GENERAL HERO2010 Member
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ดูลัทธิรอมชอม... "กัดกิน" กัดดาฟี่?! โดย...สอาด จันทร์ดี

Go down

                                               ดูลัทธิรอมชอม... "กัดกิน" กัดดาฟี่?!    โดย...สอาด จันทร์ดี Empty ดูลัทธิรอมชอม... "กัดกิน" กัดดาฟี่?! โดย...สอาด จันทร์ดี

ตั้งหัวข้อ  lucky m. Sun Oct 23, 2011 1:59 pm

[img]                                               ดูลัทธิรอมชอม... "กัดกิน" กัดดาฟี่?!    โดย...สอาด จันทร์ดี Up13193529641[/img]

กัดดาฟี่ ผู้ปกครองที่ทรงอำนาจของลีเบียถูกลัทธิรอมชอม “กัดกิน” จนพังครืน..?
ระวังผู้ปกครองประเทศไทยจะได้รับชะตากรรมเหมือนกัดดาฟี่
ช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับความเข้าใจว่าลัทธิรอมชอมมันคืออะไร ?
ผมอยากเขียนถึงลัทธิ “รอมชอม” มานานแล้ว แต่ไม่มีตัวอย่างที่เหมาะสม อีกประการหนึ่ง ก็ไม่เคยมีท่านผู้ใดค้นพบมาก่อนว่าได้มี “ลัทธิรอมชอม” ในประเทศไทย จึงเป็นการยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ว่าลัทธิรอมชอมคืออะไร
กรณีความวิบัติที่เกิดกับ “กัดดาฟี่” แห่งลิเบียได้เปิดโอกาสให้ผมได้สาธยายถึงลักษณะของลัทธิรอมชอมว่าสุดท้ายมันจะส่งผลอย่างไรแก่ผู้มีอำนาจที่ชอบใช้ลัทธิรอมชอมปกครองประเทศ
ท่านครับ เพื่อจะให้เข้าใจง่าย ผมขอกลับไปที่ภาพอาณาจักรลิเบียเมื่อหลายปีก่อนที่ผมเคยไปทำงานที่นั่น ผมมีความทรงจำว่าครั้งหนึ่งได้ไปยืนชม “ศูนย์อำนาจ” ของท่านผู้นำ “กัดดาฟี่” ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาสภาวะของชนเผ่าต่างๆในลิเบีย ทำให้ผมเข้าใจการปกครองประเทศนี้ว่ากัดดาฟี่ได้ใช้ลัทธิ “รอมชอม”เป็นเครื่องมือ
ลัทธิรอมชอม หมายถึงรัฐไม่มีความจริงใจกับประชาชน กว่าประชาชนจะได้อะไรสักอย่าง ต้องต่อสู้ “ร้องขอ” ด้วยชีวิต จึงจะได้อะไรบ้าง และสิ่งที่ได้นั้น เป็นเพียงการรอมชอมอย่างหนึ่งเท่านั้น หาใช่ได้มาด้วยความจริงใจจากรัฐแต่อย่างใดไม่
ลิเบียเป็นประเทศใช้ลัทธิรอมชอมเพื่อการ “ถ่วงดุลอำนาจ” ระหว่างเผ่าต่างๆอย่างยาวนานทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวงโดยที่ตัวของ “กัดดาฟี่” เกิดความเชื่อเป็นตุเป็นตะว่าจะไม่มีผู้ใดมาโค่นล้มเขาได้ แต่ในที่สุดก็ไม่เป็นเช่นนั้น เขาถูกโค่นล้มพร้อมอำมาตย์และบริวารแทบไม่เหลือซาก กัดดาพี่ถูกลัทธิรอมชอมกัดตั้งแต่ผิวเนื้อแล้วกินไปจนถึงกระดูก-ในที่สุดก็หมดอำนาจวาสนาแบบถอนรากถอนโคน (ทั้งตัวเองและบริวาร) ?!
ผมอยากเขียนถึงเรื่องราวของประเทศนี้ อันเกี่ยวกับ “จุดจบของกัดดาฟี่” เพื่อจะเป็นการเล่าเรื่องบางประการที่แตกต่างจากหนังสือหลายเล่ม รวมทั้งอยากแสดงความคิดเห็น สะท้อนภาพให้ “ผู้ปกครองไทย” ให้จดจำเป็นตัวอย่างว่าการใช้ลัทธิรอมชอมอย่างมุ่งมั่น จะทำให้เกิด “ความไม่เป็นธรรม” กับประชาชน
กระบวนการ “๒ มาตรฐาน” มีรากฐานมาจากลัทธิรอมชอม
ผมได้พบเห็นตัวตนของลิเบียภายใต้การนำของ “กัดดาฟี่” ก็ตระหนักแก่ใจว่าเขาได้ใช้นโยบาย “รอมชอม” อย่างตั่งอกตั้งใจ เพื่อจะควบคุมประชาชนให้อยู่ในโอวาท นั้นก็คือเขาจะหยิบยื่นอำนาจการปกครองให้แก่เมืองต่างๆในลักษณะ “การกระจายอำนาจ” แต่เอาเข้าจริง เขาเกาะกุมอำนาจเอาไว้แต่ผู้เดียว
ประเทศลิเบียเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศมั่งคั่งประเทศหนึ่งในทวีป แอฟริกา แต่ประชาชน “ครึ่งค่อน” ประเทศมีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่ดี สิ่งที่กัดดาฟี่มอบให้แก่ประชาชนของเขานั้นเป็นลักษณะเพื่อการรอมชอม หาใช่เป็นการให้บนพื้นฐานเดียวกันกับคนลิเลียผู้มีอำนาจ แต่อย่างใดไม่ ด้วยเหตุนี้ เมื่อประชาชนฉลาดขึ้น รู้ความจริงมากขึ้นว่าที่แท้นั้น สิ่งที่ได้มานั้นมันไม่ใช่ของจริงประชาชนจึงเกิดการลุกฮือโค่นล้มอำนาจของเขา
เช่นเดียวกับประเทศไทยร่ำรวยไปด้วยข้าวและผลิตผลการเกษตร แต่ชาวนากลายเป็นคนยากไร้คล้ายพลเมืองชั้นสอง โดยมีผู้คน “ชนชั้นสูง” เกาะกุมอำนาจ อยู่สุขสบาย ลอยตัวอยู่เหนือหยาดเหงื่อของประชาชน
ปฏิบัติการในลิเบีย...เป็นปฏิบัติการที่จะสะท้อนมาถึงประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ผมจึงอยากเก็บเอาความจริงที่กัดดาฟี่ได้รับ หรือได้ถูกกระทำ หยิบยื่นมาให้ผู้ปกครองไทยได้ตระหนักก่อนที่มันจะสายเกินไป [ระวังจะสายเกินแก้] ?
ผมอยากกล่าวให้เข้าใจเอาไว้ตั้งแต่ประโยคต้นๆว่า “ปฏิบัติการของผู้ปกครองไทย” ที่กระทำต่อประชาชน วันแล้ววันเล่า ล้วนแต่เป็นการ “รอมชอม” เพื่อความได้เปรียบทางสังคม ดังจะเห็นได้จากหลายลักษณะล้วนแต่เป็นการ “รอมชอม” ที่หมกเม็ดทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ทั้งต่อหน้า และลับหลัง อย่างเช่นการให้ “ประกันสังคม” แก่ผู้ใช้แรงงานก็เป็นหนึ่งยุทธวิธีในการรอมชอมกับผู้ใช้แรงงานเอาไว้ก่อน รวมถึงการ “ประกันชีวิตในระบบต่างๆ” ที่ถูกโฆษณาให้เห็นเป็นของมีค่า ที่แท้ สิ่งนี้ท้ายสุดมันคือการ “รอมรอม” ประชาชน ให้หลงรัก หลงศรัทธา
อย่าว่าอื่นไกลเลยการวิ่งตะรอน “โฆษณาประชาสัมพันธ์” ในแต่ละเทศกาล ป่าวประกาศให้ประชาชนด้วยภาษาอันไพเราะ ใช้สำนวนและสำเนียงออดอ้อนนานาประการครั้งแล้วครั้งเล่าล้วนแล้วแต่เป็นการรอมชอมเพื่อสกัดกั้น “มิให้อารมณ์” ของประชาชนบึ้งบูด และรวมไปถึงการ “ยอมนั่น-ยอมนี่” ทั้งหลายทั้งปวง ก็ตั้งอยู่บนการรอมชอมทั้งสิ้น
ใช่การรอมชอม ได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ผลสุดท้ายมัน “ไม่อาจรักษาความมั่นคง” ให้แก่ผู้ปกครองได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนฉลาดขึ้น ทันสมัยมากขึ้น ตาสว่างอย่างไม่เคยมีมาก่อน ...ต่อมาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองถูก “รอมชอม” จึงจะตื่นจากภวังค์
โลกของพวกลัทธิ “รอมชอม” ค่อยๆถึงแก่กาลอาวสาน ไม่ว่าจะเป็น “พระเจ้าเรชา ปาราวี” แห่งอิหร่าน ซัดดัม ฮุสเซ็น แห่งอิรัค และ “กัดดาฟี่” แห่งลิเบียฯลฯ เป็นต้น
ไม่นานก็จะลามมาถึงประเทศไทย
ถ้าประเทศไทยไม่เข้าใจลัทธิรอมชอม ก็จะหลงว่าสิ่งที่ผู้ปกครองมอบให้แก่ประชาชนนั้น ถือว่าเป็นความสำเร็จในการให้ เมื่อหลงนานวันเข้าก็จะเข้าใจว่าอำนาจในประเทศนี้ ไม่ใช่เป็นของประชาชน และจะเข้าใจต่อไปว่า ประชาชนทั้งหลาย เป็นภัยต่อระบอบการปกครอง เมื่อความเข้าใจเป็นเช่นนั้นแล้ว สุดท้ายก็จะ “เพ่งเล็ง” ประชาชนด้วยความไม่สบายใจ วิตกกังวลว่าประชาชนจะเป็น “พวกขบวนการล้มเจ้า” ดังที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
