"อัมสเตอร์ดัม" ชูประเด็น "อภิสิทธิ์" มีสัญชาติอังกฤษ ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ
หน้า 1 จาก 1
"อัมสเตอร์ดัม" ชูประเด็น "อภิสิทธิ์" มีสัญชาติอังกฤษ ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของนปช. เปิดเผยผ่านวีดีโอลิงค์จากประเทศญี่ปุ่น ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา สำนัำกงานทนายความของเขาได้ยื่นเอกสารฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศแล้ว โดยเขาใช้ประเด็นที่นายอภิสิทธิ... ถือสัญชาติอังกฤษ เพราะเกิดที่ประเทศอังกฤษในปี 2507 มาใช้ในการยื่นฟ้อง
เนื่องจากอังกฤษ เป็นประเทศที่ให้สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรม ของศาลอาญาระหว่างประเทศแล้ว ซึ่งตามกฎหมายสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่มีสัญชาติของประเทศที่ให้สัตยาบัน ได้ทันที
ส่วนเนื้อหาในคำร้องนั้นมี 250หน้า และนายโร เบิร์ต เปรียบเทียบการสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.คล้ายกับเหตุการณ์รุนแรงที่ประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน จากการฆาตกรรม การจับกุมผู้คน และความพยายามในการแทรกแซงพยานหลักฐาน เพื่อใส่ความทางอาญาผู้ชุมนุม
คำแถลงของ นายโรเบิร์ต ยังอ้างคำให้การของพยาน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญ นายโจ เรย์ วิตตี้ อดีตจ่ากองทัพบก ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการควบคุมฝูงชน สังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือ สวาท ของสำนักงานตำรวจแห่งนครลอสแอลเจิลลีส ซึ่งระบุว่า การปฏิบัติการของกองทัพบกไทย เมื่อวันที่ 19พฤษภาคม 2553เป็นการปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์เพื่อจะได้ปราบปรามผู้ ชุมนุมกลุ่ม นปช.
ส่วนกรณีระเบิดสังหารทหารกลุ่มหนึ่ง เมื่อวันที่ 10เมษายน ปีเดียวกัน นั้น อาจเป็นเรื่องที่ฝ่ายทหารก่อขึ้นเอง เพื่อเป็นข้ออ้างในการยิงปืนเข้าใส่กลุ่มประชาชนโดยฝ่าฝืนกฎการใช้กำลังของ กองทัพ นายโรเบิร์ต ยังกล่าวด้วยว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่มีความพยายามรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนและเป็นระบบมาก ที่สุด เพื่อชี้ให้เห็นว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยความจงใจก่อให้เกิดความรุนแรงจนเกินกว่าที่จะรับ ได้ จึงต้องการคำตอบและต้องมีผู้รับผิดชอบก่อนหน้านี้
ขณะที่นายจตุพร กล่าวถึงข่าวการรัฐประหารในประเทศ โดยอ้างว่า ข้อมูลว่า มีอดีตนายทหาร ยศ นาวาอากาศตรี ไปร่วมวันทหารม้า ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงสงสัยว่าเป็นการซ่องสุมเพื่อการก่อการปฏิวัติหรือไม่
http://news.voicetv.co.th/thailand/3149-%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%8A.%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81.html
Ref: บทความของฟ้าอัสดง ฯ on FB
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: "อัมสเตอร์ดัม" ชูประเด็น "อภิสิทธิ์" มีสัญชาติอังกฤษ ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ
คดีถึงศาลอาญาโลกปิดล้อมสังหารหมู่ใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
“โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม” แถลงข่าวจากญี่ปุ่นยื่นคำร้องศาลอาญาระหว่างประเทศสอบสวนการสังหารหมู่ใน ประเทศไทยแล้ว ชี้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อใช้กำลังกับผู้ชุมนุม แปลกใจที่คนตายและบาดเจ็บมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยแต่รัฐบาลยังอยู่ บริหารประเทศได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ประสานนักกฎหมาย 8 ประเทศที่มีคนมาเจ็บและตายในไทยยื่นฟ้องอีกหลายศาล ต้องประจานให้คนทั่วโลกได้รับรู้ ย้ำมีสิทธิฟ้องได้เพราะนายกฯไทยถือสัญชาติอังกฤษโดยการเกิด “อภิสิทธิ์” โต้ทำตามเงินว่าจ้าง ยันถือสัญชาติไทยอย่างเดียว ไม่ได้ถือสัญชาติมอนเตเนโกรเหมือน “ทักษิณ” ด้าน “เทพไท” หยันหวังชิงพื้นที่ข่าวมากกว่าหวังผลทางคดี
วันที่ 31 ม.ค. 2554 ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว เวลาประมาณ 11.00 น. นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. พร้อมด้วย รศ.จารุพรรณ กุลดิลก และ ศ.สุดา รังกุพันธุ์ ทีมนักวิชาการคนเสื้อแดง เปิดแถลงข่าวการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อให้สอบสวนการสลายการ ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อเดือน เม.ย. และ พ.ค. 2553 ที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยมีการวิดีโอลิ้งค์แถลงข่าวของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จากสำนักกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ มาจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ด้วย
สำหรับรายละเอียดคำร้องที่ยื่นต่อศาล ผู้สนใจติดตามอ่านได้ทางเว็บไซต์ www.robertamsterdam.om.thai ส่วนรายละเอียดคำให้การของประจักษ์พยานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมีเผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.thaiaccountability.org
สำหรับเหตุผลที่ยื่นต่อศาลอาญาระหว่างประเทศสรุปได้เป็นข้อๆดังนี้
กองทัพจงใจเข่นฆ่าผู้ชุมนุม
1.กองทัพจงใจสลายการชุมนุมด้วยการเข่นฆ่าประชาชน โดยเฉพาะแกนนำ เมื่อวันที่ 10 ม.ย. 2553
2.กองทัพจงใจสลายโดยเข้าสลายจากทุกจุดพร้อมกัน จงใจปิดล้อม จงใจฆ่าหมู่ ไม่มีช่องทางให้หนีออกไปได้
ตั้งทีมสไนเปอร์ยิงระยะไกล
3.เมื่อไม่สำเร็จก็ใช้สไนเปอร์ยิงจากระยะไกล มีการใช้สไนเปอร์อย่างเป็นทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคำสั่งให้ใช้สไนเปอร์เป็นทีมตั้งแต่วันที่ 10-19 พ.ค.
