ม็อบ แดง-เหลือง หด ไร้พลังกดดันมาร์ค

[goosehhardcore]

เปิดศักราชการเมืองด้วยเรื่องร้อนแรงไม่หยุดหย่อน “รัฐบาล” กับภารกิจ ที่ยังไม่สามารถสะสางปัญหาค้างคา กลับต้องรอคิวจาก “เหลือง” “แดง” ที่จองกฐินข้ามปีเตรียมออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ซึ่งคงไม่ถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ แต่ก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนซ้ำเติมสถานการณ์ได้ไม่น้อย

เริ่มต้นปี วันอาทิตย์ที่ 9 ม.ค.นี้ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ภายใต้การนำของ ธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการแกนนำ นปช. แบบเต็มตัว เมื่อ “จตุพร พรหมพันธุ์” สส.สัดส่วน เพื่อไทย และแกนนำ นปช. ถูกคำสั่งศาลห้ามเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง

ที่สำคัญ นี่จะเป็นการชุมนุมครั้งแรกในรอบปี 2554 ที่ไม่ติดเงื่อนไข “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” หลังจาก ครม.มีมติยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล หันมา ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

การชุมนุมครั้งนี้จึงมี “อิสระ” ให้กับทั้ง “รูปแบบ” และ “เนื้อหา” มากยิ่งขึ้น

ยิ่งการโหมกระแสจากแกนนำแดง ว่างานนี้จะมีเสื้อแดงจากทั่วประเทศมาชุมนุมกว่า 6 หมื่นคน เพื่อแสดงออกถึงการปลุกพลังการเคลื่อนไหวที่ถูกตีกรอบมานาน น่าจะทำให้การชุมนุมครั้งนี้ “คึกคัก” มากกว่าการชุมนุมรายเดือนตามปกติ

โดยเฉพาะการเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังสี่แยกราชประสงค์ เพื่อร่วมจุดเทียนสดุดีวีรชนเสื้อแดงที่เสียชีวิตเวลาหนึ่งทุ่มก่อนก่อนจะแยกย้ายกันไป

นับเป็นการยกระดับการชุมนุม ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้าง นปช.ทั่วประเทศ ทั้งการสรรหากรรมการ นปช. ระดับตำบล อำเภอ จังหวัด และใหญ่ขึ้นมาเป็นระดับภูมิภาคเพื่อให้การชุมนุมไม่ยึดติดที่ตัว “บุคคล” และ “สถานที่”

“กลุ่ม นปช.จะรณรงค์ให้ปล่อยตัวแกนนำเสื้อแดงและผู้ถูกจับคุมขังโดยมิชอบให้ได้ประกันตัวมาต่อสู้คดี ช่วยเยียวยาผู้ถูกกระทำและครอบครัว เรียกร้องความยุติธรรม การใช้กฎหมายในมาตรฐานเดียวกัน และยกระดับการต่อสู้ของประชาชนให้สูงขึ้นด้วยความรู้” ธิดา ประกาศ

เป้าหมายการเคลื่อนไหวให้ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกคุมขัง ถูกหยิบยกขึ้นมาจุดกระแสการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง และดูจะได้รับการตอบรับไม่น้อย ยิ่งหลังจากศาลมีมติไม่อนุญาตให้ประกันตัว 7 แกนนำ ทั้งที่ “ธิดา” หอบเงิน 21 ล้านบาท ไปขอยื่นประกันตัว

แน่นอนว่านี่จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเด็นการชุมนุม ทั้งที่ “ธิดา” ยื่นคำร้องโดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ภายในประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว และทุกฝ่ายเรียกร้องให้มีการปรองดองคืนสันติสุขให้กับสังคม

ทว่า ประเด็นประกันตัวนี้ “รัฐบาล” เองเล่นบทใจกว้างพร้อมเปิดทางให้มีการประกันตัวทั้งแกนนำ และ “เหยื่อ” ที่ถูกคุมตัวได้รับอิสระ พร้อมโยนให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมชี้ขาดว่าจะปล่อยตัวประกันตัวหรือไม่ แรงบีบจึงไม่ได้กระทบกับรัฐบาลที่ลอยตัวไปแล้ว