ลัทธิรอมชอม มันเกิดมาจากลัทธิเผด็จการ โดยอาศัยเรือนร่างของประชาธิปไตยมาเป็นสิ่ง หุ้มห่อ พวกลัทธิรอมชอม จะป่าวประกาศตนว่าเป็นพวกประชาธิปไตย ซึ่งแท้ที่จริงแล้วหาใช่ไม่ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงระวัง “ชนชั้นล่าง” ด้วยความกระวนกระวาย หวั่นไหวไปต่างๆนานาเกรงว่าชนชั้นล่างจะลุกฮือ
มีคำถามว่าเหตุไร ผู้ปกครองจึงไม่หวาดระแวงว่าชนชั้นสูงจะเป็นภัยต่อสถาบันบ้าง ?
คำตอบก็คือ เขาไม่หวาดระแวงก็เพราะชนชั้นสูงเขาได้ทุกสิ่งทุกอย่าง “โดยไม่มีลัทธิรอมชอม” เกี่ยวข้อง ไม่มีการหมกเม็ดในหมู่ของพวกเขา เมื่อชนชั้นสูงมีความอุดมสมบูรณ์ในผลประโยชน์โดยได้รับความสมประสงค์ทั้งลาภ ยศ ตำแหน่ง เงินตราและอำนาจ กระจายอย่างทั่วถึง จึงไม่วิตกว่าชนชั้นสูงพวกเดียวกันจะเป็นอันตรายต่อสถาบัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็จะเพ่งมองมาที่ชนชั้นล่างด้วยความหวาดระแวง เพราะตระหนักแก่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ให้อะไรที่ดีแท้แก่ประชาชนเลยโดยเฉพาะคือ “อำนาจ” ในการเป็นเจ้าของระบบประชาธิปไตยโดยแท้ก็ยังไม่ยอมมอบให้
ความผิดพลาดของผู้ปกครองก็คือ ได้ถูกพวก “อำมาตย์” พูดปดมดเท็จ เป็นคนไม่มีศีล ไม่มีคุณธรรม ไม่ได้หาทางทำให้ประโยชน์ของประชาชนมีความอุดมสมบูรณ์ พวกอำมาตย์จะเอาใจใส่เฉพาะกับกลุ่มของพวกเขา คือ “ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพวกคนรวย” ซึ่งจะมีสวัสดีการอย่างพอเพียง ได้รับรัฐสวัสดิการเป็นอย่างดี เมื่อพ้นวัย ๖๐ ปี
ในขณะประชาชนผู้ยากไร้ คนชรามีค่าเท่ากับ ๕๐๐ บาท/ต่อเดือน ?
วันนี้ อาจจะมีดีขึ้นมาบ้าง จากวิธีการของพรรคเพื่อไทย ที่ใช้นโยบาย “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ซึ่งมี ๓๐ บาทรักษาทุกโรค มีการวางแผนที่จะให้ประชาชนได้รับการศึกษา สูงขึ้น เพื่อจะได้มีความรู้ความสามารถเอาไปแสวงหาความเจริญให้แก่ครอบครัวและตนเอง
แต่ทว่า...เท่านี้ยังไม่พอ...?มันยังห่างไกลอย่างยิ่ง ?
ถ้าจะให้พอ...จะต้อง “ปฏิวัติสังคมไทย” ด้วยการทำลายล้างลัทธิรอมชอมให้สำเร็จ
แล้วผลักดันให้ “สถาบัน” เข้าร่วมกับประชาชน-นำพาประชาชนทั้งประเทศไปสู่ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า อย่าปล่อยให้ “พวกลัทธิรอมชอม” ขัดขวาง ดังที่กำลังขัดขวางอย่างยิ่งในขณะนี้
ผมยกเอาตัวอย่าง “ลัทธิรอมชอม กับ กัดดาฟี่” มาเทียบใส่ของเรา และเอาของเราไปเทียบใส่ปัญหาของกัดดาฟี่ เพื่อจะเห็นภาพให้ชัด และเพื่อความเข้าใจลัทธิรอมชอมให้กระจ่างผมจึงขออธิบายว่า “ผู้ปกครองไม่เคยคิดหาสิ่งที่ดีงามให้แก่ประชาชน ครั้นเมื่อประชาชนขอ ก็ยินยอม “ให้” เพื่อการ “รอมชอม” หาใช่ยอมให้ด้วยความจริงใจแต่อย่างใดไม่ ?”
ผมเขียนสั้น-สั้น แต่ก็เชื่อว่าชัดพอเข้าใจได้..ใช่ไหมครับ ?
หรือว่าจะรอให้เหมือนลิเบีย แล้วจึงค่อยเข้าใจ..?!

สอาด จันทร์ดี

๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๔
lucky m.
lucky m.
Hero gen.seh member
Hero gen.seh member

จำนวนข้อความ : 2803
Join date : 12/06/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