วิกฤตอุทกภัยดวงเมือง 2554...เจ้าของประเทศทำพัง

[lucky m.]

[img][/img]
ในพื้นชะตาจรของดวงเมืองประเทศไทย ซึ่งย่างเข้าปีที่ ๒๓๐ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔ ทักษาจรตกภูมิพุธ (๔) , อังคาร (๓) เป็นกาลกิณีจร ดาวอังคารเดิมเป็นเดช หมายถึงชื่อเสียงของประเทศ ทหารและกลุ่มบุคคลที่อยู่ในขอบข่ายอำนาจของศาล ถ้าเป็นทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้ก็ได้แก่รถยนต์ หรือยานพาหนะที่ต้องใช้เครื่องยนต์ เช่น เครื่องบิน เรือยนต์ แต่ถ้าเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ก็ได้แก่ เขื่อน หรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งเกี่ยวกับการให้พลังงาน ฯลฯ

ปรากฏการณ์แรกของอิทธิพลของดาวอังคารเป็นกาลกิณีจรดังกล่าว ได้เกิดขึ้นกับ แวดวงทางทหารที่ทำให้ต้องอกสั่นขวัญแขวน ได้แก่การที่ เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพตกแทบจะติดๆกัน 3 ครั้งซ้อน วันที่ ๑๖ , ๑๙ และ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ในขณะที่ดาวอังคาร (๓) จรอยู่ที่ราศีพฤษภ 23.24-28.51 องศา แต่ก็ในขณะที่ดาวพฤหัสที่ทับลัคนา ยังมีวิถีการโคจรเป็นปกติคุ้มโทษอยู่ จึงมิได้ส่งผลสะเทือนมากนัก จนถึงแม้ในช่วงที่ดาวอังคารยกเข้าราศีเมถุนตั้งแต่วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ทับอังคารเดิมในดวงเมืองก็มีวิกฤตการณ์ที่กองทัพถูกกล่าวหาในเรื่องของการใช้กำลังล้อมปราบในเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ในปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง (อังคารเดิมเป็นเดช)ในทางสากล และเริ่มต้นมหาวิบัติอุทกภัยจากทางภาคกลางตอนบนลงมาเรื่อยๆ

จนกระทั่งหลังจากวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๔ ดาวอังคารได้ยกย้ายเข้าสู่ราศีกรกฎ ทับดาวจันทร์ (๒) เดิมในดวงเมืองเข้าเกณฑ์ฆาตอัมพุภุมโม ตรงนี้นับเป็นจุดที่วิกฤตอย่างแท้จริง โดยต้องพิจารณาจากกฏเกณฑ์ของวิชาสิบลัคนาซึ่งเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปแล้วว่าได้ยึดเอาดาวทุกดวงเป็นลัคนาของตัวเอง เพราะดาวจันทร์ในราศีกรกฎนับเป็นราศีอัมพุ เกณฑ์ฆาตของราศีอัมพุ คืออัมพุภุมโม แปลตรงๆก็คือเกณฑ์ฆาตของราศีสัตว์น้ำ (อัมพุ) คือดาวอังคาร(ภุมโม) เมื่ออังคารจรเป็นกาลีทับจันทร์ในดวงเดิม จึงนับเป็นวิกฤตการณ์สูงสุดตามเกณฑ์ฆาตอย่างแท้จริง โดยเฉพาะยิ่งเมื่อดาวอังคารคืบคลานเข้าใกล้องศาของดาวจันทร์ มวลน้ำก้อนใหญ่ก็ได้ทะลักเข้าสู่กรุงเทพมหานครอย่างไม่อาจต้านทาน ในขณะที่ดาวพฤหัสบดีที่ทับลัคนาเมืองก็เดินถอยหลังอ่อนกำลังลงอย่างสิ้นเชิง และดาวพฤหัสบดีนี้ยังใช้เป็นตัวชี้วัดราคาทองคำที่รูดตกลงได้เป็นอย่างดี

และอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ต้องพิจารณา สำหรับตอบคำถามว่าทำไมดาวอังคารที่เป็นกาลกิณีจรในรอบปีก่อนๆ จึงมิได้ส่งอิทธิพลรุนแรงถึงขนาดนี้ นั่นก็คือ การพิจารณาดาวเจ้าวัยเป็นองค์ประกอบสำคัญ ดังจะเห็นได้ว่าในปี ๒๕๕๔ อายุจรย่าง ๒๓๐ ปี ดาวเจ้าวัยคือวัยราหู (๘) ซึ่งอยู่ในราศีมีน ที่นอกจากจะไม่มีตำแหน่งแล้วยังร่วมกับดาวศุกร์กาลกิณีเดิมของดวงเมืองอีกด้วย

และการที่เกิดอุทกภัยใหญ่ขึ้นถึง 2 ปีซ้อน ก็เพราะในปีพ.ศ. 2553 ดวงเมืองอายุย่าง 229 ปีทักษาตกภูมิอังคาร จันทร์เป็นกาลีจร จันทร์นอกจากจะเป็นดาวอายุเดิมของดวงชะตาประเทศ ก็ยังหมายถึงน้ำ ดาวพฤหัสจรในปีนั้นถึงแม้จะเป็นศรีแต่ก็อยู่ที่ราศีมีนภพวินาศกับดวงเมือง และเป็นอีกครั้งที่เล็งกับเสาร์จรที่ราศีกันย์ จึงนอกจากจะเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม ก็ยังมีอุบัติเหตุทางการเมืองก่อนหน้านั้นในกรณีพฤษภาเลือด 2553 อีกด้วย

แต่ข้อแตกต่างของอุทกภัยในปี 2553 กับปี 2554 ก็คือในปี 2553 ดาวจันทร์เป็นกาลกิณีจร จันทร์หมายถึงน้ำ จึงนับเป็นอุทกภัยโดยตัวมันเอง แต่ทว่าในปี 2554 อังคารเป็นกาลี อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ในตอนต้นบทความแล้วว่าความหมายหนึ่งของดาวอังคารก็คือเขื่อนหรือสิ่งที่ให้พลังงานหรือมีการขับเคลื่อนทางพลังงานสูง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อุทกภัยครั้งนี้สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือเกิดจากการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนในปริมาณมหาศาล

นอกจากนั้นดาวอังคาร (๓) ตัวนี้ยังเป็นเจ้าเรือนลัคน์ของดวงเมือง เพราะดวงเมืองสถิตย์ในราศีเมษ เจ้าเรือนลัคน์หรือเกษตรของดวงเมืองคือ ดาวอังคาร หากจะแปลกันอย่างกำปั้นทุบดินก็ได้ ว่า ดวงเมืองอยู่ในเรือนอังคารซึ่งหมายถึงทหาร ประเทศไทยจึงเปรียบเสมือนรัฐทหารกลายๆ หรือ อำนาจรัฐมักตกอยู่กับกองทัพหรือผู้ที่กุมอำนาจทางทหารที่แท้จริงเป็นส่วนใหญ่จนเปรียบเสมือนเจ้าของประเทศ ในเมื่อดาวอังคารเป็นกาลกิณีจรก็น่าจะแปลความได้ว่าเจ้าของประเทศทำพังพินาศเสียเอง

ซึ่งในความคาดคิดเดิมของข้าพเจ้า พุ่งเป้าไปที่การใช้กำลังทางทหารเข้ายึดอำนาจ ทำรัฐประหาร นับได้ว่าคาดผิดอย่างมหันต์ เพราะครั้งนี้ท่านเจ้าของประเทศอำมหิตลึกซึ้งเกินบรรยายจริงๆ !!

คนที่ตายก็ตายไป…. ความแค้นที่ถูกบ่มเพาะจนองศาใกล้จุดเดือดในครั้งนี้ ผู้ที่รอดต้องสู้แบบหลังพิงฝา เมื่อดาวเสาร์บาปเคราะห์ใหญ่ธาตุไฟสุมขอน ย้ายจากราศีกันย์เข้าราศีตุลย์เล็งลัคนาเมืองหลังจากวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และดาวพฤหัส (๕) ที่ราศีเมษเริ่มเดินหน้าตามปกติหลังวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ เมื่อพฤหัส-เสาร์ ดาวคู่พระคู่โจรเล็งยันสัประยุทธ์กันอีกครั้ง ในช่วงระยะ ๑ ปีนับจากนี้ ใครไม่เตรียมพร้อมก็เตรียมตัวรับความหายนะไว้ได้ล่วงหน้า

astute