4.การใช้อาวุธต่างๆมีหลักฐานวิดีโอทั้งหมด ซึ่งเป็นวิดีโอจากกองทัพ
5.กรณีชายชุดดำ รัฐพยายามบอกว่าชายชุดดำคือคนเสื้อแดง แต่ไม่เคยจับชายชุดดำได้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่มีภาพข่าวและหลักฐานทางโทรทัศน์มากมาย
6.มีหลักฐานและพยานมากมายว่าผุ้ชุมนุมชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ
เร่งทำลายหลักฐานในวัดปทุมฯ
7.การทำลายล้างโดยทหารและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เกิดขึ้นจริง และมีการทำลายหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดโดยรัฐ เช่น ที่วัดปทุมวนาราม ที่ทุบพื้น เทปูรอบโบสถ์ลบรอยกระสุนทิ้งทั้งหมด
8.มีหลักฐานในมือแล้วว่าคนเผาตึกเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่คนเสื้อแดง เป็นชายชุดดำที่เตรียมการทั้งชุดและอุปกรณ์อย่างดี โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือ
การพิจารณาคดีในไทยนานเกินไป
9.การพิจารณาคดีในประเทศไทยนั้นยาวนานเกินไป และหยุดนิ่งมานานเกินควรแล้ว
10.ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 เกิดสังหารหมู่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย แต่ก็ไม่มีใครออกมาร้องขอความยุติธรรมให้กับคนกลุ่มนี้ คนกรุงเทพฯนิ่ง ปิดปากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นหน้าที่ที่คนเสื้อแดงต้องลุกขึ้นนำคดีขึ้นสู่ศาลทุกศาลในโลกนี้
11.เหตุการณ์ปี 2516, 2519, 2535 ในประเทศไทยเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ เมื่อมีการสอบสวนสักพักก็หายเงียบไป
รัฐบาลมั่นใจมีอำนาจพิเศษปกป้อง
12.รัฐบาลไทยยังคงอยู่ได้ ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆ และรู้สึกมั่นใจอย่างสูงในอำนาจพิเศษที่ปกป้องตน
13.ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นที่โดนฆ่าตายโดยไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนใดๆก็ เป็นหลักฐานหนึ่งที่รัฐพยายามจะถ่วงเวลา ปิดกั้นและทำลายหลักฐานทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลักฐานต่างๆมากมายตรงหน้ายืนยันว่าการฆ่าคนเสื้อแดง เป็นการฆาตกรรมหมู่ จึงอดรนทนไม่ได้ที่จะไม่นำคดีขึ้นฟ้อง และไม่สามารถทนได้ที่จะนิ่งเฉย ปล่อยกระบวนการยุติธรรมของไทยดำเนินไปอย่างล่าช้า
แฉผู้มีบารมีชี้นำสลายการชุมนุม
14.หลังรัฐประหารมีผู้มีบารมีออกมาใช้กำลังทางการทหาร ตลอดจนการสลายการชุมนุมก็มีการชี้นำจากผู้มีบารมี มีคำสั่งให้ใช้ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารยิงสไนเปอร์ในลักษณะมือที่สามเพื่อโยน ความผิดให้ฝั่งคนเสื้อแดง (อ่านรายละเอียดต่อที่ http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=9555)
“โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม” แถลงข่าวจากญี่ปุ่นยื่นคำร้องศาลอาญาระหว่างประเทศสอบสวนการสังหารหมู่ใน ประเทศไทยแล้ว ชี้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อใช้กำลังกับผู้ชุมนุม แปลกใจที่คนตายและบาดเจ็บมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยแต่รัฐบาลยังอยู่ บริหารประเทศได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ประสานนักกฎหมาย 8 ประเทศที่มีคนมาเจ็บและตายในไทยยื่นฟ้องอีกหลายศาล ต้องประจานให้คนทั่วโลกได้รับรู้ ย้ำมีสิทธิฟ้องได้เพราะนายกฯไทยถือสัญชาติอังกฤษโดยการเกิด “อภิสิทธิ์” โต้ทำตามเงินว่าจ้าง ยันถือสัญชาติไทยอย่างเดียว ไม่ได้ถือสัญชาติมอนเตเนโกรเหมือน “ทักษิณ” ด้าน “เทพไท” หยันหวังชิงพื้นที่ข่าวมากกว่าหวังผลทางคดี
วันที่ 31 ม.ค. 2554 ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว เวลาประมาณ 11.00 น. นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. พร้อมด้วย รศ.จารุพรรณ กุลดิลก และ ศ.สุดา รังกุพันธุ์ ทีมนักวิชาการคนเสื้อแดง เปิดแถลงข่าวการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อให้สอบสวนการสลายการ ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อเดือน เม.ย. และ พ.ค. 2553 ที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยมีการวิดีโอลิ้งค์แถลงข่าวของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จากสำนักกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ มาจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ด้วย
สำหรับรายละเอียดคำร้องที่ยื่นต่อศาล ผู้สนใจติดตามอ่านได้ทางเว็บไซต์ www.robertamsterdam.om.thai ส่วนรายละเอียดคำให้การของประจักษ์พยานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมีเผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.thaiaccountability.org
สำหรับเหตุผลที่ยื่นต่อศาลอาญาระหว่างประเทศสรุปได้เป็นข้อๆดังนี้
กองทัพจงใจเข่นฆ่าผู้ชุมนุม
1.กองทัพจงใจสลายการชุมนุมด้วยการเข่นฆ่าประชาชน โดยเฉพาะแกนนำ เมื่อวันที่ 10 ม.ย. 2553
2.กองทัพจงใจสลายโดยเข้าสลายจากทุกจุดพร้อมกัน จงใจปิดล้อม จงใจฆ่าหมู่ ไม่มีช่องทางให้หนีออกไปได้
ตั้งทีมสไนเปอร์ยิงระยะไกล
3.เมื่อไม่สำเร็จก็ใช้สไนเปอร์ยิงจากระยะไกล มีการใช้สไนเปอร์อย่างเป็นทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคำสั่งให้ใช้สไนเปอร์เป็นทีมตั้งแต่วันที่ 10-19 พ.ค.
