สัมภาษณ์พิเศษ นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา "พล.อ.ร่มเกล้า"

[lucky m.]

เมีย "ร่มเกล้า" ไม่ปรองดองคนผิด - รอความยุติธรรม
วันที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 14:19:55 น.Share

สัมภาษณ์พิเศษ โดย นัฐวัฒน์ ดวงแก้ว

เหตุการณ์ทหารขอคืนพื้นที่จากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่ง ชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณพื้นที่สี่แยกคอกวัว-หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ในช่วงค่ำวันที่ 10 เมษายน 2553 ผ่านมาเกือบครบ 1 ปีแล้ว

เหตุการณ์วันนั้นได้สร้างความสูญเสียต่อ "ประชาชน" ที่มาร่วมชุมนุมเรียกร้อง และสร้างความสูญเสียต่อ "ทหาร" ที่ออกมาทำหน้าที่ โดยหนึ่งในนั้น คือ "เสธ.เปา" พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) เตรียมทหารรุ่น 25

ใกล้ครบรอบ 1 ปีแห่งการจากไปของ "พล.อ.ร่มเกล้า" ในวันที่ 10 เมษายนนี้ นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา ได้เล่าความรู้สึกให้ "มติชน" ฟัง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิตของภรรยาผู้สูญเสียสามีผู้เป็นที่รักยิ่งใน เหตุการณ์วัน​นั้น

"ต้องพยายามหาทางดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้ ความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ไม่มีใครจะเข้าใจได้หากไม่ประสบด้วยตนเองในเหตุการณ์ ความไม่ส​งบทางการเมืองอันเป็นผลมาจากคนไทยแตกสามัคคีกันเองในครั้งนี้ นำความสูญเสียไม่เพียงแต่ครอบครัวธุวธรรมเท่านั้น ยังมีอีกหลายครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นสีใด ฝ่ายใด หรือประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต่างได้รับความสูญเสียซึ่งไม่มีสิ่งใดจะเยียวยาทดแทนได้ ครอบครัวผู้สูญเสียเท่านั้นถึงจะเข้าใจกันในระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา

"การขาดเสาหลักของครอบครัว เป็นสิ่งที่ครอบครัวผู้สูญเสียไม่เคยลุกขึ้นมาเรียกร้องทวงสิทธิจากใครหรือ ฝ่ายใดเลย​ หากจะมีสิ่งที่พวกเราต้องการทวงคืนมีอย่างเดียวก็คือ "ชีวิต" ของคนที่เรารัก ซึ่งคงไม่มีใครให้คืนเราได้ พวกเราได้แต่ต้องยอมรับในชะตากรรมอย่างสงบทั้งที่เราไม่ได้เป็นผู้ก่อ เพียงแต่หวังให้บ้านเมืองสงบสุข ยุติความรุนแรงเสียที เพื่อให้ทุกคนได้กลับสู่วิถีชีวิตปกติ"

1 ปีที่ผ่านมา ในวันนี้ความรู้สึกกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเป็นอย่างไร

ดิฉันยังคงไว้ทุกข์ ไม่ใช่เพราะต้องการแสดงความเศร้าโศกเสียใจให้ใครเห็น ความรู้สึกเป็นเรื่องที่อยู่ภายในไม่จำเป็นต้องให้ใครมารับรู้ โดยตั้งใจจะใส่ชุดดำไว้ทุกข์จนกว่าบ้านเมืองจะสงบสุข ด้วยเจตนาคืออยากให้เครื่องแต่งกายไว้ทุกข์ของผู้หญิงคนหนึ่งเตือนสติสังคม ไทยหรือใค​รก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ระลึกได้บ้างถึงความสูญเสีย และช่วยกันรักษาบ้านเมืองอย่าให้ต้องมีใครตายอีก ให้ดิฉันไว้ทุกข์เพียงคนเดียวก็พอ อย่าต้องมีใครมาไว้ทุกข์เพิ่มขึ้น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครอยู่สีใด ฝ่ายไหนก็ตาม เราทุกคนคือมนุษย์เหมือนกัน ดิฉันรู้ดีว่าความทุกข์จากการสูญเสียมันใหญ่หลวงเพียงใด อยากให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันต้องมาผ่านความเจ็บปวดแสนยากลำบากแบบนี้

