบุรี แล้วไปอยู่ที่สระแก้วโดยที่ไม่รู้นั้น ขอตั้งคำถามว่าการเดินทางไปปราจีนบุรีของนายพนิช ต้องแจ้งให้นายกฯ ทราบเพียงคนเดียวเท่านั้นหรือ คนที่เป็นวิญญูชนฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ กรณีนี้เหมือนกับที่นายศิริโชค โสภา คนสนิทนายกฯ ไปพบนายวิกเตอร์ บูท ในเรือนจำด้วยวิธีที่รู้กันเพียง 2 คน และส่งผลให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียมาถึงทุกวันนี้

-ซัดอภิสิทธิ์ต่างหากที่หลงทาง

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ระบุคลิปดังกล่าวเป็นการตัดต่อ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นพฤติการณ์เดิมๆ เหมือนที่เคยทำมาในอดีต จนนายอภิสิทธิ์ กลายเป็นบิดาของการตัดต่อไปแล้ว เหมือนที่ตุลาการศาลรัฐธรรม นูญบอกว่าจะต้องต่อสู้ตามแนวทางของนายอภิสิทธิ์ที่อ้างว่าเป็นคลิปตัดต่อมา ตลอด จึงอยากถามว่าหากนายอภิสิทธิ์เชื่อว่าเป็นการตัดต่อจริง ก็ขอให้สนับสนุนนายพนิชต่อสู้ประเด็นนี้ในศาลกัมพูชา แล้วย้ำด้วยว่าคณะนายพนิชหลงทางเข้าไป

"จริงๆ แล้วคนที่หลงทางไม่ใช่นายพนิช แต่เป็นนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลต่างหาก เพราะหากนายอภิสิทธิ์ เร่งเจรจากับสมเด็จฮุนเซนแต่แรกก่อนที่เรื่องจะขึ้นถึงศาล ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่ลูกผู้ชายไม่กระทำกัน ก็จะไม่คาราคาซังมาถึงทุกวันนี้ แต่ที่ไหนได้พอนายพนิชถูกจับที่ชายแดนกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กลับหนีไปตั้งหลักที่ทีลอซู ติดชายแดนพม่า และหากนายอภิสิทธิ์ยังมีพฤติกรรมใช้การทูต 2 หน้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ต่อไประวังว่าจะไม่มีที่ยืนในเวทีอาเซียนอีก" นายจตุพรกล่าว

-ฉะพวกปลุกกระแสชาตินิยม

นายจตุพร กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ทุกคนรู้ว่าเป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ พยายามจะหาทางลงให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นัดชุมนุมกันใหญ่โตในวันที่ 25 ม.ค. จึงขอเตือนพวกที่คิดจะปลุกกระ แสชาตินิยม แล้วเอาปัญหาการเมืองในประเทศไปขยายเป็นการเมืองระหว่างประเทศ โดยไม่คิดถึงผลร้ายที่ตามมา หากมีการรบกันเกิดขึ้น จะเกิดผลเสียหายที่สุด ขอให้ดูกรณีอิรักกับคูเวต ที่อิรักอ้างว่าคูเวตเป็นจังหวัดหนึ่งของอิรัก จึงเข้าไปบุกยึด สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้คูเวต แล้วอิรักก็ยังไม่เป็นประเทศอีก แล้วเรื่องนี้หากเกิดขึ้นก็จะกลายเป็นคำถามว่าแล้วแถบตะนาวศรี ปะลิส ไทรบุรี ตรังกานู ฝั่งขวาแม่น้ำโขง จะทำอย่าง ไรต่อไป แล้ววันนี้เวทีโลกก็ไม่ปล่อยให้เราทำอะไรตามแต่ใจอย่างนั้นอยู่แล้ว พวกชาตินิยม สุดขั้วจะต้องระมัดระวังให้ดี แล้วหากมีการปัก ปันดินแดนจริงจะทำให้เราเสียดินแดนอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะด้านชายแดนไทย-ลาว

นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ อ้างขอความเมตตาจากสมเด็จฮุนเซ็น เพื่อให้ปล่อยตัวนายพนิชและพวกนั้น นายสุเทพไม่รู้ขั้นตอนกระบวนการเลยหรือ ว่าเมื่อเรื่องขึ้นศาลแล้วก็ต้องรอให้ศาลพิพากษา ผลเป็นอย่างไร ถึงจะไปขอพระราชทานอภัยโทษกับผู้นำกัมพูชา การออกมาพูดเช่นนี้โดยไม่รอกระบวนการที่ถูกต้อง รังแต่จะทำให้คนไทยทั้ง 7 คนเดือดร้อนมากขึ้น แล้วหากเขาถามกลับมาว่า ประเทศนี้มีความเมตตากับคนที่ถูกจับกุมคุมขังโดยไม่มีเหตุผลอันควรหรือไม่ จะตอบคำถามเขาได้อย่างไร เพราะแม้ แต่ในบ้านเมืองตัวเองก็ไม่มีความเมตตา แต่จะไปร้องขอความเมตตาจากคนอื่น

-สุเทพหวั่นต้องมีเลือกตั้งซ่อม

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ หารือกว่า 1 ชั่วโมง คาด ว่ามีการหารือถึงการเตรียมการรองรับกรณีหากศาลกัมพูชามีคำพิพากษาว่านายพนิ ชกับพวกมีความผิดจริง ซึ่งจะต้องโทษจำคุกและอาจจะมีปัญหาข้อกฎหมายว่าจะส่งผลกระทบต่อสถาน ภาพการเป็นส.ส.ของนายพนิชหรือไม่ อาจจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวบุคคลที่จะต้องเตรียมส่งรับสมัครเลือกตั้งซ่อม แทนเอาไว้ด้วย

ต่อมาเวลา 09.15 น. นายสุเทพให้สัมภาษณ์ถึงข่าวทางการกัมพูชาจะเพิ่มข้อหาการจารกรรมข้อมูลทาง การทหารแก่นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ อาจทำให้การต่อสู้คดีในชั้นศาลยากขึ้นว่า คงไม่วิเคราะห์ที่มาของการเพิ่มข้อกล่าวหาดังกล่าว วันนี้ขอบิณฑบาตสักวัน อยากขอให้ทุกฝ่ายสงบจิตสงบใจ พูดจาในทางที่ดี เพื่อแสดงความเคารพในระบบศาลของกัมพูชา ได้แต่คาดหวังว่าศาลจะพิจารณาตามข้อเท็จจริงและพิจารณาด้วยความเมตตาต่อคน ไทยที่ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อกัมพูชา การเข้าไปในสถานที่และล่วงล้ำเข้าไปในเขตนั้น เพราะต้องการค้นหาข้อเท็จจริงว่าหลักเขตแดนที่แท้จริงอยู่ตรงไหน พื้นที่เหล่านั้นคนไทยเคยทำมาหากินอยู่หรือไม่ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้กับคนไทย หากคณะผู้พิพากษาของศาลกัมพูชาตระหนักถึงความจริงเรื่องนี้ คงจะพิจารณาด้วยความเมตตา ส่วนการดำเนินการขั้นต่อไปขอให้รอฟังคำพิพากษาของศาลก่อน