4.การใช้อาวุธต่างๆมีหลักฐานวิดีโอทั้งหมด ซึ่งเป็นวิดีโอจากกองทัพ
5.กรณีชายชุดดำ รัฐพยายามบอกว่าชายชุดดำคือคนเสื้อแดง แต่ไม่เคยจับชายชุดดำได้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่มีภาพข่าวและหลักฐานทางโทรทัศน์มากมาย
6.มีหลักฐานและพยานมากมายว่าผุ้ชุมนุมชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ
เร่งทำลายหลักฐานในวัดปทุมฯ
7.การทำลายล้างโดยทหารและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เกิดขึ้นจริง และมีการทำลายหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดโดยรัฐ เช่น ที่วัดปทุมวนาราม ที่ทุบพื้น เทปูรอบโบสถ์ลบรอยกระสุนทิ้งทั้งหมด
8.มีหลักฐานในมือแล้วว่าคนเผาตึกเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่คนเสื้อแดง เป็นชายชุดดำที่เตรียมการทั้งชุดและอุปกรณ์อย่างดี โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือ
การพิจารณาคดีในไทยนานเกินไป
9.การพิจารณาคดีในประเทศไทยนั้นยาวนานเกินไป และหยุดนิ่งมานานเกินควรแล้ว
10.ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 เกิดสังหารหมู่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย แต่ก็ไม่มีใครออกมาร้องขอความยุติธรรมให้กับคนกลุ่มนี้ คนกรุงเทพฯนิ่ง ปิดปากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นหน้าที่ที่คนเสื้อแดงต้องลุกขึ้นนำคดีขึ้นสู่ศาลทุกศาลในโลกนี้
11.เหตุการณ์ปี 2516, 2519, 2535 ในประเทศไทยเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ เมื่อมีการสอบสวนสักพักก็หายเงียบไป
รัฐบาลมั่นใจมีอำนาจพิเศษปกป้อง
12.รัฐบาลไทยยังคงอยู่ได้ ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆ และรู้สึกมั่นใจอย่างสูงในอำนาจพิเศษที่ปกป้องตน
13.ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นที่โดนฆ่าตายโดยไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนใดๆก็ เป็นหลักฐานหนึ่งที่รัฐพยายามจะถ่วงเวลา ปิดกั้นและทำลายหลักฐานทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลักฐานต่างๆมากมายตรงหน้ายืนยันว่าการฆ่าคนเสื้อแดง เป็นการฆาตกรรมหมู่ จึงอดรนทนไม่ได้ที่จะไม่นำคดีขึ้นฟ้อง และไม่สามารถทนได้ที่จะนิ่งเฉย ปล่อยกระบวนการยุติธรรมของไทยดำเนินไปอย่างล่าช้า
แฉผู้มีบารมีชี้นำสลายการชุมนุม
14.หลังรัฐประหารมีผู้มีบารมีออกมาใช้กำลังทางการทหาร ตลอดจนการสลายการชุมนุมก็มีการชี้นำจากผู้มีบารมี มีคำสั่งให้ใช้ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารยิงสไนเปอร์ในลักษณะมือที่สามเพื่อโยน ความผิดให้ฝั่งคนเสื้อแดง (อ่านรายละเอียดต่อที่ http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=9555)
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: "อัมสเตอร์ดัม" ชูประเด็น "อภิสิทธิ์" มีสัญชาติอังกฤษ ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ
เปิดข้อกล่าวหา‘อภิสิทธิ์’สังหารหมู่เสื้อแดง
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 54 นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทีมกฎหมาย ได้เปิดแถลงข่าวการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คดีสั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง จนมีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งคำร้องดังกล่าวเผยแพร่ในเว็บไซต์ www.robertamsterdam.om.thai ส่วนรายละเอียดคำให้การของประจักษ์พยานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในเว็บไซต์ www.thaiaccountability.org โดยคำร้องสรุปดังนี้
เมื่อคืนวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทย คณะทนายความสำนักกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ ได้ยื่นคำร้องความยาวกว่า 100 หน้ากระดาษ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก เพื่อขอให้อัยการประจำศาลอาญาระหว่างประเทศรับพิจารณา และดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีการสลายการชุมนุมในประเทศไทยระหว่างเดือน เมษายน-พฤษภาคม 2553 การปราบปรามการชุมนุมทหารได้ใช้กระสุนจริง ซึ่งทราบขนาดชัดเจนว่าเป็นชนิดใด รวมทั้งอุปกรณ์สงครามที่ใช้ในการรบ ซึ่งขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้กองทัพจงใจสลายการชุมนุมและเข่นฆ่าแกนนำคนเสื้อแดงโดยไม่เปิด ทางหนี จึงมองว่าเป็นการวางแผนอย่างชัดเจน แต่เมื่อแผนการล้มเหลว มีการใช้ทีมสไนเปอร์ยิงผู้ชุมนุมด้วย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไทยไม่สามารถพิสูจน์หลักฐานได้เช่นเดียวกับการระเบิดที่ สี่แยกคอกวัวว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพที่ฝึกฝนมาอย่างดีในการใช้สไนเปอร์ และการใช้ระเบิดสังหารกลับถูกถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐานว่าอยู่ร่วมใน เหตุการณ์