ประเมินภาพรวมแล้วการชุมนุมครั้งนี้ภายใต้การนำจาก “สายพิราบ” อย่าง “ธิดา” จึงไม่น่าจะมีผลสั่นสะเทือนอะไรในช่วงข้ามคืน เมื่อ “รัฐบาล” นี้มีผ่านประสบการณ์การชุมนุมเสื้อแดงที่วิกฤตกว่านี้มาแล้วในช่วงเดือน เม.ย. พ.ค. ปีที่แล้ว

“สายเหยี่ยว” อย่าง “จตุพร” กำลังวุ่นอยู่กับการอุทธรณ์คำสั่ง สั่งห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม หรือทำกิจกรรมใดที่มีผู้ร่วมชุมนุมตั้งแต่5 คนขึ้นไป ห้ามเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร หรือให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณชน ที่เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนครั้งนี้จึงไม่สามารถออกมายืนฉากหน้าได้

อีกฝั่งหนึ่งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่นัดหมายชุมนุมแสดงพลังครั้งใหญ่ในวันที่ 25 ม.ค. เพื่อประท้วงรัฐบาลกรณีที่ไม่ยกเลิกบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู) ปี 2543 ที่พันธมิตรฯ มองว่าทำให้ไทยต้องสูญเสีย งานนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประกาศกร้าวว่าเป็นการต่อสู้ขั้น “แตกหัก” ของคนเสื้อเหลืองแบบยืดเยื้อชนิดไม่ชนะไม่เลิก

นอกจากประเด็นเรื่องเอ็มโอยู 43 และยกเลิกเอกสารประกอบทั้งหมดแล้ว ยังรวมถึงการเรียกร้องให้รัฐบาลถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก อีกทั้งต้องขับไล่ชาวกัมพูชาออกไปให้พ้นจากพื้นที่เขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร

ประเด็นนี้ดูจะได้รับการสนใจเรียกกระแสล่วงหน้าไปแล้วด้วยเหตุการณ์ 7 คนไทย ทั้ง พนิช วิกิตเศรษฐ์ สส.ประชาธิปัตย์ และวีระสมความคิด เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ถูกกัมพูชาจับกุมตัวด้วยข้อหาล่วงล้ำอธิปไตยที่จะขึ้นศาลพิจารณาคดีในวันนี้

จนมีการชุมนุมย่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมาทั้งหน้าทำเนียบรัฐบาล ไปจนถึงการชุมนุมที่ จ.สระแก้ว เพื่อกดดันขอไปตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุที่ 7 คนไทยถูกจับกุมตัว

การชุมนุมใหญ่ของเสื้อเหลืองในวันที่ 25 ม.ค.นี้ จึงน่าจะคึกคักกว่าที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะหลังจากที่พันธมิตรฯ เดินสายจัดสัมมนาสัญจรไปตามจังหวัดต่างๆ และ จ.อุดรธานี ในหัวข้อ “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” เพื่อเรียกกระแสปูทางสู่การชุมนุมใหญ่

ทว่า แนวโน้มการชุมนุมที่ประกาศว่าแตกหักครั้งนี้ เอาเข้าจริง กลับยังไม่มีพลังเพียงพอกับการเรียกร้องกดดันรัฐบาล ดังจะเห็นจากการชุมนุมในครั้งหลังๆ ของพันธมิตรฯ ทั้งการชุมนุมคัดค้านการประชุมร่วมรัฐสภา คัดค้านการร่างบันทึกตกลงคณะกรรมาธิการเขตแดนไทยกัมพูชา (เจบีซี) มาจนถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาลได้

ดูจาก “สถานการณ์” และ “เงื่อนไข” เวลานี้ไม่ว่าแรงบีบจากมวลชนทั้งฝั่งเหลืองและฝั่งแดงที่จะเข้ามาปะทะรัฐบาลในช่วงนี้ ทั้งคู่ยัง “ไร้พลังกดดัน” ที่จะสั่นคลอนรัฐบาล


Ref: http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/67975/%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A-%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AB%E0%B8%94-%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84