GENERAL HERO2010 Member
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

‘สุดเปรต’สเลดเป็ด!

Go down

‘สุดเปรต’สเลดเป็ด! Empty ‘สุดเปรต’สเลดเป็ด!

ตั้งหัวข้อ  goosehhardcore Fri Jan 07, 2011 11:42 am

‘สุดเปรต’สเลดเป็ด!


“เกษียร เตชะพีระ” นักวิชาการรัฐศาสตร์ มองการเมืองไทยปี 2554 ว่าจะเป็นปีแห่งการจัดโครงสร้างอำนาจ “สถาบันหลัก” ของชาติใหม่ เพราะ 3-4 ปีที่ผ่านมา สถาบันสำคัญของชาติถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากหลังจากก้าวข้ามมาพัวพันกับการ เมือง

ไม่ว่าจะเป็นสถาบันองคมนตรี สถาบันตุลาการ และสถาบันทหาร ซึ่งก่อนรัฐประหาร 2549 สถาบันเหล่านี้แทบไม่เคยถูกแตะต้องหรือถูกตั้งคำถามเรื่อง “ความชอบธรรม” หรือ “2 มาตรฐาน” เลย

ที่น่าสนใจคือ “อาจารย์เกษียร” อธิบายว่า ประเทศไทยยุค “คนดี” กับ “คนมีสี” จะมีลักษณะ “ข้างบนอำนาจนิยม ข้างล่างอนาธิปไตย”

เรื่องขั้วอำนาจของ “สัตว์การเมือง” จึงมีหลายเงื่อนปมที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างอารยประเทศที่ “ประชาชน” เป็นผู้ตัดสินว่า “สัตว์การเมือง” กลุ่มไหนจะขึ้นมามีอำนาจและปกครองบ้านเมือง

ารเมืองยุคที่ “สี” ยังใหญ่คับแผ่นดิน แต่ไม่ใช่ “สี” ของประชาชน เพราะประชาชนไม่ใช่ “แม่สี” แต่เป็นแค่ “เบี้ย” ที่ถูกหลอกใช้

ขณะที่ “สัตว์การเมือง” ก็เป็นเหมือน “อีตัว-ไอ้ตัว” ที่พร้อมขายตัวเพื่อแลกกับอำนาจและผลประโยชน์ที่ “อีแอบ” หยิบยื่นให้

การเมืองปีกระต่ายจึงยังหนีไม่พ้นหน้าเดิมๆ กลุ่มเดิมๆ เพราะอำนาจยังอยู่ที่ “อีแอบ” และ “คนมีสี” ที่ยังเต็มไปด้วยความอคติ เชื่อแต่ “ตัวกู-พวกกู”

“หุ่นเชิด” จึงไม่มีตัวเลือกที่ดีเท่า “หล่อหลักลอย” เพราะอย่างน้อยก็ “ไม่โกง” และมีวาทกรรมเป็นเลิศ โดยเฉพาะไหวพริบที่ไหลลื่นไปได้ทุกรูปแบบ จน “ปลาไหลตัวพ่อ” ยังยกให้เป็น “พญาปลาไหล”

แต่ “โลกวันนี้วันสุข” ยกย่องให้เป็น “ศรีธนญชัยตัวพ่อ”

แม้แต่ “นาธาน โอมาน” ที่ถือเป็น “โคตะระกะล่อน” เจอ “หล่อหลักลอย” ก็เชื่อว่าต้องเรียกว่า “พ่อ”

บรรดา “แม่ยก” จึงสุดปลื้ม “หล่อหลักลอย” ยิ่งกว่า “ซูเปอร์สตาร์” แค่เห็นหน้าก็ร้องกรี๊ดแทบโลกแตก บรรดาแม่ยกจึงพร้อมทำทุกอย่างเพื่อจะได้กอด ได้สัมผัส “หล่อหลักลอย”

บรรดาหมอดูและหมอเดาจึงไม่ต้องเปิดตำราผูกดวงหาฤกษ์ หรือแหงนดูดวงดาวว่าจะโคจรอย่างไร ก็ฟันธงได้ทันทีว่า ปีกระต่ายยังเป็นปีของ “หล่อหลักลอย”
ตราบใดที่ “อีแอบ” ยังมีลมหายใจและเตะปี๊บดัง

แม้ “สัตว์การเมือง” ที่ร่วมก๊วนร่วมแก๊งจะเป็นพวก “สุดเปรต...สเลดเป็ด” ก็ตาม!
ถ้า “เป้-อารักษ์” เจอ “หล่อหลักลอย” ก็ต้องเรียกว่า “สเลดเป็ดตัวพ่อ”

แต่ถ้า “บลูเบอร์รี่” เจอก็ต้องตะโกนสุดเสียงว่า “ชิมิ ชิมิ งุงิ งุงิ งุงิ...”