-หวังศาลเขมรจะเมตตา 7 ไทย

นายสุเทพ กล่าวว่า ในทางปฏิบัตินั้น นายกฯ กระทรวงการต่างประเทศและตน รวมทั้งรมว. กลาโหมได้ดำเนินการในแนวทางต่างๆ เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริง ข้อกังวลใจ ข้อห่วงใยและความคาดหวังของคนไทยไปยังรัฐบาลกัมพูชา อยากขอเป็นพิเศษว่าขอให้ช่วยสื่อสารข่าวสารเหล่านี้ถึงประชาชนและศาลกัมพูชา ได้ทราบว่าเราเคารพในระบบศาลยุติธรรมของกัมพูชา เช่นเดียวกับที่เราเคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย จึงได้แต่หวังว่าศาลกัมพูชาจะเมตตากับคนไทยทั้ง 7 คน อย่างไรก็ตาม คิดว่าการไต่สวนและการดำเนินคดีของศาลคงเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และทุกสัญญาณที่ส่งมา มองและแปลว่าเป็นเรื่องดีทั้งนั้น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ดีมาจากกัมพูชา เชื่อว่าสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชาย่อมเห็นความสำคัญของมิตรไมตรีและสัมพันธภาพที่ดี ระหว่างสองประเทศว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว ต้องรอให้สิ้นสุดกระบวนการก่อนแล้วเราจะดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่ามั่นใจทีมทนายความของฝ่ายคนไทยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนมองทุกคนในแง่ดีทั้งหมดและตนก็เชื่อเขา ขณะนี้ได้ดำเนินการมาตามกระบวนการ ส่วนการดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทยจ.สระแก้ว ที่มีการชุมนุมนั้น ผู้ว่าฯ สระแก้ว พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.ทร.2 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้แก้ไขปัญหาและสถานการณ์ไว้ได้ ตนดีใจที่ไม่เกิดปัญหาระหว่างคนไทยด้วยกัน และไม่ทำให้ปัญหาระหว่างประเทศบานปลายออกไปอีก

เมื่อถามว่าปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อสัม พันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาในระยะยาวหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า อย่ามองในแง่ร้าย เมื่อมีผู้ต้องหาและเข้าสู่กระบวนการศาลแล้วต้องใช้เวลาดำเนินการ ถือเป็นเรื่องปกติ มีคนกัมพูชาที่ถูกดำเนินคดีในไทยมีหลายกรณีหลายข้อหา เราดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของเราซึ่งก็ใช้เวลาเหมือนกัน

-เล็งขอพระราชทานอภัยโทษ

เมื่อถามว่าข่าวว่ารัฐบาลได้หารือกันและเตรียมช่องทางเพื่อขอพระราช ทานอภัยโทษ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็เป็นช่องทางหนึ่ง กรณีที่ศาลกัมพูชามีคำพิพากษาลงโทษ เราต้องดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษตามขั้นตอน เมื่อถามว่าดูเหมือนว่าสถานทูตไทยไม่ค่อยได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลกัมพูชา ร้องขออะไรไปก็ถูกเพิกเฉย นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เจ้าหน้าที่สถานทูตเข้าไปพบคนไทยทั้ง 7 คนที่ถูกคุมขังอยู่ได้ ดูแลตามสิทธิ ซึ่งทางกัมพูชาไม่ได้กีดกัน ส่วนที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติจะมาชุมนุมบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อผลัก ดันขับไล่รัฐบาลนั้น ตนยังไม่ได้หารือกับนายกฯ แต่สิ่งที่นายกฯ กำลังดำเนินการคือช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คนก่อน เมื่อถามว่าหากศาล กัมพูชาพิพากษาแล้วจะมีปัญหาต่อสถานภาพการเป็นส.ส.ของนายพนิช จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมใหม่หรือไม่อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ให้ศาลตัดสินแล้วค่อยมาถาม

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวหารัฐบาลละเลยการช่วยเหลือ 7 คนไทยว่า รัฐบาลสื่อสารกับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อแนวทางช่วยเหลือ แต่ติดช่วงปีใหม่ของทั้งสองประเทศจึงอาจล่าช้าไปบ้าง แต่ได้ติดตามสถานการณ์ตลอด ทั้งนี้ นายกฯ ไม่ทราบว่านายพนิชรุกล้ำพื้นที่ของกัมพูชาหรือไม่ และนายกฯ ไม่ได้สั่งการให้นายพนิชไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าว เพียงแต่นายพนิชแจ้งให้ทราบว่าจะลงพื้นที่ที่จ.ปราจีนบุรี และเมื่อเกิดเหตุขึ้นก็ใช้การติดต่อผ่านช่องทางการทูต นายกฯ ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวกับสมเด็จฮุนเซน จึงใช้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ ส่วนแนวทางการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คนนั้น ขอให้ติดตามจากกระทรวงการต่างประเทศ