ส่วนกรณีคนชุดดำรัฐบาลพยายามจะบอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง แต่ไม่เคยจับคนชุดดำได้ ทั้งไม่มีการนำเสนอข้อมูลชายชุดดำเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงอย่างไร นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่มีหลักฐานว่ามีอาวุธเกิดจากผู้ชุมนุม ทั้งมีผู้เห็นเหตุการณ์ว่าผู้ชุมนุมไม่ได้มีอาวุธ การสังหารหมู่เหล่านี้เกิดขึ้นจริงจากการทำลายล้างของรัฐบาล แต่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้รับคำสั่งให้ปราบปรามที่บริเวณราชประสงค์ หลักฐานทางกายภาพเองถูกทำลายโดยรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีเซ็นทรัลเวิลด์ ทุกคนมองว่าคนเสื้อแดงเป็นคนเผา แต่มีพยานบุคคลชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่คนเสื้อแดง
นายอัมสเตอร์ดัมระบุว่า ขณะนี้ทหารถูกสอบสวนโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว แต่อธิบดีดีเอสไอเองเป็นกรรมการคนหนึ่งใน ศอฉ. ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จะเป็นไปตามทิศทางที่ ศอฉ. ให้เป็น ทั้งอธิบดีดีเอสไอบอกให้ทีมสอบสวนสรุปว่า ถ้าไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นคนยิงให้ทีมสอบสวนสรุปไปว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นการกล่าวหาผู้ต้องหาให้เป็นผู้ก่อการร้าย ขัดต่อการปรองดอง
ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมเป็นการสังหารหมู่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติ ศาสตร์ไทย แต่ข้อเท็จจริงต่างๆไม่ถูกค้นพบ กระบวนการยุติธรรมในประเทศยังไม่ปรากฏ การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ตั้งแต่ พ.ศ. 2516, 2519, 2535 แต่รัฐบาลยังลอยนวลอยู่ และพอใจกับการสังหารผู้ชุมนุม เวลานี้ประเทศไทยควรเผชิญกับสิ่งที่ตรวจสอบได้ สิ่งที่สำคัญต้องเปิดเผยกระบวนการต่างๆที่ทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
ต่อมานายอัมสเตอร์ดัมได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวซักถามผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ถาม : ทราบอย่างไรว่าศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับคำฟ้อง
ตอบ : ขณะนี้ได้ยื่นต่อศาลไปแล้ว ซึ่งจะต้องมีกระบวนการรตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดก่อน ประเด็นที่หยิบยกขึ้นฟ้องด้วยคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีสัญชาติเป็นอังกฤษ เพราะเกิดในประเทศอังกฤษ ภายใต้กฎบัญญัติของศาลสามารถดำเนินคดีได้ทันทีกับผู้ที่ถือสัญชาติของประเทศ ที่ลงสัตยาบัน
ถาม : รู้ได้อย่างไรนายอภิสิทธิ์ยังใช้สัญชาติอังกฤษ
ตอบ : เราไม่มีเหตุผลเดียวในการให้ไอซีซีรับคดีไว้พิจารณา แต่กฎหมายอังกฤษให้ถือว่าผู้เกิดในประเทศอังกฤษได้สัญชาติอังกฤษ แม้ขอไม่ใช้สัญชาติอังกฤษก็ต้องดูวัน ได้ขอถอนสัญชาติอังกฤษหลังเกิดเหตุฆ่าประชาชนหรือไม่ ตอนนี้ไม่มีใครตัดสินได้ว่ารับไม่รับจนกว่าจะได้อ่านเอกสารก่อน และเชื่อว่าไม่มีใครที่รู้สึกยินดีหากคดีในประเทศของตนไม่ได้รับการรับฟ้อง จากศาล ผมจะแสวงหาความเป็นธรรมให้กับคนไทย เพราะรัฐบาลในหลายประเทศเองต้องการรู้ความจริง ไม่ว่าจะเป็นคนอิตาลีและญี่ปุ่น เพราะคนในประเทศเขาเสียชีวิตด้วย ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ควรมีศักดิ์ศรีพอจะลาออกเมื่อบริหารผิดพลาด
ถาม : มีแผนสำรองไว้กรณีศาลไม่รับหรือไม่
ตอบ : มีแผนตั้งแต่เอถึงแซด ไม่มีเหตุผลเดียวที่จะทำให้ศาลรับฟ้องคดีนี้ มีหลักฐานมากมายจำนวนกว่า 200 หน้ากระดาษ จะอธิบายเหตุผลทั้งหมดว่า การใช้อาวุธของทหารไม่มีความสมเหตุสมผล ซึ่งการฟ้องครั้งนี้เป็นไปตามมาตราที่ 17 วงเล็บ 2 เอ และซี ของกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ และนอกจากการยื่นฟ้องต่อไอซีซี ผมยังได้ปรึกษากับผู้พิพากษา ทนายจำนวน 8 ประเทศ ที่มีคนในชาติของเขาได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในประเทศไทย เพื่อหาทางยื่นฟ้องคดีด้วย
“การเสียชีวิตหมู่ประเทศไทยไม่อนุญาตแม้แต่จะให้มีการสืบสวนสอบสวนในชั้น ศาล แม้ไทยได้ชื่อเมืองล้านรอยยิ้ม แต่โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ อาชญากรรมโดยรัฐต่อประชาชนจะถูกบอกให้โลกรับรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง หลังจากนี้ผมจะโน้มน้าวให้อัยการไอซีซีเห็นว่ามีเหตุผลที่ศาลจะรับฟ้อง เพราะมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นจริง ซึ่งผู้ที่สั่งฆ่าประชาชนคือรัฐบาล โดยผู้บริหารหรือนายกรัฐมนตรีไทยถือสัญชาติอังกฤษ ซึ่งกฎหมายเปิดช่องให้ยื่นฟ้องได้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้เป็นศัตรูของทหาร เพราะทหารชั้นผู้น้อยไม่ใช่ศัตรูของคดีนี้ แต่เป็นการดำเนินคดีกับผู้บังคับบัญชาของพวกท่าน ดังนั้น จึงขอให้ทหารชั้นผู้น้อยออกมาให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยเฉพาะทหารรักษาพระองค์”
นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวในตอนท้ายว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้เป็นตัวแทนคนเสื้อแดงแสวงหาความยุติธรรม การต่อสู้ที่ไม่ใช้ความรุนแรงที่จะนำประชาธิปไตยกลับมา และการถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้ายทารุณจากทหารและรัฐบาล ขอยืนยันว่าทั่วโลกได้มีหัวใจดวงเดียวกันที่จะสนับสนุนให้คนเสื้อแดงได้ ต่อสู้ต่อไป คนเสื้อแดง 19 คนถูกลักพาโดยรัฐบาลไทย นั่นคือถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ
ขณะนี้ทั่วโลกรับรู้ถึงการกระทำของฝ่ายรัฐบาลแล้ว ทั้งนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคดีที่ยื่นฟ้องไป แต่เราก็ได้แสดงให้ทั่วโลกรับรู้ว่ารัฐบาลคือคนร้ายที่เข่นฆ่าประชาชน
ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ปีที่ 12 ฉบับที่ 2982 ประจำวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 คอลัมน์ รายงานพิเศษ โดย ทีมข่าวการเมือง
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=48714
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 54 นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทีมกฎหมาย ได้เปิดแถลงข่าวการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คดีสั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง จนมีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งคำร้องดังกล่าวเผยแพร่ในเว็บไซต์ www.robertamsterdam.om.thai ส่วนรายละเอียดคำให้การของประจักษ์พยานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในเว็บไซต์ www.thaiaccountability.org โดยคำร้องสรุปดังนี้
เมื่อคืนวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทย คณะทนายความสำนักกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ ได้ยื่นคำร้องความยาวกว่า 100 หน้ากระดาษ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก เพื่อขอให้อัยการประจำศาลอาญาระหว่างประเทศรับพิจารณา และดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีการสลายการชุมนุมในประเทศไทยระหว่างเดือน เมษายน-พฤษภาคม 2553 การปราบปรามการชุมนุมทหารได้ใช้กระสุนจริง ซึ่งทราบขนาดชัดเจนว่าเป็นชนิดใด รวมทั้งอุปกรณ์สงครามที่ใช้ในการรบ ซึ่งขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้กองทัพจงใจสลายการชุมนุมและเข่นฆ่าแกนนำคนเสื้อแดงโดยไม่เปิด ทางหนี จึงมองว่าเป็นการวางแผนอย่างชัดเจน แต่เมื่อแผนการล้มเหลว มีการใช้ทีมสไนเปอร์ยิงผู้ชุมนุมด้วย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไทยไม่สามารถพิสูจน์หลักฐานได้เช่นเดียวกับการระเบิดที่ สี่แยกคอกวัวว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพที่ฝึกฝนมาอย่างดีในการใช้สไนเปอร์ และการใช้ระเบิดสังหารกลับถูกถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐานว่าอยู่ร่วมใน เหตุการณ์
ส่วนกรณีคนชุดดำรัฐบาลพยายามจะบอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง แต่ไม่เคยจับคนชุดดำได้ ทั้งไม่มีการนำเสนอข้อมูลชายชุดดำเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงอย่างไร นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่มีหลักฐานว่ามีอาวุธเกิดจากผู้ชุมนุม ทั้งมีผู้เห็นเหตุการณ์ว่าผู้ชุมนุมไม่ได้มีอาวุธ การสังหารหมู่เหล่านี้เกิดขึ้นจริงจากการทำลายล้างของรัฐบาล แต่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้รับคำสั่งให้ปราบปรามที่บริเวณราชประสงค์ หลักฐานทางกายภาพเองถูกทำลายโดยรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีเซ็นทรัลเวิลด์ ทุกคนมองว่าคนเสื้อแดงเป็นคนเผา แต่มีพยานบุคคลชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่คนเสื้อแดง
นายอัมสเตอร์ดัมระบุว่า ขณะนี้ทหารถูกสอบสวนโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว แต่อธิบดีดีเอสไอเองเป็นกรรมการคนหนึ่งใน ศอฉ. ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จะเป็นไปตามทิศทางที่ ศอฉ. ให้เป็น ทั้งอธิบดีดีเอสไอบอกให้ทีมสอบสวนสรุปว่า ถ้าไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นคนยิงให้ทีมสอบสวนสรุปไปว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นการกล่าวหาผู้ต้องหาให้เป็นผู้ก่อการร้าย ขัดต่อการปรองดอง
ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมเป็นการสังหารหมู่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติ ศาสตร์ไทย แต่ข้อเท็จจริงต่างๆไม่ถูกค้นพบ กระบวนการยุติธรรมในประเทศยังไม่ปรากฏ การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ตั้งแต่ พ.ศ. 2516, 2519, 2535 แต่รัฐบาลยังลอยนวลอยู่ และพอใจกับการสังหารผู้ชุมนุม เวลานี้ประเทศไทยควรเผชิญกับสิ่งที่ตรวจสอบได้ สิ่งที่สำคัญต้องเปิดเผยกระบวนการต่างๆที่ทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
ต่อมานายอัมสเตอร์ดัมได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวซักถามผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ถาม : ทราบอย่างไรว่าศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับคำฟ้อง
