GENERAL HERO2010 Member
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ทำไม กกต.ต้องรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์

Go down

ทำไม กกต.ต้องรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ Empty ทำไม กกต.ต้องรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์

ตั้งหัวข้อ  lucky m. Thu Aug 04, 2011 5:37 am


ทำไม กกต.ต้องรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์

ตามที่น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือร้องคัดค้านต่อ กกต. กรณีการรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อให้นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาไต่สวนในที่ประชุมของกกต.ด้วย เกรงว่าคณะกรรมการไต่สวน จะสรุปคำให้การของตนไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามเจตนารมณ์ โดยเหตุผลที่ยื่นคำคัดค้านการเป็นสส.ของนายจตุพร คือ การที่พรรคเพื่อไทย ให้การรับรองนายจตุพรเป็นสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ทั้งๆ ที่ นายจตุพร ถูกศาลอาญามีคำสั่งให้เพิกถอนการประกันตัว ในคดีก่อการร้าย และถูกคุมขังเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา

ประเด็นนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ คือ ประเด็นแรก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เพราะถูกศาลอาญามีคำสั่งให้เพิกถอนการประกันตัวในคดีก่อการร้าย และถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ หรือไม่

ประเด็นที่สอง เกี่ยวเนื่องจากประเด็นแรก สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายจตุพร พรหมพันธุ์ สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 (ฉบับคณะรัฐประหารฉบับนี้) ระบุไว้ในมาตรา 101 ว่าด้วย คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมาตรา 102 ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครเป็น ส.ส. ซึ่งบุคคลที่จะสมัครเป็น ส.ส.นั้น ต้องมีทั้งคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามความที่ระบุไว้ใน 2 มาตรานี้

มาตรา 101 คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนั้น ไม่มีข้อใดที่เกี่ยวข้องกับการถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เพราะกล่าวถึงโดยทั่วไป เช่นว่า บุคคลที่สมัครรับเลือกตั้งต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว ซึ่งนายจตุพร ก็มีคุณสมบัติตามมาตรานี้ ส่วนในมาตรา 102 ระบุลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เช่น ติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 100 (1) คือ ไม่เป็นภิกษุสามเณร นักพรต หรือนักบวช หรือ (2) อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือ (4) วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ​และข้อห้ามตามมาตรา 102 (4) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

โดยคุณสมบัติ ตามมาตรา 100 (3) ที่ว่า ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย นายจตุพรก็ไม่อยู่ในลักษณะต้องห้ามมิให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และหากจะพิจารณาว่าอาจเข้าข่ายไม่มีสิทธิเป็น ส.ส. ตามมาตรา 102 (4) ก็ไม่ได้ เพราะ (4) ของมาตรา 102 มีการห้ามต้องคำพิพากษให้จำคุกและถูกขังอยู่โดยหมายของศาล แต่นายจตุพรยังไม่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก

เมื่อพิจารณาทั้งสองมาตราประกอบกันแล้ว ไม่มีเหตุใดๆ ที่ทำให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่มีสิทธิได้รับการ ประกาศให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาในมาตรา 105 [1] ว่าด้วยสมาชิกภาพของ ส.ส.เริ่มนับแต่วันเลือกตั้ง และ มาตรา106 ว่าด้วยเรื่องการสิ้นสุดลงของสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว นายจตุพร ก็ไม่เข้าข่ายการขาดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ตามมาตราดังกล่าว คือ ไม่เข้าข่าย ตามมาตรา 106 (4) (5) ที่อ้างว่าขาดคุณสมบัติ ตามมาตรา 101 และ มาตรา102 และ (11) เพราะนายจตุพร พรหมพันธุ์ ยังไม่ถูกศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก (ดูมาตรา 106 )

นายจตุพร พรหมพันธุ์ อาจถูกเพิกถอนสิทธิการเป็น ส.ส.ได้ ด้วยเหตุเดียว คือ ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 106 (6) ที่ระบุว่า คุณสมบัติอื่นตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งอาจมีข้อกำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าวว่า การที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง ำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นประเด็นเล็กน้อย เพราะเหตุว่า การที่นายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง เพราะศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ออกจากเรือนจำไปเลือกตั้ง

กรณีที่ศาลไม่อนุญาตให้ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพราะการที่นายจตุพรตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาและถูกควบคุมตัวในเรือนจำโดยไม่ได้รับการประกันตัวนั้น เป็นปัญหาว่าด้วยสิทธิผู้ต้องหา ซึ่งต้องยึดถือหลักการว่า ก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ (รัฐธรรมนูญ มาตรา 39 วรรคท้าย) ซึ่งหมายความว่า การที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ได้รับการประกันตัว เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เพราะคนที่ยังไม่ถูกศาลวินิจฉัยว่าเป็นผู้กระทำผิด ต้องไม่นำตัวไปคุมขังไว้เสมือนเป็นผู้กระทำความผิดนั่นเอง

ดังนั้นจึงเป็นการเสมาะสมและชอบยิ่งนักที่ กกต.ได้ประกาศรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ เพราะหากไม่ประกาศรับรอง เท่ากับว่า กกต.เป็นผู้ละเมิดหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญเสียเอง อันไม่เป็นผลดีต่อการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหาษััตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ตามแบบอย่างของนานาอารยประเทศ


โดย: ศราวุฒิ ประทุมราช
เครดิต:ประชาไทออนไลน์
lucky m.
lucky m.
Hero gen.seh member
Hero gen.seh member

จำนวนข้อความ : 2803
Join date : 12/06/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