"ส่วนที่นายนพดลระบุได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ไม่อยากเข้ามาช่วยเหลือนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะคนไทยไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของนักโทษหลบหนีคดีโกงบ้านเมือง หากพ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ช่วย ก็ขอให้วางตัวอยู่เฉยๆ อย่ามีพฤติกรรมยุแยงตะแคงรั่วให้ฝ่ายใดเสียหาย" นายเทพไทกล่าว

-แม่ทัพ 2 จัดปลูกป่ากับเขมร

ที่ จ.นครราชสีมา พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ว่า ความสัมพันธ์ของกองกำลังทหารทั้งฝั่งไทย โดยกองทัพภาคที่ 2 และกองกำลังทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชาขณะนี้ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่มีการเพิ่ม ลด หรือปรับกำลังทหารตามแนวชายแดนแต่อย่างใด อีกทั้งในเร็ววันนี้ยังจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างทหารของทั้ง 2 ประเทศที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนเพิ่มเติมจากที่ เคยปฏิบัติมา อย่างเช่น การร่วมกันปลูกป่า เพิ่มธรรมชาติตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ เป็นต้น ส่วนความสัมพันธ์ของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศนั้น ยืนยันว่ายังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่อยากให้มีกลุ่มคนกลุ่มอื่นจากภายนอกพื้นที่เข้ามาสร้างความขัดแย้งหรือ ความรุนแรงให้เกิดขึ้น เนื่องจากประชา ชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศต่างต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน อยากขอร้องกลุ่มต่างๆ ที่อยู่นอกพื้นที่จะแสดงออกถึงจุดยืนต่างๆ ให้คำนึงถึงความสัมพันธ์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศเป็นหลัก หากมีความไม่เข้าใจในสิ่งไหนก็ขอให้ประสานสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงของหน่วย งานที่รับผิดชอบในพื้นที่โดยตรง อย่ายึดเพียงความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ตัดสินใจดำเนินการใดๆ ด้วยตนเอง เพราะจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ความขัดแย้งให้บานปลายเลวร้ายลงไปอีก

-กมธ.ชายแดนชี้ทับซ้อน 13 จุด

ที่รัฐสภา เวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร มีนายอิทธิเดช แก้วหลง ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ประธานกรรมาธิการ เป็นประ ธานการประชุม หลังจากการพิจารณาในวาระอื่นๆ ไปแล้ว นายชุติเดช ปีวิเศษกุลเดช เลขานุ การประจำกรรมาธิการ ได้เสนอญัตติด่วน จากกรณีที่คนไทย 7 คนถูกทหารกัมพูชาจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง เพื่อขอหารือในที่ประชุม โดยเสนอว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวควรเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ผวจ.สระแก้ว และกรมแผนที่ทหาร ให้เข้าชี้แจงกรณีการปักปันเขตแดน เพื่อให้รู้หลักเขตแดนว่าอยู่ที่ใด เพราะที่ผ่านมา ทหารพรานไทยได้จับกุมชาวกัมพูชาอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงทหารกัมพูชาได้จับกุมคนไทยเช่นกัน

นายอิทธิเดชกล่าวว่า ที่ผ่านมานายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยรักชาติได้ถูกจับกุมไปแล้วเมื่อเดือนก.ย. 2553 ซึ่งได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่ครั้งนี้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก สาเหตุเพราะไทยและกัมพูชามีเขตพื้นที่ทับซ้อนกันถึง 13 จุด ซึ่งทับซ้อนในเขตจังหวัดสระแก้ว 10 จุด เชื่อว่าเอ็มโอยู 43 จะเป็นข้อตกลงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาได้ จึงขอให้นายอภิสิทธิ์เร่งรัดเจรจาเรื่องการปักปันเขต แดนโดยด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และว่า ส่วนคนไทยที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้นคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทางการกัมพูชาน่าจะปล่อยพี่น้องชาวไทยออกมา จึงขอเป็นกำลังใจกับคนไทยที่ถูกจับกุมให้ได้รับการปล่อยตัวโดยเร็ว