ตอบ : ขณะนี้ได้ยื่นต่อศาลไปแล้ว ซึ่งจะต้องมีกระบวนการรตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดก่อน ประเด็นที่หยิบยกขึ้นฟ้องด้วยคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีสัญชาติเป็นอังกฤษ เพราะเกิดในประเทศอังกฤษ ภายใต้กฎบัญญัติของศาลสามารถดำเนินคดีได้ทันทีกับผู้ที่ถือสัญชาติของประเทศ ที่ลงสัตยาบัน
ถาม : รู้ได้อย่างไรนายอภิสิทธิ์ยังใช้สัญชาติอังกฤษ
ตอบ : เราไม่มีเหตุผลเดียวในการให้ไอซีซีรับคดีไว้พิจารณา แต่กฎหมายอังกฤษให้ถือว่าผู้เกิดในประเทศอังกฤษได้สัญชาติอังกฤษ แม้ขอไม่ใช้สัญชาติอังกฤษก็ต้องดูวัน ได้ขอถอนสัญชาติอังกฤษหลังเกิดเหตุฆ่าประชาชนหรือไม่ ตอนนี้ไม่มีใครตัดสินได้ว่ารับไม่รับจนกว่าจะได้อ่านเอกสารก่อน และเชื่อว่าไม่มีใครที่รู้สึกยินดีหากคดีในประเทศของตนไม่ได้รับการรับฟ้อง จากศาล ผมจะแสวงหาความเป็นธรรมให้กับคนไทย เพราะรัฐบาลในหลายประเทศเองต้องการรู้ความจริง ไม่ว่าจะเป็นคนอิตาลีและญี่ปุ่น เพราะคนในประเทศเขาเสียชีวิตด้วย ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ควรมีศักดิ์ศรีพอจะลาออกเมื่อบริหารผิดพลาด
ถาม : มีแผนสำรองไว้กรณีศาลไม่รับหรือไม่
ตอบ : มีแผนตั้งแต่เอถึงแซด ไม่มีเหตุผลเดียวที่จะทำให้ศาลรับฟ้องคดีนี้ มีหลักฐานมากมายจำนวนกว่า 200 หน้ากระดาษ จะอธิบายเหตุผลทั้งหมดว่า การใช้อาวุธของทหารไม่มีความสมเหตุสมผล ซึ่งการฟ้องครั้งนี้เป็นไปตามมาตราที่ 17 วงเล็บ 2 เอ และซี ของกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ และนอกจากการยื่นฟ้องต่อไอซีซี ผมยังได้ปรึกษากับผู้พิพากษา ทนายจำนวน 8 ประเทศ ที่มีคนในชาติของเขาได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในประเทศไทย เพื่อหาทางยื่นฟ้องคดีด้วย
“การเสียชีวิตหมู่ประเทศไทยไม่อนุญาตแม้แต่จะให้มีการสืบสวนสอบสวนในชั้น ศาล แม้ไทยได้ชื่อเมืองล้านรอยยิ้ม แต่โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ อาชญากรรมโดยรัฐต่อประชาชนจะถูกบอกให้โลกรับรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง หลังจากนี้ผมจะโน้มน้าวให้อัยการไอซีซีเห็นว่ามีเหตุผลที่ศาลจะรับฟ้อง เพราะมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นจริง ซึ่งผู้ที่สั่งฆ่าประชาชนคือรัฐบาล โดยผู้บริหารหรือนายกรัฐมนตรีไทยถือสัญชาติอังกฤษ ซึ่งกฎหมายเปิดช่องให้ยื่นฟ้องได้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้เป็นศัตรูของทหาร เพราะทหารชั้นผู้น้อยไม่ใช่ศัตรูของคดีนี้ แต่เป็นการดำเนินคดีกับผู้บังคับบัญชาของพวกท่าน ดังนั้น จึงขอให้ทหารชั้นผู้น้อยออกมาให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยเฉพาะทหารรักษาพระองค์”
นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวในตอนท้ายว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้เป็นตัวแทนคนเสื้อแดงแสวงหาความยุติธรรม การต่อสู้ที่ไม่ใช้ความรุนแรงที่จะนำประชาธิปไตยกลับมา และการถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้ายทารุณจากทหารและรัฐบาล ขอยืนยันว่าทั่วโลกได้มีหัวใจดวงเดียวกันที่จะสนับสนุนให้คนเสื้อแดงได้ ต่อสู้ต่อไป คนเสื้อแดง 19 คนถูกลักพาโดยรัฐบาลไทย นั่นคือถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ
ขณะนี้ทั่วโลกรับรู้ถึงการกระทำของฝ่ายรัฐบาลแล้ว ทั้งนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคดีที่ยื่นฟ้องไป แต่เราก็ได้แสดงให้ทั่วโลกรับรู้ว่ารัฐบาลคือคนร้ายที่เข่นฆ่าประชาชน
ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ปีที่ 12 ฉบับที่ 2982 ประจำวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 คอลัมน์ รายงานพิเศษ โดย ทีมข่าวการเมือง
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=48714
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: "อัมสเตอร์ดัม" ชูประเด็น "อภิสิทธิ์" มีสัญชาติอังกฤษ ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ
วางแผน 4 ปีปราบคนเสื้อแดง
ในการยื่นฟ้องนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความเจ้าของสำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ ในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บต่อ ศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น ทางสำนักงานทนายความของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ได้จัดทำรายงานการปราบปรามคนเสื้อแดงของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ออกเผยแพร่ มีสาระสรุปได้ดังนี้
แผนการกวาดล้างคนเสื้อแดงเมื่อฤดูร้อนปีก่อนถูกวางแผนไว้ล่วงหน้านาน เกือบ 4 ปี โดยยึดแบบอย่างจากการปราบปรามเหตุการณ์จลาจลที่จัตุรัสเทียนอันเหมินของจีน เมื่อปี 1989 โดยกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีส่วนอนุมัติให้ฝ่ายทหารใช้กำลังปราบปรามพลเรือนที่ไม่มีอาวุธได้
นอกจากนี้ยังพบว่ามีโรงพยาบาลอย่างน้อย 2 แห่งร่วมมือกับรัฐบาลไทยด้วยการเผาศพพลเรือนที่เสียชีวิตจากการปะทะกัน เพื่อทำลายหลักฐานที่อาจนำไปสู่คดีอาชญากรรม
