สื่อ ! ไม่แฉเหตุน้ำท่วม..? โดย...”ขอม ดำดิน”

[lucky m.]

อ. สอาด จันทร์ดี >>สื่อ ! ไม่แฉเหตุน้ำท่วม..?
เสาร์ ที่ 29 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2554
สื่อ ! ไม่แฉเหตุน้ำท่วม..?
โดย...”ขอม ดำดิน”

กรุงเทพเป็นที่อยู่ของผู้คนหลายชนเผ่า หลายเชื้อชาติ (ทั้งสัญชาติไทยและชาวต่างประเทศ) มีจารีตประเพณีแตกต่างกัน อันจะทำให้มีความคิดและความเข้าใจแตกต่างกัน จึงมีความยุ่งยากมาก และจะวุ่นวายมากอีกด้วย ยิ่งผู้คนเหล่านั้นมีฐานะความเป็นอยู่ ร่ำรวย มีบ้านหลังใหญ่ รถเก๋งราคาเรือนล้าน เครื่องใช้ในบ้านสวยหรู มูลค่าสูงลิบ
ถ้าถูกน้ำท่วม จะได้รับความเสียหายน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมีข่าวน้ำจ่อ กทม. ใกล้ประตูบ้านมหาเศรษฐี อารมณ์เจ้าของบ้านมันเดือดปุดๆโมโหขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล กอรปกับคนเหล่านี้มีอิทธิพลในสังคม ก็ยิ่งจะก่อให้เกิดผลกระเพื่อม-กระทบไปสู่การแก้ปัญหา แล้วส่งเสียงโวยวายผ่านสื่อ ทั้งจาก นสพ. และสถานีโทรทัศน์
คนไทยมีอยู่ ๒ กลุ่ม คือรวยกับจน!
คนไทยที่เป็น “ไทยแท้” จะเป็นคนยากจนมากกกว่า ขณะคนไทยเชื้อสายอื่นมั่งคั่งกว่าและมีอำนาจในสังคมที่ทรงอิทธิพลมาก โดยเฉพาะได้แก่ “นักธุรกิจ” และพวก “สื่อ” ทั้งหลาย
สื่อได้เข้ามามีบทบาทในสถานการณ์น้ำท่วมทั้งทางตรงและทางอ้อม
เราได้พบกับความจริงว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเป็น “ประสาทรายวัน” เกิดจากกรณีสื่อเสนอข่าวแบบจ้อชนิดไม่มีหูรูด มีอะไรให้เห็นเป็นพูด...พูด...พูดแบบเมามัน
สื่อทำตัวเป็นพระเอก-นางเอกอย่างสนุกสนาน แต่คนเสพข่าวจากสื่อที่ไม่อยากเห็นน้ำท่วมกำลังประสาทจะรับประทาน เพราะไปหลงเชื่อว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพจมมิด ทำให้เกิดความกลัวจนตัวสั่น “บางคนง่อยกิน” เดินแทบไม่ไหว ทำอะไรไม่ถูก เห็นแล้วก็แสนจะสงสาร แต่จะทำอย่างไรได้ คนที่เสพสื่อโดยไม่มีการประคองหัวใจของตัวเอง มันก็เลยต้องเผชิญกับข่าวที่สาดออกมาราวกับห่ากระสุนถ้าหลบไม่เป็นก็จะถูกสื่อเล่นงานงอมพระราม
ประชาชนที่กลัวจนประสาทรับประทาน...กินยาแก้ปวดวันละ ๕ ครั้งก็ไม่หาย ก็จำเป็นต้องปล่อยให้ “ท่านเหล่านั้น” เผชิญชะตากรรม สุดที่จะช่วยเหลือได้
ความจริง คนไทยน่าจะรู้ว่าสื่อของประเทศไทยมุ่งทางการค้าเป็นกระแสหลักใหญ่ และยังมีกระแส“รอง” ซ้อนอยู่ข้างล่าง กระแสรองที่ว่าได้แก่ “การผูกติดอยู่กับศูนย์อำนาจเผด็จการ” ซึ่งจะสังเกตเห็นได้จากการนำเสนอข่าวในแต่ละครั้ง จะมีถ้อยคำ “พิสดาร” ปะปนอยู่อยู่ตลอดเวลา
สิ่งนั้นก็คือได้มีการ “ตอด-จิก” ท่านนายกรัฐมนตรีหญิง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในทำนองว่าติเพื่อก่อ แต่เอาเข้าจริง มันเป็นการ “ตอด” เพื่อจะฟาดฟันให้หัวใจของนายกบอบช้ำ ตามสไตล์ที่พวกเขาถนัด ดังจะเห็นได้จากการเสนอข่าว “ถล่มทำลาย” ฝ่ายประชาธิปไตยตลอดมา
ย้อนไปดูเหตุการณ์ “นองเลือด” เมษา-พฤษภา ๒๕๕๓ เราจะได้รับฟังแต่ข่าวร้ายด้านเดียวว่าคนเสื้อแดง เป็นก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง แต่ไม่มีข่าวว่า “พญายมตนไหนสั่งยิง” และไม่มีข่าวแม้แต่นิดว่า “เห็นตัวคนยิง”แล้ว
ตรงกันข้ามมีแต่ความเงียบ ทำราวกับว่าคนเสื้อแดงถูกกระสุนตายเอง
สื่อของประเทศไทยไม่มีใครมองเห็นคนยิง...จึงพากันเงียบกริบ
ในทำนองเดียวกัน สื่อในสถานการณ์น้ำท่วม สื่อเห็นกับตา (เห็นทุกหลังคาบ้าน) ที่น้ำท่วมทั้งหมู่บ้าน ท่วมวัด พระอุโบสถ ท่วมถนน ท่วมแม้กระทั่งโรงพยาบาล
แต่แปลกไหม...? สื่อไม่รู้ว่า “มวลน้ำ” มาจากไหน ?
อย่างในวันนี้ (๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔) พี่น้องที่จังหวัดตาก ซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ใกล้เขื่อนภูมิพล อันเป็นเขื่อนใหญ่ รวมทั้งเขื่อนศิรินธร ตั้งอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง มีรายงานมาที่พีเพิ่ล ออน ไลน์ว่า น้ำในเขื่อนที่เปิดประตูปล่อยออกมาอย่างไม่ยั้งเมือ ๒๕ วันก่อน ตอนนี้ต้อง “ระงับยับยั้ง” อย่างแรง
ขืนปล่อยมาก น้ำจะแห้งเขื่อน
พี่น้องเล่ามาทางโทรศัพท์ว่า การผลิตกระแสไฟฟ้าที่เคยเดินทุกเครื่อง ตอนนี้ เดินเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นพี่น้องเล่าต่อไปว่าขืนเดินเครื่องทุกเครื่อง น้ำแห้งเขื่อนแน่
จากข่าวที่ได้รับพวกนี้ มีคำถามถึงสื่อกระแสหลักว่าเหตุไรไม่ถามหา?
เราเชื่อว่าถ้ามีการถามหาเมื่อใด ..ก็จะได้รู้ความจริงเมื่อนั้น
ท่านผู้อ่านครับ (พีเพิ่ล ออน ไลน์) ขอเรียนว่าเราจะหาช่องทาง “ล้วงตับ” จากหน่วยงานที่ดูแลเขื่อนเอามาเปิดเผยให้รู้ว่าน้ำท่วมใหญ่คราวนี้ เกิดจากภัยธรรมชาติล้วนๆหรือว่าเกิดจากมือคนเข้าไปร่วมเปิดประตูน้ำ เพื่อจะค้นหาว่ามีมือคน (Man Made) เกี่ยวข้องหรือไม่
เรื่องความลึกลับที่ภาคเหนือ...ยังอยู่ในความสงสัย
แต่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ความสงสัยชัดเจน เพราะว่าพี่น้องชาวอีสานเขาลือกันแซดว่า “ฝนไม่ตก” เหตุไรน้ำจึงท่วมใหญ่ที่จังหวัดมหาสารคาม และอุบลราชธานี ?
เมื่อความสงสัยมันชัดเจนขนาดนี้ก็ฟันธงลงไปเลยว่า น้ำไหลไปท่วมอำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม และท่วมทีจังหวัดอุบลราชธานี เกิดจากฝีมือคน (แน่ๆ) เพราะไม่มีน้ำจากฟ้า
เมื่อข่าวมันเป็นเช่นนี้ ทำให้เห็นความจริงว่า
สื่อของประเทศไทย เป็นสื่อที่มีจิตใต้สำนึก ลี้ลับ เข้าใจยาก มองดูเหมือนเปิดกว้าง เป็นธรรม แต่เอาเข้าจริง มันแคบยิ่งกว่า “รูเข็ม” ทำให้เข้าใจได้เลยว่าสื่อของประเทศไทยเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นสื่อที่แนบแน่นอยู่กับระบอบเผด็จการอย่างยาวนาน จนกลายเป็น “ความกลมกลืน” จนดูไม่ออกว่าเป็นมันแนบสนิทขนาดไหนก็ไม่รู้
รู้แต่ว่าเมื่อเสนอข่าวออกมา มันจะเอียงไปเอียงมา ไม่มากก็น้อย
กรณีน้ำท่วมใหญ่ สื่อที่ไม่เป็นกลาง หรือกล่าวให้ชัด ได้แก่สื่อของ “เผด็จการ”จะพากันเล่นงานรัฐบาล หาว่าการแก้ปัญหายืดเยื้อ ชักช้าไม่ทันใจแก้ผิดวิธีอะไรทำนองนั้น
หลังจากนั้นก็จะยกย่องนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านว่าเป็นคนเก่ง โดยทำเป็นตัววิ่งในสถานีโทรทัศน์ Thai PBS (สถานีประชาชน) ? หรือไม่ก็ส่ง SMS เข้าสถานี สื่อที่มีหัวใจเผด็จการรับข้อความก็ถือโอกาสเผยแพร่ทันที
สื่อเอาแต่เสนอข่าวแบบนี้ แต่ไม่ยอมไปค้นหา “ใครปล่อยมวลน้ำลงมา” ?
วันนี้ ขออนุญาตวิพากษ์สื่อให้ท่านผู้อ่านได้พูดคุยเกี่ยวกับสื่อ ก่อนที่น้ำท่วมใหญ่จะลดลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กะไม่เกิน ๔-๕-๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ น้ำก็จะแห้งไปจากอาณาจักร กทม.
ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
สื่อของประเทศไทยก็จะพากนก้าวข้ามความจริงที่มีคนปล่อยมวลน้ำออกจากเขื่อนด้วยเจตนาร้าย เรียกว่าร้ายขนาดนี้ ก็ไม่ติดใจที่จะเอาเรื่อง นี้แหละหนอสื่อเครือญาติเผด็จการ
สื่อไม่ยอมแฉเหตุน้ำท่วม...ว่ามันมาจากมือมนุษย์ ! “ใช่ม๊ะ ?”!

“ขอม ดำดิน”