-พธม.ถอนจากสระแก้วแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณศาลาอเนกประ สงค์ หน้าเทศบาลตำบลอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นจุดที่ทางกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ จำนวน 30 คน ยังคงชุมนุมอยู่นั้น เช้าวันนี้ทั้งหมดได้เตรียมตัวเก็บข้าวของขึ้นรถ เพื่อที่เดินทางไปที่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลตามที่ได้ตกลงกันไว้ ส่วนบรรยากาศที่บริเวณตลาดโรงเกลือก็ยังคงมีการค้าขายกันตามปกติ พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาก็ยังคงข้ามมาค้าขายเหมือนเดิม และที่จุดผ่านด่านพรมแดนถาวรบ้านคลองลึก บริเวณประตูชัย บรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย นักพนัน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ก็ยังคงข้ามไปมาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หารือร่วมกับนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และสำนักกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม เพื่อรวบ รวมข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คน อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนี้ต้องรอติดตามคำตัดสินของศาลกัมพูชาก่อน ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิฯ จะประสานกระทรวงการต่างประเทศ ดูแลความเป็นอยู่ในเรือนจำกัมพูชา ให้เป็นไปตามสิทธิสากลที่ผู้ต้องขังต้องได้รับ

-ปฐมพงษ์-ไชยวัฒน์ยื่นร้อง

เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานองค์กรอุณาโลม และสมาชิกสมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย ประมาณ 100 คน ยื่นแถลงการณ์ถึงนายอภิสิทธิ์ ครม.และผู้ที่เกี่ยวข้อง ผ่านนายเกียรติฟ้า เลาหะพรสวรรค์ ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลและทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่เพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็วมีประสิทธิภาพในการรักษาอธิปไตยและเขตแดน หากรัฐบาลไม่ดำเนินการพวกเราทุกคนพร้อมออกมาทำหน้าที่ เพราะเราทราบว่ากัมพูชามีการเพิ่มกำลังทหารและอาวุธตลอดตามแนวชายแดน ขณะที่ทางการไทยไม่มีการดำเนินการใดๆ

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ กล่าวว่า ทางเครือข่ายได้ยื่นหนังสือประท้วงการทำหน้าที่ของนายกฯ ที่เพิกเฉยต่อการกระทำของกัมพูชาที่ละเมิดหลักกฎหมายสากลและสนธิสัญญาเจนีวา หากเกิดกรณีเช่นนี้ทางกัมพูชาไม่มีสิทธินำคนไทยขึ้นศาลกัมพูชา แต่ควรส่งเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการกาชาดสากลให้ดำเนินการ นอกจากนั้นทางเครือข่ายจะไปยื่นหนังสือประท้วงการกระทำของทางการกัมพูชาที่ สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย และยืนยันว่าเราจะปักหลักชุมนุมประท้วงจนกว่าคนไทยทั้ง 7 จะได้กลับประเทศ

-มาร์คปิดปากเงียบ-เรียกทีมถก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ตลอดทั้งวันนายอภิสิทธิ์ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชนเหมือนทุกวันที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะเป็นเพราะคดี 7 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวไป โดยมีการเผยแพร่คลิปภาพและเสียงระบุชัดเจนว่านายกฯ รู้เรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี และอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลกัมพูชา ซึ่งหลังจากนายกฯ ได้เข้าอวยพรวันขึ้นปีใหม่และหารือกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ท่าทีของนายกฯ ก็เปลี่ยนไป โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว และโยนให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นฝ่ายชี้แจง

เวลา 15.00 น. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นเวลา 15.30 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ผอ. สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตามมาสมทบ รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายกษิต ภิรมย์ คาดว่าหารือถึงความคืบหน้าและทิศทางการช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่อยู่ระหว่างการตัดสินคดีของศาลกัมพูชา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

จากนั้นเวลา 17.00 น. นายสุเทพและนายกษิตได้ขึ้นไปหารือกันต่อที่ห้องทำงานของนายสุเทพ บนตึกบัญชาการ 1 โดยนายสุเทพกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ให้สัมภาษณ์ผมทีเดียวในวันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.)"

