ข่าวเรื่องยึดเครื่องบินกองทัพอากาศ..ล่าสุด : คมนาคมยืนยัน ไม่มียึดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ลำที่ 2 อยู่ระหว่างส่งเอกสารเพิ่มเติม 25 กค. 2554 : 17:09:03 น.

[lucky m.]

ข่าวเรื่องยึดเครื่องบินprince...ลุงปีเตอร์ตามหาอ่านเก่าเจอแล้ว..!!!
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 03:24:14 PM »

หลังจากที่อ่านข้อมูลในสารขัณฑ์ฟรีนิวส์ที่สมาชิกบางท่านได้เอามาลงเกี่ยวกับที่ประเทศเยอรมนีสิขาได้ทำการยึดเครื่องบินของprinceลุงปีเตอร์จึงติดตามหาอ่านข่าวเก่าถึงสาเหตุ ข่าวนี้ออกที่เมื่อต้นเดือนกรกฏาคมในประเทศเยอรมนีสิขา คงเป็นข่าวเกรียวกราวไม่น้อยแต่น่าเสียดายในช่วงต้นเดือนกรกฏาคมทางฝ่ายในประเทศไทยกำลังร้อนแรงเรื่องการเลือกตั้ง เลยไม่มีสื่อใหนให้ข่าว

อันที่จริงแล้วทางรัฐบาลเยอรมนีสิขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องระหว่างบริษัทก่อสร้างทางกับรัฐบาลสารขัณฑ์ที่ว่าจ้างบริษัทจากประเทศเยอรมนีให้มาสร้างถนนในประเทศสารขัณฑ์ สมัยนั้นไม่ทราบว่าเป็นรัฐบาลของใครและใครเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนที่ท่านทักษิณ ชินไปวัดจะเป็นนายก?

เพราะรัฐบาลชุดนี้จ่ายเงินให้ทางบริษัทไม่ครบจำนวนที่ตกลงกัน ยังค้างอีก30 ล้านยูโรที่จะต้องจ่าย ประจวบกับในระหว่างนั้นทางบริษัทเกิดมีปัญหาเงินขาดบริษัทเลยล้มละลาย ทางรัฐบาลสารขัณฑ์เลยฉวยโอกาสไม่ยอมจ่ายเงินให้ ทวงถามก็ผันผ่อนอยู่ตลอดมา จนทางบริษัทเครื่อข่ายที่อยู่ในสังกัดร่วมกับบริษัทใหญ่ที่ล้มละลาย

ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสารขัณฑ์ต่อศาลประเทศเยอรมนีสิขา สมัยนั้นแต่ก็ได้รับคำตอบจากรัฐบาลสารขัณฑ์ว่าจะใช้คืนให้ในเร็ววัน จนป่านนี้นับเวลาที่ยืดเยื้อก็นานโข จนถนนทุกสายในเมืองหลวงที่วิ่งกันถึงปัจจุบันนี้นับเวลาแล้วนานกี่ปีมาแล้ว แต่เงินยังค้างบริษัทที่ก่อสร้าง

นี่คือความน่าละอายที่สุดที่ถูกเปิดโปงให้ชาวโลกได้เห็นหน้าตาของประเทศสารขัณฑ์ ที่คิดจะโกง บริษัทก่อสร้างซึ่งเป็นบริษัทต่างประเทศ แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะนานโขขนาดใหน ทางต่างประเทศไม่มีทาง ยอมความง่ายๆ เพราะทางเครือข่ายของบริษัทได้ยื่นฟ้องและหาทางที่จะเอาเงินคืนมา

และแล้วก็เป็นที่น่าเศร้าใจที่เครื่องบินของprinceของประเทศสารขัณฑ์ต้องรับกรรมนี้ไปเต็มๆ โดยทางศาลเยอรมนีสิขาได้ยึดเครื่องบินprinceแทน เพื่อแลกกับที่รัฐบาลสารขัณฑ์ไม่ยอมจ่ายเงินที่ค้างบริษัทก่อสร้างอยู่อีก 30 ล้านยูโร

หากต้องการเครื่องบินคืนต้องจ่าย 30 ล้านยูโรให้แก่บริษัทสร้างทางที่ค้างใว้ ศาลเยอรมนีเล่นบทโหดแก่ผู้ที่คิดจะโกงเพราะทางเครือข่ายสร้างทางของบริษัทที่ล้มละลายยังอยู่ และยื่นฟ้องรัฐบาลสารขัณฑ์ไปนานแล้ว นี่คือที่มาที่ไปเกี่ยวกับเรื่องที่ทางเยอรมันยึดเครื่องบินprince