ไม่ใช่ “หล่อหลักลอย” หล่อได้ใจเท่านั้น แม้แต่ “ศรีธนญชัย” ยังอาย!


Ref: http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=47793
goosehhardcore
goosehhardcore
Hero gen.seh member
Hero gen.seh member

จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand

ขึ้นไปข้างบน Go down

‘สุดเปรต’สเลดเป็ด! Empty แม่ปูสอนลูก

ตั้งหัวข้อ  goosehhardcore Sun Jan 09, 2011 3:47 pm

แม่ปูสอนลูก


นิทานอีสปเรื่อง “แม่ปูสอนลูกปู” ได้พูดถึงแม่ปูที่พาลูกๆออกไปหากินที่ชายหาด แต่เห็นลูกๆเดินคดเคี้ยวเซไปเซมา จึงกล่าวว่า..."ทำไมลูกไม่เดินให้ตรงๆทางล่ะจ๊ะ"

ลูกปูจึงตอบว่า "ถ้าเช่นนั้น แม่ลองเดินตรงๆให้ลูกดูหน่อยซิจ๊ะ ลูกจะได้ทำตาม"

แน่นอนว่าแม่ปูเองก็ทำไม่ได้ เดินคดเคี้ยวเซไปเซมาเช่นเดียวกัน แต่แม่ปูไม่รู้ตัวเอง

นิทานอีสปเรื่อง “แม่ปูสอนลูกปู” จึงสอนให้รู้ว่า “การพูดอย่างเดียวนั้นไม่อาจสอนได้ดีเท่ากับการทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง” เหมือนที่ผู้ใหญ่มากมายออกมาสั่งสอนเด็กให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต แต่ผู้ใหญ่กลับไม่ประพฤติเป็นแบบอย่าง แถมบางคนยังประพฤติชั่ว และทุจริตโกงกินอีกด้วย

นิทานอีสปจึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะไม่ได้ให้แค่ความเพลิดเพลินและจินตนาการแก่เด็ก แต่ยังเปี่ยมด้วยข้อคิดและเชาวน์ปัญญาที่นำมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกยุคทุก สมัย แม้จะเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรกรีกโบราณก็ตาม

อย่างวันเสาร์แรกของเดือนมกราคม ประเทศไทยจะถือเป็น “วันเด็กแห่งชาติ” ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมีคำขวัญวันเด็กเพื่อให้เด็กประพฤติปฏิบัติในทางที่ชอบ เป็นคนดีและมีน้ำใจ เพื่อเป็นกำลังในอนาคตของชาติ เช่นเดียวกับปี 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กว่า “รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ” เพื่อให้เด็กไทยให้ความสำคัญกับสถานการณ์ความเป็นจริงของโลก จะได้เติบโตอย่างมีคุณภาพในโลกปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคของข้อมูลข่าวสารและการแข่งขัน

นายอภิสิทธิ์ยังให้ความหมาย “มีจิตสาธารณะ” ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นรุนแรง แต่ละคนคิดถึงแต่ตัวเองก็จะอยู่ในสังคมที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว สังคมและบ้านเมืองจะถูกละเลยและไม่มีความสุข เพราะคนในสังคมขาดน้ำใจไมตรีและไม่มีคุณภาพ สังคมจะมีแต่การแก่งแย่งและความเลวร้าย

คำขวัญวันเด็กของนายอภิสิทธิ์จึงเป็นสิ่งที่ดี เช่นเดียวกับที่ให้เด็กดำรงรักษาคุณความดี คุณธรรม จริยธรรม มีความกตัญญู ขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียนรู้ ปฏิบัติตนเป็นคนดีนั้น คงไม่แตกต่างจากนิทานอีสปเรื่อง “แม่ปูสอนลูกปู” ซึ่งผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ไม่ใช่หน้าไหว้หลังหลอก หรือมือถือสากปากถือศีล

โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ที่เป็นผู้ปกครองสูงสุด ยิ่งต้องมีสำนึกความรับผิดชอบทั้งทางการเมืองและทางสังคมมากเป็นทวีคูณ เป็นคนดีที่ไม่ใช่แค่ซื่อสัตย์สุจริต แต่ต้องมีคุณธรรมและศีลธรรมทั้งกายและใจ และต้องพร้อมเสียสละชีวิตเพื่อชาติ ไม่ใช่โกหกตอแหลสร้างภาพและรักษาอำนาจให้อยู่ได้นานที่สุด