-เผยถึงเย็นไต่สวนไปได้ 5 ปาก

นายชวนนท์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้กำชับสั่งการอะไรเพิ่มเติม วันนี้ศาลกัมพูชาไต่สวนเพิ่มเติมและดำเนินการไปเพียง 5 ปาก ซึ่งในส่วนของนายพนิชได้ถูกไต่สวนแล้ว ทราบว่ายังเป็นข้อกล่าวหาเดิมคือรุกล้ำดินแดน และจะดำเนินการไต่สวนให้ครบทั้ง 7 คน ให้เสร็จภายในวันเดียวกันนี้ คาดว่าจะสอบสวนนายวีระ สมความคิด เป็นคนสุดท้าย เนื่องจากมีข้อหาจารกรรมข้อมูลทางความมั่นคงอีกหนึ่งข้อหา ดังนั้น ยังไม่สามารถยื่นประกันตัวทั้ง 7 คนได้ เพราะต้องรอให้กระบวนการไต่สวนเสร็จสิ้น และพิจารณาตัดสินคดีก่อน เมื่อถามว่าในวันที่ 7 ม.ค.เป็นวันหยุดยาว แสดงว่าคนไทยทั้ง 7 คนจะต้องอยู่ในห้องขัง เพื่อรอการพิจารณาคดีในวันที่ 10 ม.ค.ใช่หรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า คงไม่มีการพิจารณาคดี ต่อข้อถามว่าสิ่งที่รัฐบาลจะทำหลังส่วนราชการของกัมพูชาเปิดทำการคืออะไร นายชวนนท์กล่าวว่า ต้องรอดูว่าหากสามารถยื่นประกันตัวและเป็นประโยชน์กับคนไทยทั้ง 7 คนได้ก็จะทำ

เมื่อถามว่าหากการตัดสินเป็นโทษก็จะดำเนิน การขอพระราชทานอภัยโทษไปพร้อมกันเลยหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า ถ้าประกันตัวแล้วทราบว่าตามกระบวนการของกัมพูชาต้องใช้เวลาอีก 5 วันในการพิจารณาคำขอยื่นประกันตัว ซึ่งต้องรอดูว่าข้อกล่าวหาเป็นอย่างไร และเราจะยื่นขอประกันทันทีได้หรือไม่ หากสามารถ ทำได้ทางสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ก็สามารถสำรองจ่ายหลักทรัพย์ให้ก่อนได้ และพิจารณาแนวทางต่อสู้คดีอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การขอพระราชทานอภัยโทษนั้นขึ้นอยู่กับทางกัมพูชาพิจารณา โดยต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลไป เพราะข้อกล่าวหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือต้องดูผลการตัดสินของศาลกัมพูชาว่าจะออกมาอย่างไร

-พนิชเบิกความคนแรก 4 ช.ม.

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ เปิดเผยถึงการไต่สวนของศาลกัมพูชาว่า เวลา 08.00 น. ศาลกรุงพนมเปญเริ่มเรียกผู้ต้องหาเข้าไต่ สวนคดี โดยเรียกไต่สวนทีละ 1 คน และไม่อนุญาตให้คนจากฝ่ายไทย ทั้งญาติ สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่จากสถานทูต ณ กรุงพนมเปญ เข้ารับฟังการไต่สวน ยกเว้นทนายชาวกัมพูชาของฝ่ายไทยทั้ง 2 คน ทั้งนี้ ลำดับการพิจารณาคดี คนแรกคือนายพนิช ใช้เวลาสอบสวนถึง 4 ชั่วโมง ส่วนคนที่ 4 คือนายวีระ สมความคิด ซึ่งจากที่ได้รับรายงานถูกเพิ่มข้อหาจารกรรมข้อมูลลับทางการทหาร โดยทางการกัมพูชาใช้หลักฐานเป็นกล้องขนาดเล็กที่ตรวจยึดมาจาก 1 ในคณะคนไทย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีของนายวีระนี้เปรียบเทียบกับกรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ที่ถูกตัดสินจำคุกในข้อหาเดียวกันได้หรือไม่ นายธานีกล่าวว่า ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบเพราะเป็นคนละเรื่องคนละสถานการณ์ และอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อคำตัดสินได้ อย่างไรก็ตาม ศาลกัมพูชาจะเร่งพิจารณาคดีของทั้ง 7 คนให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ แต่ในส่วนของคำตัดสินน่าจะยืดไปเป็นสัปดาห์หน้า เพราะติดวันหยุดของทางกัมพูชา ด้านญาติของทั้ง 7 คนเข้าใจว่าก่อนพิจารณาคดีทั้งหมดไม่ได้พูดคุยกัน เพราะเป็นการไต่สวนลับ และศาลก็ไม่อนุญาต