จำเอาใว้นะศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีสิขาไม่เหมือนไทยหากมีโอกาศที่จะยึดอะไรได้จะยึดทันทีโดยไม่แคร์ว่าจะเป็นคนระดับใหน ดังนั้นการยึดเครื่องบินprinceก็เท่ากับไปกระตุ้นให้รัฐมนตรีคมนาคมสารขัณฑ์ที่สมัยนั้นเป็นใหญ่สั่งสอนให้รู้จักกฏหมายในประเทศเยอรมนี ว่าจะคิดโกงกันง่ายๆนั้นเป็นไปไม่ได้

คราวนี้จะทำอย่างไรเงิน 30 ล้านยูโรแล้วใครจะรับผิดชอบไปถ่ายเครื่องบินคืนให้prince? ไอ้รัฐมนตรีคมนาคมสารขัณฑ์คนนั้นที่ทำสัญญากับบริษัทสร้างถนน มันจะเอาเงินที่ใหนไปถ่ายเครื่องบินคืนให้prince?

หากไม่มีเงินมาถ่ายคืนเครื่องบินลำนี้ต้องถูกยึดเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเครือข่ายก่อสร้างทางที่เป็นหนี้เขาอยู่ ตอนนี้เรากำลังจะได้รัฐบาลใหม่สงสัยนายกปูเป้คงต้องร้างความสกปรกทั้งหลายออกไปจากประเทศสารขัณฑ์แน่ๆ

เพราะสองปีกว่าที่ผ่านมารัฐบาลของประชาธิป่วยทำหนี้ใว้ท่วมประเทศ แถมโผล่เรื่องหนี้เก่าก่อสร้างทางไม่ยอมจ่ายอีก นี่คือผลแห่งการกินกันจนชาติเสียหายโกงคนในประเทศยังไม่ว่า แถมยังโกงคนต่างประเทศเข้าอีก อย่างนี้จะไม่ให้ประชาชนไทยลุกขึ้นมาด่าได้อย่างไรหวะ?

แล้วยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่มาอีกเกี่ยวกับการโกงนอกโกงในของรัฐบาลกินแหลกแจกแถมที่ผ่านมา มันยังมีสิ่งที่ซ่อนเร้นอีกมากมาย หวังว่าตระกูลชินไปวัด เจ็บแล้วต้องจำบ้างนะ ไม่ใช่เอ็นดูเขาเอ็นเราขาดเหมือน ที่เคยทำมา หลังจากทำความดีให้แล้ว เขาก็ถีบหัวส่งกลับประเทศยังไม่ได้เลย ดังนั้นต้องจำใส่ใจใว้อย่าลืมเป็นอันขาด …..!!!!!!!

[lucky m.]

กรณี วอลเตอร์ xxx ของเบอรมนี อายัดเครื่องบินสารขันฑ์ ที่จอดอยู่ที่สนามบินนครมิวนคค


บริษัท วอลเตอร์ xxx จำกัด (Walter xxx) ยื่นฟ้องรัฐบาลสารขันฑ์ช่วงปี 2549 สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินไปวัด โดยอ้างว่าได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลสารขันฑ์ผิดสัญญา ในโครงการก่อสร้างโซลล์เวย์ หลายประเด็น เช่น ขอให้ลดค่าผ่านทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย และมีมาตรการไม่ให้บริษัทปรับค่าผ่านทาง


นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการสร้างทางแข่งขัน เช่น โครงการโอปเวลล์ การก่อสร้างทางเบี่ยงบนถนนวิภารดีรังสิต การก่อสร้างสะพานลอยที่แยกสุทธิสารบนถนนวิภารดีรังสิต การย้ายสนามบินดอนบอสเมืองไปสนามบินทองภูมิ ฯลฯ


จริงๆ แล้ว สถานะของ วอลเตอร์ xxx คือ ผู้รับเหมาจากประเทศเบอรมนี ซึ่งเคยถือหุ้นบริษัท ทางยกระดับดอนบอสเมือง จำกัด (มหากรชน) ผู้รับสัมปทานโซลล์เวย์ สัดส่วน 9.87% วอลเตอร์ xxx ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสารขันฑ์ผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างสารขันฑ์-เบอรมนี ปี พ.ศ. 2545 โดยคณะอนุญาโตตุลาการมีที่ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ แต่กระบวนการไต่สวนดำเนินการในฮ่องกง ซึ่งฝ่ายสารขันฑ์ได้ดำเนินการซักค้านเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม และ 1 สิงหาคม 2550

อนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ระบุว่าประเทศสารขันฑ์ผิดพันธกรณีภายใต้ความตกลง และต้องชำระค่าชดเชยจำนวน 29.21 ล้านยูโร พร้อมดอกเบี้ย คำนวณตามอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารในกลุ่มยูโร (6 month successive Euribor) ในอัตรา 2% ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2549 จนกว่าถึงวันชำระเงิน พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีของฝ่ายวอลเตอร์ xxx จำนวน 1,806,560 ยูโร รวมทั้งดอกเบี้ยตามอัตราเดียวกับค่าชดเชยความเสียหาย

ในปี 2553 คณะทำงานดำเนินการเสนอคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนคำชี้ขาด แต่ศาลปกครองมีคำวินิจฉัยว่า คดีดังกล่าวไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง ต่อมาผู้จัดการทรัพย์ของบริษัทวอลเตอร์ xxx( บริษัทล้มละลาย ) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลlสหรัฐ (Southern District of New York) เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2553 เพื่อบังคับตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ โดยใช้สิทธิตามอนุสัญญานิวยอร์กว่าด้วยการยอมรับและบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ทำในต่างประเทศ ซึ่งสารขันฑ์และสหรัฐฯเป็นภาคี

ศาลสหรัฐได้ออกคำสั่งรับรองคำชี้ขาดและออกคำตัดสินว่าประเทศสารขันฑ์ต้องรับผิดชอบการจ่ายเงินตามที่คำชี้ขาดกำหนด ในกรณีที่สารขันฑ์ไม่ชำระตามคำตัดสิน วอลเตอร์ xxx อาจขอให้ศาลบังคับเอากับทรัพย์สินของรัฐบาลสารขันฑ์ที่อยู่ในเขตอำนาจได้


:lookhere: กรณีวอลเตอร์ xxx ถูกนำเข้าที่ประชุมครม.รัฐบาลอภิเทพ เป็นเรื่องด่วน เมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ค. 2553 เพราะมีกระแสข่าวว่า วอเตอร์ xxx กำลังเตรียมอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลสารขันฑ์ในต่างแดน รายงานที่ประชุมครม. ระบุว่า บริษัทวอลเตอร์ xxx ได้ดำเนินการ 2 แนวทาง คือ

1.ทำหนังสือถึงรัฐบาลเบอรมันเพื่อขอความคุ้มครอง และทางรัฐบาลเบอรมันได้ทำหนังสือสอบถามมายังกระทรวงการต่างดาว เรื่องการชำระหนี้ เพราะก่อนหน้านี้คณะอนุญาโตตุลาการของสารขันฑ์ก็เคยมีคำชี้ขาดให้รัฐบาลสารขันฑ์จ่ายค่าชดเชย แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้จ่าย


2.ทำเรื่องฟ้องต่อศาลนิวยอร์ก ให้ศาลออกคำสั่งบังคับให้รัฐบาลสารขันฑ์ดำเนินการตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ และให้ออกคำสั่งไปทั่วโลก เพื่อให้สามารถยึดทรัพย์สินของรัฐบาลสารขันฑ์มาชำระหนี้ หากไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ

จุดยืนของรัฐบาลสารขันฑ์ คือ ไม่เห็นด้วยกับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ และตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อต่อสู้คดี ซึ่งที่ผ่านมาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองชั้นต้นให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการแล้ว แต่ศาลไม่รับคำร้อง อยู่ระหว่างจะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป ทั้งต่อศาลสารขันฑ์และศาลโลก หลังจากที่บริษัทวอลเตอร์ xxx ยื่นฟ้องต่อศาลนิวยอร์ก


ขณะที่ ทีมกฎหมายจาก สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผย แนวทางต่อสู้ของฝ่ายสารขันฑ์คือ การโต้แย้งคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ โดยยึดตามข้อเท็จจริง เพราะ วอเตอร์ xxx ฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยเจตนาไม่สุจริต และคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการไม่ยุติธรรมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้บริษัทไม่มีสิทธิจะฟ้องรัฐบาลสารขันฑ์เพราะไม่ใช่คู่สัญญากับรัฐบาลโดยตรง เป็นเพียงแค่ผู้ถือหุ้นของโซลล์เวย์เท่านั้น


ประเด็นสำคัญก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เยียวยาจากที่โทลล์เวย์เรียกค่าชดเชยไปแล้ว เช่น ขยายสัมปทานออกไปอีกถึงปี 2577 ให้ปรับค่าผ่านทางได้ตามสัญญาเดิม รวมถึงการปรับค่าผ่านทางขึ้นรถยนต์ 4 ล้อ จาก 55 บาทเป็น 85 บาท (22 ธ.ค.2552) ส่วนค่าชดเชยรายได้จากการให้ลดค่าผ่านทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย กรมทางหลวงจ่ายชดเชยไปแล้ว 30 ล้านบาท เป็นต้น