สังคมไทยในวันนี้ต้องทำอย่างไรต่อบทเรียนของเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 2553

สิ่งที่สังคมไทยวันนี้ต้องการคือ 1.ความมีสติ ข่มใจ ยังยั้งชั่งใจ ไม่เห็นแก่ตัว 2.การรู้จักหน้าที่และทำตามหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด ถ้าทุกคนมีสิ่งนี้สังคมก็จะไม่สับสนวุ่นวาย บทเรียนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ามีคนไม่ได้ทำหน้าที่ และขณะเดียวกันก็มีคนที่ทำผิดหน้าที่ 3.ความรักความเอื้ออาทรต่อกัน ช่วยเหลือแบ่งปัน คนมีมากต้องรู้จักให้คนมีน้อย คนมีโอกาสต้องช่วยเหลือคนด้อยโอกาส เราต้องช่วยกันลดช่องว่างในสังคม เพื่อไม่ผลักให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์หรือผู้ด้อยโอกาสต้องตกเป็นเหยื่อถูกชัก จูงเป็นเ​ครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใด

ได้พบคนหลายคนที่บอกว่า ไม่ได้อยากเลือกข้าง แต่ในยามลำบาก ใครยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือก็เป็นพวกนั้น นี่คือสัจธรรมในการต่อสู้ดิ้นรนของชีวิตคน ที่เราเข้าใจกันได้ ดังนั้นจึงต้องถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในสังคมที่จะนำความสงบ สุขกลับคืน​สู่บ้านเมือง นอกจากนี้ ดิฉันแน่ใจว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้บ้านเมืองเรารอดได้คือการยึดมั่นเดินตาม แนวทางพระบ​รมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานให้ชาว ไทยเราตลอดมาในทุกเรื่​อง

คิดเห็นในเรื่องการปรองดองอย่างไร

-(นิ่งไปชั่วครู่) แม้จะบอกว่าสังคมไทยต้องมีความรักและเอื้ออาทร แต่ขอย้ำว่าเป็นคนละประเด็นกับคนทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง เพราะระบอบประชาธิปไตยยังต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและศีลธรรม วันนี้เราจำเป็นต้องสร้างบรรทัดฐานแบ่งแยกความถูก-ความผิด ความชั่ว-ความดี ออกจากกันให้ชัดเจน มิเช่นนั้นในภายภาคหน้าลูกหลานของเราก็จะไม่เข้าใจ ไม่สามารถแบ่งแยกบรรทัดฐานนี้ออกจากกันได้ ซึ่งเป็นอันตรายและเป็นสัญญาณที่นำไปสู่สังคมแห่งความเสื่อม

"ดิฉันไม่ยอมรับการปรองดองกับคนผิด ยังรอคอยและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินการกับคดีของพี่ ร่มเกล้าและผู้เ​สียชีวิตทุกราย คนผิดก็ต้องได้รับโทษหากเขาทำผิด หากเขายังต้องการได้รับสิทธิในการเป็นพลเมืองของสังคม เขาต้องยอมอยู่ภายใต้กรอบ กติกา กฎหมาย และบรรทัดฐานของสังคม เพื่อให้สังคมโดยรวมอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ใช่เป็นสังคมไร้ระเบียบ"

ต้องการเรียกร้องทวงความยุติธรรมให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หรือไม่

ไม่รู้จะเรียกร้องจากใคร เพราะสิ่งที่ต้องการที่สุดคือ ชีวิตของพี่ร่มเกล้า แต่คงไม่มีใครให้ได้ ดังนั้น สิ่งที่อยากเรียกร้องก็คือ อย่าให้ใครตายด้วยเหตุการณ์แบบนี้อีก ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ต่างออกมาทำตามหน้าที่เพื่อรักษาความสงบให้สังคมกลับคืนสู่ภาวะปกติ ไม่มีใครอยากออกมายุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายทางการเมือง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทุกคนก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีครอบครัวที่รักรอคอย รวมถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เขาไม่ได้สมัครใจที่จะเดินเข้าไปร่วมใน เหตุการณ์ทางการ​เมืองนี้ แต่กลับต้องถูกลูกหลงจนบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิต และผู้สูญเสียเหล่านี้ก็ไม่เคยออกมาเรียกร้องอะไรจากใคร

ทุกครั้งที่เห็นผู้คนออกมาเรียกร้องสิ่งต่างๆ ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาโชคดีนะที่เขามีโอกาสได้ในสิ่งที่เขาเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องอิสรภาพ พวกเขาก็โชคดีที่มีโอกาสและมีความหวังที่จะได้ในสิ่งที่เขาต้องการอยากได้ ในขณะที่ดิฉันและผู้สูญเสียอีกหลายคน ไม่มีโอกาส ไม่มีแม้แต่ความหวัง ที่จะได้ชีวิตของคนที่เรารักกลับคืนมาเลย

"เชื่อว่าดวงวิญญาณของพี่ร่มเกล้าพร้อมที่จะเสียสละชีวิตของเขาเพื่อแลกกับ ความสงบสุข​ของบ้านเมือง ดังนั้น ความสูญเสียของครอบครัวธุวธรรมที่สูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รักยิ่งในชีวิตของ พวกเรานั้​น แม้จะเป็นทุกข์ใหญ่หลวงที่สุดที่คนในครอบครัวเคยเผชิญนับแต่มีชีวิตเกิดมา แต่ความสูญเสียนี้ก็ยังมิอาจเทียบได้กับความสูญเสียของคนไทยที่สูญเสียทหาร ไทยที่ดีค​นหนึ่งที่พร้อมจะอุทิศตนของเขาเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเพื่อปกปักรักษาแผ่นดิน และเพื่อคุ้มภัยให้ประชาชนทุกคนไม่ว่าประชาชนผู้นั้นจะมีอุดมการณ์ทางการ เมืองอย่างไ​ร บ้านเมืองเรานั้นยังมีภยันตรายอีกมาก ทั้งภัยจากธรรมชาติและภัยจากอริราชศัตรู ขอคนไทยอย่าได้ทำร้ายคนไทยกันเอง และอย่าได้ทำร้ายทหารที่มีชีวิตอยู่เพื่อประชาชนเลย"

" คิดเห็นในเรื่องการปรองดองอย่างไร

-(นิ่งไปชั่วครู่) แม้จะบอกว่าสังคมไทยต้องมีความรักและเอื้ออาทร แต่ขอย้ำว่าเป็นคนละประเด็นกับคนทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง เพราะระบอบประชาธิปไตยยังต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและศีลธรรม วันนี้เราจำเป็นต้องสร้างบรรทัดฐานแบ่งแยกความถูก-ความผิด ความชั่ว-ความดี ออกจากกันให้ชัดเจน มิเช่นนั้นในภายภาคหน้าลูกหลานของเราก็จะไม่เข้าใจ ไม่สามารถแบ่งแยกบรรทัดฐานนี้ออกจากกันได้ ซึ่งเป็นอันตรายและเป็นสัญญาณที่นำไปสู่สังคมแห่งความเสื่อม

"ดิฉันไม่ยอมรับการปรองดองกับคนผิด ยังรอคอยและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินการกับคดีของพี่ ร่มเกล้าและผู้เ​​สียชีวิตทุกราย คนผิดก็ต้องได้รับโทษหากเขาทำผิด หากเขายังต้องการได้รับสิทธิในการเป็นพลเมืองของสังคม เขาต้องยอมอยู่ภายใต้กรอบ กติกา กฎหมาย และบรรทัดฐานของสังคม เพื่อให้สังคมโดยรวมอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ใช่เป็นสังคมไร้ระเบียบ" "


ที่มา : หน้า 11,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 9 เม.ย. 2554

[goosehhardcore]

อิฉันก็ไม่ปรองดองกับเฮี่ยสั่งฆ่าEห่สั่งยิงหรอกนะ โดยเฉพาะคนที่มันสั่งเก็บอาเสธ. มันต้องตายตกตามกัน หรือไม่ก็ทรมาณ ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น(ตอนนี้งัย วุ่นวายกันทั้งบ้านแล้ว)

[lucky m.]

เอาแล้วมั๊ยล่ะ ศิษย์หลวงอาแดง ของขึ้นอีกแล้ว