เพราะแม้แต่ “ลูกเสือ” ที่เป็นเด็กและเยาวชนยังยึดมั่นในคำขวัญ “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” แต่ผู้มีอำนาจและนักการเมืองไทยกลับมีแต่ข่าวการทุจริตคอร์รัปชัน แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กันอย่างไม่ละอาย


ที่มา http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=47799
goosehhardcore
goosehhardcore
Hero gen.seh member
Hero gen.seh member

จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand

ขึ้นไปข้างบน Go down

‘สุดเปรต’สเลดเป็ด! Empty ศรีธนญชัยเรียก..พ่อ!

ตั้งหัวข้อ  goosehhardcore Sun Jan 09, 2011 4:10 pm

ศรีธนญชัยเรียก..พ่อ!


“ผมได้แต่สงสัย ยังหาคำตอบไม่ได้ ทำไมตำแหน่งทางการเมืองทำให้คนเรียนดี ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เป็นนักการเมืองที่หลายคนชื่นชม กลับกลายเป็นคนกะล่อนปลิ้นปล้อนได้ถึงเพียงนี้ หรือว่าโดยกมล sun-ดานแล้ว พวกชนชั้นปกครองบ้าอำนาจมักมีพันธุกรรมของความกะล่อนอยู่เสมอ”

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “ไทยเรดนิวส์” และ “วอยซ์ ออฟ ทักษิณ” เขียนจดหมายระบายความรู้สึกหลังจากถูกหมายจับกรณีทำผิดต่อ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากแถลงข่าวและออกแถลงการณ์กรณีเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” ซึ่งนายสมยศประกาศจะต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจนถึงที่สุด แม้จะสูญเสียอิสรภาพ แต่จะไม่ยอมสูญเสียความเป็นคน

“คุณอภิสิทธิ์ใช้ชีวิตในวัยเด็กและเติบโตในสังคมตะวันตก อาจไม่มีความรู้ในเรื่องบาปบุญคุณโทษ และอาจไม่ใส่ใจต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นบาปมหันต์”

คำพูดกับผลงาน

ที่สำคัญกว่า 2 ปีภายใต้รัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ xxxx เป็นนายกxxxx ไม่เพียงถูกมองว่าแก้ปัญหาล้มเหลวเกือบทุกด้านเท่านั้น แต่ยังทำให้ความแตกแยกและขัดแย้งในสังคมไทยยิ่งรุนแรงมากขึ้น ทั้งที่ประกาศเมื่อรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ทางการเมือง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งภาคแบ่งสี ขจัดการเมืองที่ล้มเหลวออกไป เพื่อนำความสมัครสมานสามัคคีกลับคืนมา โดยอาศัยความยุติธรรมเป็นกระบวนการนำหน้า จะยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค และเคารพในกระบวนการและเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

“ผมทราบดีว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ไม่ปรกติและเป็นวิกฤต และประชาชนคนไทยมีความทุกข์ ผมถือว่าผมเป็นนักการเมืองในวิถีทางประชาธิปไตย ผมเป็นอาสาสมัคร และผมไม่มีสิทธิจะหนีปัญหาหรือปฏิเสธความรับผิดชอบ”

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยวาทศิลป์อย่างน่ายกย่องจนคนฟังเคลิบเคลิ้ม แต่ในฐานะผู้นำรัฐบาลกลับใช้กำลังทหารปราบปรามประชาชนอย่างโหดเหี้ยมถึง 2 ครั้ง คือเหตุการณ์สงกรานต์เลือดปี 2552 และเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต”

ขณะที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ประกาศแผนปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะนโยบายประชาวิวัฒน์ที่เน้นแก้ปัญหาให้กับวินมอเตอร์ไซค์ ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย คนขับรถแท็กซี่ และเกษตรกรที่มีหนี้สิน ซึ่งไม่ต่างจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นายอภิสิทธิ์เคยตำหนิว่าเป็นระบบอุปถัมภ์ของนักการเมือง ทำให้ขาดวินัยการคลัง แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์กลับลอกเลียนแบบและลด แลก แจก แถมยิ่งกว่ารัฐบาลไทยรักไทยอย่างไม่ละอาย

จุดยืนและตัวตน “อภิสิทธิ์”

ในการปาฐกถาและให้สัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์หลายครั้งก็ประกาศว่าเป็น นักการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อย่างในเว็บไซต์ส่วนตัวก็พูดถึงจุดยืนของตนเองว่า