ข้อมูลที่ฝ่ายสารขันฑ์ วิเคราะห์กันก่อนหน้านี้คือ ทรัพย์สินของสารขันฑ์ที่ได้รับความคุ้มครองพิเศษจากการถูกยึด ได้แก่ ทรัพย์สินของสถานทูตและอาคารที่เกี่ยวข้องตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ทรัพย์สินของธนาคารกลางหรือหน่วยงานทางการเงิน โดยทรัพย์สินนั้นจะต้องเก็บไว้เพื่อบัญชีตัวเอง และไม่ใช้เพื่อการทำธุรกิจ และต้องไม่สละสิทธิการคุ้มครองโดยธนาคารหรือรัฐนั้นเอง และทรัพย์สินทางทหาร ที่ใช้เพื่อและเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางทหาร และอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานทหาร


สำหรับทรัพย์สินที่เสี่ยงต่อการถูกยึด แบ่งเป็นทรัพย์สินของรัฐ โดยสามารถกระทำได้กับทรัพย์สินใด ๆ ที่ใช้ในกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องเดิม ทรัพย์สินอีกส่วนที่เสี่ยงต่อการถูกยึด คือ ทรัพย์สินขององค์กรที่รัฐเป็นเจ้าของ

แต่แล้ว วอลเตอร์ xxx ก็เลือกยึดเครื่องบิน โบอิ้ง 737

ประเด็นที่น่าสนใจคือ กรณี วอลเตอร์ xxx เกิดขึ้นเป็นปัญหาในช่วงที่ประเทศxxxประสบวิกฤตการณ์เมือง ตั้งแต่ปลายรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินไปวัด ต่อเนื่องมายังรัฐบาลสุรยุทธ์ รัฐบาลรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย และรัฐบาลอภิเทพ สภาวะการเมืองที่ไม่นิ่ง มีการเปลี่ยนรัฐบาลถึง 5 ชุด ทำให้การตัดสินใจล่าช้าและไม่ชัดเจนในแนวทาง ขณะที่วอลเตอร์ xxx ดำเนินการเชิงรุกทุกขั้นตอนทางกฎหมาย

:lookhere: กรณีวอลเตอร์ xxx เป็นหนึ่งในกรณีค่าโง่ที่ทำให้รัฐบาลอภิเทพ เคยเสนอให้ยกเลิกระบบอนุญาโตตุลาการ ออกจากสัมปทานระหว่างรัฐกับเอกชน
แต่นอกเหนือจากบทเรียน"ค่าโง่"แล้ว สิ่งที่น่าคิดคือ การเมืองที่ไม่นิ่ง ทำให้เกิดความเสียหายได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!!

เครดิต มติชนออนไลน์

[lucky m.]

สถานีโทรทัศน์ในเบอรมนีออกข่าว..เรื่องเครื่องบินที่ยึด..อ่านรายละเอียดที่นี่..
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:49:04 PM »

เมื่อคืนนี้สื่อโทรทัศน์ในประเทศเบอรมนีได้ออกข่าวเกี่ยวกับการยึดเครื่องบินของสารขันฑ์ใว้ที่สนามบินมิวนค ข่าวทางโทรทัศน์ที่ได้ดูนั้นเป็นข่าวช่อง 2 ZDF เวลา19.00.น เป็นข่าวภาคค่ำ ผู้ประกาศข่าวเป็นผู้หญิง เนื้อข่าวพร้อมทั้งภาพที่ฉายให้ดูตัวเครื่องบินและภาพpincew และภาพนายกษัยและคณะที่กรุงเบอร์ลิน ข่าวที่ดูเนื้อหาบอกว่าทางรัฐบาลสารขันฑ์เมื่อสิบกว่าปีก่อนได้เซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทก่อสร้าง ทางของเบอรมนีให้ไปสร้างถนนในประเทศสารขันฑ์ ไม่ยอมจ่ายเงินที่ค้างจำนวน 30ล้านยูโรให้ทางบริษัท ดังนั้นทางบริษัทได้ยื่นฟ้องต่อศาลเบอรมนีบังคับให้รัฐบาลสารขันฑ์จ่ายค่าสร้างทางให้แก่บริษัท