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตราว 91 คน และบาดเจ็บเกือบ 2,000 คน ในการปะทะกันระหว่างกองกำลังของรัฐบาลกับผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้นาย อภิสิทธิ์ยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่
นายอภิสิทธิ์ เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ในกองทัพ อาจเริ่มวางแผนกดดันกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลังจากมีการก่อรัฐประหาร เมื่อปี 2549 ไม่นาน
แผนการดังกล่าวรวมถึงการปิดล้อมบริเวณถนนราชดำเนิน ที่บางครั้งถูกเรียกว่า “ฌอง เซลิเซ่ ของกรุงเทพฯ” ซึ่งมีผู้ประท้วงถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 แผนการดังกล่าวถูกจำลองแบบขึ้นที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งรวมถึงการตั้ง “คิลลิ่ง โซน” หรือ “เขตสังหาร” โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงพลยิงสไนเปอร์เข้าร่วมฝึกซ้อมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550
หลังการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ไม่นาน ผู้นำในขณะนั้นเห็นพ้องกันว่าในที่สุดคนเสื้อแดงจะลุกฮือขึ้นประท้วง พวกเขาจึงเริ่มวางแผนด้วยการใช้มาตรการทางทหารเพื่อตอบโต้ ทั้งนี้ รายงานได้ระบุชื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลอาวุโส รวมถึงนายตำรวจและนายทหารระดับสูงรวม 15 คน
กองทัพดำเนินการกวาดล้างโดยใช้นโยบายของรัฐที่ผ่านการหารือและอนุมัติจาก ผู้นำพลเรือนและผู้นำทหารอาวุโส ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกโค่นอำนาจจากการรัฐประหารครั้งนั้นเป็นผู้ให้ความร่วมมือในการดำเนิน การทางกฎหมายต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
รายงานได้อ้างถึงคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพยาน 88 คนที่อ้างว่าเห็นทหารยิงพลเรือนที่ไร้อาวุธ รวมถึงพยาบาล 3 คน ที่วัดแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 และคำให้การของพยานอีก 255 คนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนปีเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีคำให้การของนายทหารหลายคนในกองทัพที่ต้องปกปิดชื่อ เนื่องจากหากเปิดเผยจะเป็นอันตรายใหญ่หลวง แม้ทนายความระบุว่าจะเปิดเผยชื่อจริงของทหารเหล่านี้ต่ออัยการ
คำให้การของทหารหลายคนเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจ หลังจากนิตยสารดิ อีโคโนมิสต์ ฉบับเดือนที่แล้วรายงานว่ามีนายทหารและนายตำรวจหลายคนให้การสนับสนุนอย่าง ลับๆแก่ผู้ประท้วง และว่าการที่รัฐบาลปราบปรามผู้ประท้วงเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม
ทั้งนี้ ทหารบางคนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในท้องถนนช่วงกลางวัน แต่พอตกกลางคืนเปลี่ยนมาสวมเสื้อแดงและเข้าร่วมประท้วงกับคนเสื้อแดง โดยทหารเหล่านี้ถูกเรียกว่า “แตงโม”
อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของคนเสื้อแดงในการยื่นฟ้องรัฐบาลก็คือ กระบวนการยุติธรรมของศาลไทย เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญากรุงโรมที่เรียกว่า Rome Statute ซึ่งนำไปสู่การตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซีในปี 2002 ดังนั้น ไอซีซีจึงไม่มีอำนาจไต่สวนเพื่อดำเนินคดีรัฐบาลไทย
แต่ยังเชื่อว่าไอซีซีมีอำนาจไต่สวนเพื่อดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ในข้อหาก่อ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เนื่องจากเขาเป็นคนสัญชาติอังกฤษ โดยเกิดที่อังกฤษเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ปี 1964 เพราะไอซีซีมีอำนาจสอบสวนคดีและดำเนินคดีบุคคลที่เป็นพลเมืองของประเทศที่ เป็นสมาชิก ซึ่งก็คืออังกฤษ
แม้ประเทศไทยไม่ได้เป็นสมาชิกศาลไอซีซี แต่ไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ดังนั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสามารถร้องขอให้ศาลสอบสวนพฤติกรรมของ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ต่อเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงเมื่อปีที่แล้วว่าเป็นการก่อ อาชญากรรมหรือไม่
ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ปีที่ 12 ฉบับที่ 2982 ประจำวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 คอลัมน์ รายงานพิเศษ โดย ทีมข่าวการเมือง
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=48712
ในการยื่นฟ้องนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความเจ้าของสำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ ในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บต่อ ศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น ทางสำนักงานทนายความของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ได้จัดทำรายงานการปราบปรามคนเสื้อแดงของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ออกเผยแพร่ มีสาระสรุปได้ดังนี้
แผนการกวาดล้างคนเสื้อแดงเมื่อฤดูร้อนปีก่อนถูกวางแผนไว้ล่วงหน้านาน เกือบ 4 ปี โดยยึดแบบอย่างจากการปราบปรามเหตุการณ์จลาจลที่จัตุรัสเทียนอันเหมินของจีน เมื่อปี 1989 โดยกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีส่วนอนุมัติให้ฝ่ายทหารใช้กำลังปราบปรามพลเรือนที่ไม่มีอาวุธได้
นอกจากนี้ยังพบว่ามีโรงพยาบาลอย่างน้อย 2 แห่งร่วมมือกับรัฐบาลไทยด้วยการเผาศพพลเรือนที่เสียชีวิตจากการปะทะกัน เพื่อทำลายหลักฐานที่อาจนำไปสู่คดีอาชญากรรม
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตราว 91 คน และบาดเจ็บเกือบ 2,000 คน ในการปะทะกันระหว่างกองกำลังของรัฐบาลกับผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้นาย อภิสิทธิ์ยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่
นายอภิสิทธิ์ เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ในกองทัพ อาจเริ่มวางแผนกดดันกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลังจากมีการก่อรัฐประหาร เมื่อปี 2549 ไม่นาน
แผนการดังกล่าวรวมถึงการปิดล้อมบริเวณถนนราชดำเนิน ที่บางครั้งถูกเรียกว่า “ฌอง เซลิเซ่ ของกรุงเทพฯ” ซึ่งมีผู้ประท้วงถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 แผนการดังกล่าวถูกจำลองแบบขึ้นที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งรวมถึงการตั้ง “คิลลิ่ง โซน” หรือ “เขตสังหาร” โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงพลยิงสไนเปอร์เข้าร่วมฝึกซ้อมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550
หลังการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ไม่นาน ผู้นำในขณะนั้นเห็นพ้องกันว่าในที่สุดคนเสื้อแดงจะลุกฮือขึ้นประท้วง พวกเขาจึงเริ่มวางแผนด้วยการใช้มาตรการทางทหารเพื่อตอบโต้ ทั้งนี้ รายงานได้ระบุชื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลอาวุโส รวมถึงนายตำรวจและนายทหารระดับสูงรวม 15 คน
กองทัพดำเนินการกวาดล้างโดยใช้นโยบายของรัฐที่ผ่านการหารือและอนุมัติจาก ผู้นำพลเรือนและผู้นำทหารอาวุโส ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกโค่นอำนาจจากการรัฐประหารครั้งนั้นเป็นผู้ให้ความร่วมมือในการดำเนิน การทางกฎหมายต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
รายงานได้อ้างถึงคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพยาน 88 คนที่อ้างว่าเห็นทหารยิงพลเรือนที่ไร้อาวุธ รวมถึงพยาบาล 3 คน ที่วัดแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 และคำให้การของพยานอีก 255 คนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนปีเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีคำให้การของนายทหารหลายคนในกองทัพที่ต้องปกปิดชื่อ เนื่องจากหากเปิดเผยจะเป็นอันตรายใหญ่หลวง แม้ทนายความระบุว่าจะเปิดเผยชื่อจริงของทหารเหล่านี้ต่ออัยการ
คำให้การของทหารหลายคนเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจ หลังจากนิตยสารดิ อีโคโนมิสต์ ฉบับเดือนที่แล้วรายงานว่ามีนายทหารและนายตำรวจหลายคนให้การสนับสนุนอย่าง ลับๆแก่ผู้ประท้วง และว่าการที่รัฐบาลปราบปรามผู้ประท้วงเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม
ทั้งนี้ ทหารบางคนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในท้องถนนช่วงกลางวัน แต่พอตกกลางคืนเปลี่ยนมาสวมเสื้อแดงและเข้าร่วมประท้วงกับคนเสื้อแดง โดยทหารเหล่านี้ถูกเรียกว่า “แตงโม”
อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของคนเสื้อแดงในการยื่นฟ้องรัฐบาลก็คือ กระบวนการยุติธรรมของศาลไทย เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญากรุงโรมที่เรียกว่า Rome Statute ซึ่งนำไปสู่การตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซีในปี 2002 ดังนั้น ไอซีซีจึงไม่มีอำนาจไต่สวนเพื่อดำเนินคดีรัฐบาลไทย
แต่ยังเชื่อว่าไอซีซีมีอำนาจไต่สวนเพื่อดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ในข้อหาก่อ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เนื่องจากเขาเป็นคนสัญชาติอังกฤษ โดยเกิดที่อังกฤษเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ปี 1964 เพราะไอซีซีมีอำนาจสอบสวนคดีและดำเนินคดีบุคคลที่เป็นพลเมืองของประเทศที่ เป็นสมาชิก ซึ่งก็คืออังกฤษ
แม้ประเทศไทยไม่ได้เป็นสมาชิกศาลไอซีซี แต่ไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ดังนั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสามารถร้องขอให้ศาลสอบสวนพฤติกรรมของ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ต่อเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงเมื่อปีที่แล้วว่าเป็นการก่อ อาชญากรรมหรือไม่
ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ปีที่ 12 ฉบับที่ 2982 ประจำวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 คอลัมน์ รายงานพิเศษ โดย ทีมข่าวการเมือง
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=48712
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