“ผมสนใจการเมืองเมื่อครั้งที่มีอายุ 9-10 ขวบ ที่ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ได้เห็นคนนับหมื่นนับแสนออกมาชุมนุมกันตามท้องถนนและต่อสู้โดยยอมเอาชีวิต เข้าแลก คุณพ่อได้อธิบายว่าออกมาเรียกร้องสิทธิ ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกคนเป็นเจ้าของประเทศเหมือนกัน จึงตัดสินใจตั้งแต่ครั้งนั้นว่าจะเป็นนักการเมือง...ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคย เปลี่ยนใจ”

แต่ครั้งเกิดม็อบเสื้อเหลืองออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายอภิสิทธิ์กลับเสนอให้มีนายกฯพระราชทานตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อเป็นทางออกของวิกฤตการเมือง โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ร่วมกับพรรคต่างๆที่อยู่ตรงข้ามพรรคไทยรักไทยบอยคอต การเลือกตั้ง จนเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้ออกมาคัดค้าน แต่กลับวางเฉย

เช่นเดียวกับการรณรงค์ทำประชามติให้รับรองรัฐธรรมนูญ 2550 ของคณะมนตรีความมั่นคงxxxx (xxx.) นายอภิสิทธิ์ได้ออกมาร่วมเรียกร้องให้รับรองรัฐธรรมนูญไปก่อนแล้วค่อยแก้ไข ในภายหลัง แต่กว่า 3 ปีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ทั้งในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและนายกรัฐมนตรีกลับสร้างเงื่อนให้การ แก้ไขรัฐธรรมนูญกลายเป็นวิกฤตการเมืองจนทุกวันนี้

ทั้งที่นายอภิสิทธิ์เคยประณามว่านักการเมืองบางกลุ่มทำตัวเหมือน ส.ส. ให้เช่า คือพวกที่ทำให้เกิดวิกฤตชาติ และจะไม่ร่วมทำงานด้วย แต่วันนี้นอกจากนายอภิสิทธิ์ไม่รังเกียจที่จะร่วมทำงานด้วยแล้ว ยังให้ตำแหน่งและยังเพิกเฉยกับการทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย

จับโกหก “อภิสิทธิ์”

คลิปต่างๆที่มีการนำมาจับโกหกนายอภิสิทธิ์จึงมีมาตลอดว่านายอภิสิทธิ์ เป็นนักการเมืองที่พูดจริงทำจริง หรือปลิ้นปล้อนโกหกตอแหล อย่างกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เรียกร้องให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออก ซึ่งนายอภิสิทธิ์เคยอภิปรายในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2551 ให้นายสมัครมีสำนึกรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ใช่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกับผู้ชุมนุม

“...การที่จะมีประชาชนจากหนึ่งคนหรือจะแสนคนลุกขึ้นมาเรียกร้องให้รัฐบาล แสดงความรับผิดชอบ ทบทวนตัวเอง หรือพิจารณาตัวเอง ไม่ได้ขัดกับหลักประชาธิปไตยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีข้อสงสัยว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนั้นอาจ จะแค่บกพร่องผิดพลาด ถ้าร้ายแรงกว่านั้นก็คือ ละเมิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิของประชาชน หรือเลวร้ายอีกเรื่องหนึ่งคือ การทุจริตคอร์รัปชัน จริงครับ ปัญหาเหล่านี้มีกระบวนการทางกฎหมาย แต่ท่านดูเถอะครับ ทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตยส่วนใหญ่เขาไม่รอให้กฎหมายจัดการครับ มันจะมีสิ่งที่เรียกว่าสำนึกหรือความรับผิดชอบของนักการเมือง ที่เขาบอกว่ามันต้องสูงกว่าคนธรรมดา”

เป็นคนหรือเปล่า?

ขณะที่เหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ที่มีการสลายกลุ่มพันธมิตรฯที่ชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บประมาณ 400 คนนั้น นายอภิสิทธิ์ได้ออกมาเรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออกหรือยุบสภา เพราะหมดความชอบธรรมแล้ว แม้ผู้ชุมนุมจะกระทำผิด รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิฆ่า

“เหตุการณ์ทั้งหมดนายกฯไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ก็จงใจให้เหตุการณ์เกิดขึ้น”

“แต่ที่เลวร้ายกว่าการโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่คือ การใส่ร้ายประชาชน”

“ผมไม่นึกไม่ฝันว่าเราจะมีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ สาหัส แล้วยังมีรัฐที่ยัดเยียดความผิดให้ประชาชนอีก ถือเป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้”

“ผมเคยได้ยินฝ่ายรัฐบาลชอบถามคนนั้นคนนี้ว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า แต่พฤติกรรมที่ท่านทำอยู่ไม่ใช่เป็นคนไทยหรือเปล่า แต่เป็นคนหรือเปล่า”

คำพูดของนายอภิสิทธิ์ที่เรียกร้องต่อรัฐบาลนายสมัครและรัฐบาลนายสมชาย เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” จึงตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับที่นายอภิสิทธิ์สั่งให้ใช้กำลังทหารนับหมื่น พร้อมอาวุธสงครามสลายกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 91 คน และบาดเจ็บ พิการเกือบ 2,000 คน ทั้งที่เรียกร้องให้ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่นั้น นายอภิสิทธิ์จึงต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเป็นนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบ ทางการเมืองและเป็นคนหรือเปล่า?

แก้ตัวข้างๆคูๆ

เช่นเดียวกับกรณีนายพนิช xxxx ส.ส.xxx. พรรคประชาxxxx และนายวีระ xxxx แกนนำกลุ่มประชาชนไทยหัวใจxxxx กับพวกอีก 5 คน รุกล้ำเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา จนถูกทหารกัมพูชาจับและดำเนินคดีในศาล ซึ่งปรากฏคลิปวิดีโอที่มีภาพและเสียงชัดเจนที่นายพนิชโทรศัพท์ถึง “คิว” (นายอิทธิศักดิ์ xxxx ผู้ช่วย ส.ส. ของนายพนิช) ให้โทรศัพท์บอกนายสมเกียรติ xxxx เลขานุการส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ ว่าได้ข้ามมาเขตกัมพูชาแล้ว ทั้งยังย้ำว่าอย่าให้ใครรู้เพราะนายกฯรู้อยู่คนเดียวนั้น ยิ่งตอกย้ำว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน

เพราะหลังปรากฏคลิปที่พาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์จนต้องออกมาแถลงยอมรับว่า เป็นคนส่งนายพนิชเข้าไปดูพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาจริง เพราะประชาชนร้องเรียนเรื่องที่ทำกินและปัญหาหลักเขตแดน แต่ไม่ทราบรายละเอียดของเส้นทางจนปรากฏเป็นข่าวว่าถูกจับ

นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงคลิปวิดีโอว่ามีความยาว 20 กว่านาที แต่คลิปที่โพสต์ตัดเหลือเพียง 1 นาทีกว่า จึงทำให้เกิดความสับสน เพราะในคลิปตัวเต็มนายพนิชได้พูดต่อที่ไม่เหมือนกับที่พูดตอนแรกที่บอกว่า เชื่อว่ายังอยู่ในเขตไทยแล้วกำลังไปในหลักหมุดที่ 46 ฉะนั้นจึงไม่ควรดูคลิปแค่นาทีกว่าๆแล้วเข้าใจว่านายพนิชไปกัมพูชาแล้วนายกฯ รู้เรื่องทั้งหมด แต่อยากให้ดูคลิปทั้งหมดหรือที่มีความยาว 4 นาทีกว่า

“อภิสิทธิ์” ตระบัดสัตย์

อย่างไรก็ตาม นายไชยวัฒน์ xxxx แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ กลับเชื่อว่าการจับกุม 7 คนไทยครั้งนี้ พล.อ.ประวิxx xxxx รัฐมนตรีว่าการกระทรวงxxxx เป็นผู้ติดต่อให้ฝ่ายกัมพูชาจับ จนกระทรวงกลาโหมต้องออกมาตอบโต้ว่าบิดเบือน เลื่อนลอย ไม่มีมูลความจริง ต้องการทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมและกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ขณะที่นายปานเทพ xxxx โฆษกกลุ่มพันธxxxฯ กลับตั้งข้อสังเกตว่าการจับ 7 คนไทยซึ่งไม่ต่างจากตัวประกันนั้นมีวาระซ่อนเร้นอื่นใดหรือไม่ นอกจากต้องการพิสูจน์ความจริงว่าดินแดนไทยถูกรุกล้ำและยึดครองโดยทหารและ ชุมชนชาวกัมพูชา ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯเปิดเผยว่านายพนิชได้ชักชวนให้ลงพื้นที่เขาพระวิหาร ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2553 แต่ได้ปฏิเสธการเดินทางไปแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างลับๆ