-ทนายกำชับไทยอย่าให้ข่าว

"ในระหว่างนี้เป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวมาก ทางทนายความไม่ต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งสถานทูตไทยให้ข่าวมาก เนื่อง จากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อคดีความ และอาจจะมีผลต่อการให้ปากคำแก่จำเลยที่ยังรอการไต่สวนอยู่ ส่วนแนวทางการสู้คดี ทีมทนายกัมพูชาได้หารือกับ 7 คนไทยอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้" นายธานีกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำคดีของ 7 คนไทย ที่มีความเกี่ยวข้องกับการชี้จุดแบ่งเขตแดนกัมพูชา มาพิจารณาร่วมกับการเจรจาของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี หรือไม่ นายธานีกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับทางการกัมพูชามาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นคนละส่วนกันจะไม่นำ มาเกี่ยวโยงกัน โดยการเจรจาเจบีซี ครั้งที่ 4 ยังจะมีขึ้นที่กรุงพนมเปญต่อไป ส่วนการจับกุมตัว 7 คนไทยก็เกิดขึ้นในพื้นที่ทับซ้อน ที่เริ่มจากการเดินลงไปในพื้นที่ที่ไม่ทราบว่าเป็นของฝ่ายใด เรื่องนี้จะไม่มีผลต่อการเจรจาเขตแดนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุก 3-6 เดือน และให้เนรเทศออกนอกประเทศ ส่วนข้อหารุกล้ำพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 6-12 เดือน หรือปรับเงิน 7,500-15,000 บาท

-ศาลไต่สวนเสร็จครบ 7 คน

เมื่อเวลาประมาณ 19.15 น. ศาลกรุงพนม เปญไต่สวนผู้ต้องหาทั้ง 7 คนเสร็จสิ้น โดยตั้งไว้ 2 ข้อหา คือ ข้ามแดนผิดกฎหมาย และเข้าไปในเขตทหารกัมพูชาโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนี้คณะทำงานจะรวบรวมสำนวนที่ได้จากการไต่สวนวันที่ 6 ม.ค. เพื่อยื่นให้แก่อัยการในวันจันทร์ที่ 10 ม.ค. ซึ่งอัยการอาจเห็นควรให้มีการไต่สวนเพิ่มเติม เมื่อเสร็จสิ้นกระ บวนการอัยการจะรวบรวมสำนวนส่งต่อให้ศาลพิจารณา หากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดก็จะปล่อยตัว แต่ถ้าตัดสินว่ามีความผิดทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญก็จะยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ จากพระบาทสมเด็จพระ บรมนาถนโรดม สีหมุนี ประมุขของกัมพูชา

ด้านนายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ทางกระ ทรวงการต่างประเทศเตรียมยื่นเรื่องประกันตัวผู้ต้องหาแล้วในวันที่ 10 ม.ค. เนื่องจากเมื่อการไต่สวนในวันที่ 6 ม.ค.เสร็จสิ้น ศาลกัมพูชาได้แจ้งกับฝ่ายไทยว่า หากจะยื่นเรื่องประกันตัวต้องทำเรื่องในวันที่ 10 ม.ค. ยืนยันว่าการยื่นเรื่องประกันตัวไม่ได้หมายความว่าคนไทยทั้ง 7 คนมีแนวโน้มถูกตัดสินว่ามีความผิด แต่เป็นขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมปกติ