ประเด็นร้อน27มี.ค.2555

[goosehhardcore]

ประเด็นร้อน27มี.ค.
27 มีนาคม 2555 เวลา 05:48 น.

แนวทางสร้างความปรองดองยังไม่ตกผลึก แต่รัฐบาลเพื่อไทยโหนกระแสรายงานปรองดองของสถาบันพระปกเกล้าเข้าที่ประชุมรัฐสภาวันนี้ ผลจะออกมาร้อนแรงแค่ไหนต้องลุ้น ส่วนปัญหาปากท้องต้องดูว่ากลุ่มแท็กซี่ที่จะต่อรองขึ้นค่าโดยสารกับกระทรวงคมนาคมวันนี้จะได้ปรับค่าแท็กซี่ขึ้นมามากแค่ไหน

1.นี่หรือจะสร้างความปรองดอง ทุกกระแสตั้งคำถามจับตามองเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองนี้ กับความพยายามของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาแนวทางความปรองดองแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน กมธ. นำผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ทั้งที่มุมมองความเห็นแต่ละฝ่ายยังไม่ตกผลึก การบรรจุวาระด่วนเกิดขึ้นจากที่ประชุม สส.เพื่อไทยเห็นพ้องต้องรีบนำเข้าสภา โดยอ้างว่าเป็นการขอมติรับรองจากที่ประชุมเพื่อส่งรายงานนี้ไปยังสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 4 เม.ย.

ประเด็นน่าพิจารณาอยู่ที่งานวิจัยฉบับนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปจาก กมธ.ปรองดองจะเสนออย่างไร เพราะมี กมธ.เสียงข้างน้อยขอให้ทบทวน อีกทั้งทีมงานสถาบันพระปกเกล้าท้วงติงไว้ ควรใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจประเด็นต่างๆ ตามข้อเสนอมากกว่านี้ พร้อมรับฟังความคิดเห็นในวงกว้าง อย่าอ้างเสียงข้างมากเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง แต่ที่สุด สส.พรรคเพื่อไทยดึงดันชงเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาจนได้ ทั้งที่ไม่มีความชัดเจนจาก กมธ.ปรองดอง

ฉะนั้น การประชุมร่วมรัฐสภาวันนี้คาดหมายว่าจะมีการอภิปรายอย่างดุเดือด ถือว่าเรียกน้ำย่อยก่อนถกอีกรอบวันที่ 4 เม.ย. อีกตัวชี้วัดต้องติดตามว่าที่ประชุมจะลงมติรับรองฉลุยหรือไม่เพราะจะต้องอาศัยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วม ไม่เพียงเท่านั้น จับจ้องไปที่ฝ่ายค้านด้วยการเคลื่อนไหววันนี้เตรียมยื่นหนังสือลาออกจากกมธ.ปรองดองจำนวน 9 คน ด้วยเหตุผลไม่ขอตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มพวกมากลากไปสถานการณ์ทางสภาวันนี้คุกรุ่นยิ่งนัก รายงานปรองดองจะปรองดองสมชื่อหรือจุดไฟขยายความขัดแย้งต้องติดตาม

2.แท็กซี่เอาแน่ แต่ผู้โดยสารแย่ ติดตามผลพวงความเคลื่อนไหวกรณีกลุ่มสหกรณ์รถแท็กซี่ประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่ เพื่อหาแนวทางในการปรับอัตราค่าโดยสาร โดยมีมติร่วมกันที่จะให้เสนอกระทรวงคมนาคมปรับขึ้นค่าโดยสารเริ่มต้นกิโลเมตรที่ 0-1 อัตรา 35 บาท จากนั้นกิโลเมตรที่ 1-50 เพิ่มขึ้นสูงสุด 12% ส่วนกิโลเมตรที่ 51-150 เพิ่มขึ้นสูงสุด 8% และมากกว่า 151 กิโลเมตรเป็นต้นไป คิดอัตราสูงสุด 15% โดยในช่วงบ่ายวันนี้จะไปยื่นหนังสือถึงนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณรมว.คมนาคม นอกจากนั้นยังเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาปรับลดจำนวนรถแท็กซี่ในระบบ ที่ปัจจุบันวิ่งให้บริการอยู่กว่า 7.5 หมื่นคันให้ลดลงเหลือ5-6 หมื่นคันเท่านั้นต้องดูว่าคมนาคมจะต่อรองเรื่องนี้ออกมากระทบพี่น้องประชาชนแค่ไหน

3.ปมการแต่งตั้ง 2 รัฐมนตรี ทั้งนางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ถูกภาคประชาชนยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบพฤติกรรมตามประมวลจริยธรรม ผ่านมาวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีการทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นวันนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกันเพราะหากนายกรัฐมนตรียังเพิกเฉย ในเบื้องต้นทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะต้องทำหนังสือแจ้งเตือนเพื่อให้ชี้แจงกลับมา

นอกจากนี้ อีกประเด็นต้องจับตาว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะนำเรื่องที่คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอ 2 ทางเลือก กรณีที่สมาชิกรัฐสภา 399 คน มีมติรับร่างหลักการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

4.พบกันครั้งแรกระหว่าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กับนางคริสตี แอนน์ เคนี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัวที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00 น. ซึ่งคาดหมายว่าต้องมีการหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ระเบิด 3 จุด ในช่วงวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายสากล ที่กระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยพลเมืองสหรัฐโดยตรง จึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ

5.อีกประเด็นไปตามติดกระทรวงไอซีที ภายหลัง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที เปิดแถลงผลสรุปการสอบสวนกรณีสัญญาโครงการโทรศัพท์มือถือ 3จี บนเทคโนโลยีเอชเอสพีเอระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม กับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยระบุว่า พบพิรุธที่อาจจะส่อกระทำผิดใน 5 ประเด็นซึ่งจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ดำเนินการต่อไป เป็นประเด็นร้อนถึงคนเคยกำกับนโยบายอย่างนายจุติ ไกรฤกษ์อดีต รมว.ไอซีที จะมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังนายจุติบอกว่าขอดูเอกสารก่อนแล้วจะชี้แจง

6.นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เตรียมรายงานสถานการณ์การใช้เชื้อเพลิงเดือน มี.ค.พร้อมทั้งมาตรการกำกับดูแลการขนส่งก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) หลังเกิดเหตุรถขนส่งแอลพีจีพลิกคว่ำจนเกิดไฟลุกท่วมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้พบเห็นเกรงจะเกิดกรณีเดียวกับเหตุการณ์รถก๊าซคว่ำที่ถนนเพชรบุรีเมื่อปี2533 ขณะเดียวกันจะชี้แจงมาตรการตรวจสอบการลักลอบถ่ายเทและจำหน่ายแอลพีจีไปประเทศเพื่อนบ้านด้วย
http://goo.gl/49W3h