นอกจากนี้นายปานเทพยังระบุว่า หากรัฐบาลยกเลิกข้อผูกพันแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 และถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก ก็สามารถผลักดันทหารและชุมชนชาวกัมพูชาออกจากดินแดนไทย และจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่น่าเสียใจอย่างวันนี้ แต่เพราะนายอภิสิทธิ์ตระบัดสัตย์ รับปากแล้วทำไม่ได้ แค่หลอกประชาชนไม่ให้ชุมนุม แล้วยังอ้างว่าทำประชาพิจารณ์ถึง 15 ครั้ง ทั้งที่เป็นแค่การจัดฉาก ขณะที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติออกมาแฉว่าเป็นการให้ข้อมูลด้าน เดียวและทำประชาพิจารณ์ในจังหวัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องยกเลิกเอ็มโอยู 43 อีกด้วย

ศรีธนญชัยตัวพ่อ!

จึงเห็นได้ชัดเจนว่าแม้นายอภิสิทธิ์จะได้รับการยกย่องว่ามีวาทกรรมเป็น เลิศ แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ มาโดยตลอดในเรื่องของจุดยืนทางการเมืองและคำพูดที่เชื่อถือได้หรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่พูดโกหกหรือพูดอย่างทำอย่าง แต่ยังสามารถสร้างเรื่องให้คนเชื่อและหลงคารมได้อย่างสนิทใจ ไม่ต่างอะไรกับพระเอกลิเกรูปหล่อป้อคำหวานจนแม่ยกหลงใหลอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ขณะที่สังคมไทยก็เหมือนคนหูหนวกตาบอดจริงๆ ไม่ใช่แค่ลืมง่ายเหมือนคนความจำเสื่อม แต่ยังเพิกเฉยและยอมรับการโกหกคำโตของรัฐบาล โดยเฉพาะคำพูดของนายอภิสิทธิ์ที่หลายต่อหลายครั้งมีหลักฐานชัดเจนจนแทบไม่ ต้องถามว่าโกหกตอแหลหรือไม่

อย่างกรณีคลิปนายพนิชและพวกถูกจับกุม ซึ่งนายอภิสิทธิ์ระบุว่าคลิปทั้งหมดที่ไม่มีการตัดต่อมีความยาวประมาณ 20 กว่านาที สามารถตรวจสอบและพิสูจน์ความจริงได้นั้น ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่ใช่คนโกหกตอแหลและไม่กลัวความจริงก็สามารถนำมาเปิด พิสูจน์ให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ตัดสินใจได้ ถ้ากระดากใจที่จะใช้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯแถลงข่าวข้างเดียวเหมือน ศอฉ. ในยุค พ.ร.ก.xxxก็สามารถใช้รายการ “เชื่อมั่นxxxฯ” ออกอากาศให้คนทั้งประเทศรับชมไปเลยว่าของจริง 20 นาทีนั้นเกิดอะไรขึ้นแบบคำต่อคำ วินาทีต่อวินาที โดยไม่ต้องตัดต่อ ดีกว่าออกมาแก้ตัวแบบถูๆไถๆหรือแถไปเรื่อยๆ

เช่นเดียวกับที่คนเสื้อแดงและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้เปิดเผย สำนวนการชันสูตร 91 ศพ ในเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” โดยเฉพาะกรณี 6 ศพที่วัดปทุมวนารามทั้งหมด หากนายอภิสิทธิ์และกองทัพยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ทหารไม่ ได้ฆ่าประชาชนก็ต้องเปิดให้สาธารณชนรับทราบแบบไม่ปิดบังอำพราง ไม่ใช่พูดแต่ผู้ก่อการร้ายหรือชายชุดดำ แต่จนบัดนี้ยังไม่เคยจับชายชุดดำได้แม้แต่คนเดียว รวมถึงการนำภาพวิดีโอเทปวงจรปิดของห้างในวันที่เซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผามาเปิด ดูกันให้เห็นจะจะว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ในวันที่ทหารได้เข้ายึดพื้นที่ราชประสงค์ไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากเห็นว่าเป็นใคร โดยเฉพาะเป็นคนเสื้อแดง หรือชายชุดดำผู้ก่อการร้ายเป็นผู้ก่อเหตุลงมือเผา จะได้ทำให้คนไทยสิ้นสงสัย หรือเป็นเพราะรู้แล้วว่าคนในภาพที่ก่อเหตุเป็นใคร? จึงไม่สามารถนำมาเปิดเผยความจริงให้ปรากฏ?

ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ยังใช้คำพูดแก้ปัญหา หรือพูดโกหกเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ วันหนึ่งเมื่อฟ้าเปลี่ยนสีความจริงก็ย่อมจะปรากฏ และนายอภิสิทธิ์ก็อยู่ในอำนาจไม่ได้หากไม่มีกองทัพหรือมุดบ้านของผู้มีบารมี นอกรัฐธรรมนูญให้ปกป้อง

ดังนั้น พฤติกรรมของนายอภิสิทธิ์ที่ถูกจับโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่กลุ่มพันธมิตรฯที่เคยให้การสนับสนุนจนได้เป็นนายกรัฐมนตรีทุกวันนี้ ยังประณามว่า “ตระบัดสัตย์”
ถ้า “นาธาน โอมาน” เจอนายอภิสิทธิ์ก็ต้องเรียกว่า “พี่” ถ้า “ศรีธนญชัย” เจอนายอภิสิทธิ์ก็ต้องเรียกว่า “พ่อ” ส่วนประชาคมโลกก็คงให้สมญานามเป็น “พินอคคิโอ” กลับชาติมาเกิด

นายอภิสิทธิ์วันนี้จึงถือเป็น “นาธานตัวพี่” และ “ศรีธนญชัยตัวพ่อ” จริงๆ!


ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 293 วันที่ 8-14 มกราคม พ.ศ. 2554 หน้า 16-17 คอลัมน์ เรื่องจากปก โดย ทีมข่าวรายวัน
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=9266
goosehhardcore
goosehhardcore
Hero gen.seh member
Hero gen.seh member

จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand

ขึ้นไปข้างบน Go down

‘สุดเปรต’สเลดเป็ด! Empty ตั้งแต่ต้นปี 'มาร์ค'งานเข้า

ตั้งหัวข้อ  goosehhardcore Sun Jan 09, 2011 7:39 pm

‘สุดเปรต’สเลดเป็ด! Pol01090154p1


ตั้งแต่ต้นปี 'มาร์ค'งานเข้า


กรณี นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และคณะคนไทยรวม 7 คน ไปถูกจับกุมในเขต พื้นที่กัมพูชา ทำให้เส้นทางของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในการก้าวข้ามปีเสือไฟเข้าสู่ปีกระต่าย เกิดความขลุกขลักไม่ราบรื่นตามแผน การที่วางไว้

นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อุตส่าห์จัดคิวออกทีวีแถลงแผนปฏิรูปประเทศไทย 4 ด้าน หวังสร้างความฮือฮาเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ให้กับคนไทย แต่ปรากฏว่าถูกข่าวนายพนิช กลบเสียสนิท

แถม นายอภิสิทธิ์ ยังต้องเปลืองตัวกับคลิป 'นายกฯรู้คนเดียว' ที่มีมือดีปล่อยออกมาทางยูทูบ ทั้งฉบับย่อ 4 นาทีกว่าๆ และฉบับเต็มยาว 20 นาที ผลักดันให้ไม่เฉพาะรัฐบาลแต่รวมถึงประเทศไทยทั้งประเทศต้องตกเป็นเบี้ยล่างทางฝ่ายกัมพูชาทันที

จาก 'คลิปพสิษฐ์' ในช่วงคดียุบพรรค มาถึง'คลิปพนิช'กรณีกัมพูชา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การ นำของนายอภิสิทธิ์ พลาดพลั้งเสียรังวัดไปไม่น้อย ที่สำคัญกรณี 7 คนไทยไม่ว่าจะตั้งใจหรือพลัดหลงเข้าไปให้ทหารกัมพูชาจับกุม

ยัง มีผลทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศที่ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว จากเรื่องปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนตามแนวชายแดนที่ยังเคลียร์กัน ไม่ได้ ย่ำแย่หนักเข้าไปอีก ตอกย้ำให้เห็นรัฐบาลชุดนี้ขาดแคลนทักษะในการผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน

ขณะ ที่อีกมุมหนึ่งของเรื่องที่เกิดขึ้นยังเป็นเครื่องยืนยันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้เปลี่ยนสถานะจากมิตรมาเป็นศัตรูกันแล้วโดยสิ้นเชิง ความไม่รอบคอบไม่รู้คิดของนายพนิช ยังเป็นการเปิดช่องให้พรรคฝ่ายค้านและคนเสื้อแดงฉวยโอกาสนำมาขยายผล สอยกระโดงคางรัฐบาลแบบเต็มๆ ในห้วงเวลาการต่อสู้ 'ยกสุด ท้าย' ทางการเมือง

ก่อนการยุบสภาเลือกตั้งใหม่

บรรยากาศการเมืองต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว หลังจากนายกฯอภิสิทธิ์ ออกมาส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะยุบสภาก่อนรัฐบาลครบวาระอย่างแน่นอน โดยผูกติดไว้กับ 3 เงื่อนไขเดิมคือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อย

ขณะ เดียวกันก็มีข่าวออกมาขยายในรายละเอียดว่ารัฐบาลวางแผนที่จะยุบสภาในช่วง กลางปีหรือราวเดือนพ.ค.-มิ.ย. โดยเน้นไปที่เงื่อนไขเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะตามขั้นตอนถ้า หากร่างแก้ไขผ่านที่ประชุมรัฐสภาวาระ 2-3 แล้วเสร็จในเดือนมี.ค. ก็ยังต้องใช้เวลาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะยุบสภาจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้

กับอีกกระแสหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้คือข่าวว่ารัฐบาลอาจเล่นเกมยื้อ ลากเวลาการปล่อยมือจากอำนาจออกไปนานกว่านั้น เพื่อจัดทำงบประมาณปี 2555 รวมถึงการจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการประจำปีในเดือนก.ย.อีกรอบ เพื่อกุมความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

กระนั้น ก็ตามแผนดังกล่าวใช่ว่าจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสียทีเดียว เพราะต้องยอมรับว่าตลอดเส้นทางการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น ได้ทำลายมิตรและสร้างศัตรูเพิ่มไว้มากมาย

กองทัพเองก็เริ่มหวาดระแวงรัฐบาล ปล่อยให้เป็นแพะรับบาปจากเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.53

ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะได้ยัดเยียดข้อหา 'ขายชาติ' ให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไปแล้วจากกรณีปราสาทเขาพระวิหารและกรณี 7 คนไทยถูกทางการกัมพูชาจับกุม

และล่าสุดกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลัง กลายเป็น 'ศึกใน' ระหว่างพรรคแกนนำกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีพรรคฝ่ายค้านคอยยืน'เสี้ยม'อยู่ข้างเวที หลายคนประเมินว่าข้อแตกแยกทางความคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

จนทำให้แผนลากยาวอำนาจของใครบางคนไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ

นับตั้งแต่เหตุการณ์ปราบม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 จนมีคนตาย 91 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน กระแสรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็วูบวาบเจียนอยู่เจียนไปมาตลอด

กระทั่งผ่านพ้นคดียุบพรรคประชาธิปัตย์มาได้ 2 คดีซ้อน แม้จะมีข้อกังขาจากสังคมแต่รัฐบาลก็ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ทยอยปล่อยนโยบายประชาวิวัฒน์ออกมาเป็นระลอกใหญ่เพื่อเอาใจชาวรากหญ้า ทั้งยังแสดงอาการมือเติบขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการทั้งระบบ ตลอดจนนักการเมืองส.ส. ส.ว. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

ทุกอย่าง ดูเหมือนกำลังจะไปได้ด้วยดีสำหรับรัฐบาล ถ้าไม่ดันมาเกิดเรื่องนายพนิช และความขัดแย้งกับพรรคร่วมในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาเสียก่อน
นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์การเมืองอีกส่วนหนึ่งมองว่า ถึงรัฐบาลหวังว่าจะได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นจากนโยบายประชาวิวัฒน์

แต่ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถตอบคำถามกรณี 91 ศพได้ชัดเจน ก็เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะฝืนเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็เงื้อดาบรอที่จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเรื่องนี้อยู่แล้วทันทีที่สภาเปิดสมัยประชุมปลายเดือนม.ค.นี้

ซึ่งอาจจะสร้างความบอบช้ำให้ กับรัฐบาล จนนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่กล้า ตัดสินใจยุบสภาเพื่อไปวัดดวงในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เนื่องจากอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ

ขณะเดียวกันการยื้ออยู่ในอำนาจต่อ ไป ก็ยิ่งจะทำให้รัฐบาลได้รับความบอบช้ำหนักขึ้นไปอีก ถึงขั้นไม่สามารถแน่ใจได้ว่าต่อให้ลากยาวอยู่ไปจนครบเทอมเดือนธ.ค. สถานการณ์จะดีขึ้นหรือจะเละๆ เทะๆ กว่าเดิม

เพียงก้าวแรกในการเข้าสู่ปีใหม่ 2554 ก็พอจะมองออกว่าไม่ใช่ปีที่ง่ายดายสำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ แน่นอน


ที่มา: ข่าวสดรายวัน หน้า 3 วันที่ 09 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7346
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEE1TURFMU5BPT0=
goosehhardcore
goosehhardcore
Hero gen.seh member
Hero gen.seh member

จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