แต่การทวงถามตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทางรัฐบาลสารขันฑ์ยได้แต่ตอบผันผ่อนตลอดมา ดังนั้นทางศาลรัฐธรรมนูญของเบอรมนีจึงจำเป็นต้องใช้อำนาจยึดทรัพย์ที่เป็นของรัฐบาลสารขันฑ์ยคือเครื่องบินpincewที่จอดอยู่สนามบินกรุงมิวนคตค และคิดดอกเบี้ยอีก 10ล้านยูโรเป็น 40 ล้านยูโรที่รัฐบาลสารขันฑ์จะต้องเอาเงินมาไถ่เครื่องบินลำที่ถูกยึด หากไม่เอาเงินมาไถ่ก็ต้องยึดเครื่องบินลำนี้ใว้ก่อน เห็นนักข่าวถ่ายกระดาษที่ศาลนำเอาไปแปะ

ข้างตัวเครื่องบินนั่นคือคำสั่งกฏหมายห้ามเคลื่อนย้ายเครื่องบินลำนี้เด็ดขาด ภาพในจอโทรทัศน์ยังถ่ายไปยังกลุ่มที่บินมากับเครื่องบินลำที่ถูกยึดจำนวน 40 คนรวมทั้งบอดี้กาดร์ ที่ไปเก็บลูกสเตอร์เบอร์ลี่ที่สวนแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ฉายไปที่กรุงเบอร์ลินที่คณะของนายกษัยมาถึง เห็นนายกษัยตสัมภาษณ์หน้าไมค์ แต่ในข่าวไม่ได้บอกว่านายกษัยพูดว่าอย่างไร

และผู้ประกาศข่าวได้บอกสุดท้ายว่านายกษัยต้องกลับไปมือ เปล่าหากไม่มีเงิน 40 ล้านมาไถ่เครื่องบินลำนี้ ท้ายสุดของข่าวบอกว่า ทางรัฐบาลเบอรมนีจะตรวจสอบ
อีกครั้งว่าเครื่องบินลำนี้ซื้อด้วยรัฐบาลสารขันฑ์ยหรือเปล่า? เพราะการซื้อเครื่องบินลำใหญ่ขนาดนี้การซื้อขายต้องมีหลักฐานว่าใครเป็นคนซื้อ และซื้อจากประเทศใด สัญญาการซื้อขายต้องเด่นชัดว่าเครื่องบินลำนี้

ใครเป็นผู้ซื้อ หากในนามรัฐบาลสารขันฑ์ซื้อเครื่องบินลำนี้ต้องถูกยึดต่อไป หากไม่เอาเงินมาไถ่ ดูข่าวเมื่อคืนนี้แล้วอายจนหน้าชา รัฐบาลก่อนที่ท่านทักษิณ ชินไปวัด จะขึ้นมาเป็นนายก หากจำไม่ผิดเป็นรัฐบาลของนายชวน ป่วยปีแปกอใช่หรือเปล่า? คงจะยุคต้มยำกุ้งและฟองสบู่ที่ล้มละลายกันทั้งประเทศ คนสารขันฑ์ฆ่าตัวตายหนีหนี้กันหลายสิบคน ข่าวนี้เหม็นเน่าไปทั่วโลกกับการโกงค่าสร้างทางในประเทศสารขันฑ์

หลังจากดูข่าวช่องสองของเบอรมนีป้าก็เข้านอน ตอนเวลา 21.00น. ลุงได้เปิดช่อง BRซึ่งเป็นช่องของกรุงมิวนคค ออกข่าวเช่นเดียวกัน ลุงปลุกป้าให้ลุกขึ้นมาดู เป็นข่าวเดียวกันที่ดูเมื่อเวลา 19.00น.ปรากฏว่าสถานีโทรทัศน์ในประเทศเบอรมนีทั้งหมดได้ออกข่าวพร้อมกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ และก็คงกระจายไปทั่วยุโรปอีกด้วย งามหน้าจริงๆกับการทำงานของรัฐบาลสารขันฑ์เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่จ่ายค่าสร้างทางให้บริษัทตามที่ได้ทำสัญญากันใว้ แล้วอย่างนี้ใครเขาจะเชื่อถือประเทศสารขันฑ์เนี่ย? ข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกแบบนี้

งบที่มีใว้จ่ายบริษัทคงเข้ากระเป๋าใครต่อใครตุงซ้ายตุงขวาแน่นอน เพราะลือเลื่องกันทั่วโลกว่าสารขันฑ์แลนด์คือตัวคอร์รัปชั่นสุดๆในเอเซีย คนรวยในสารขันฑ์แลนด์คือนักการเมือง แต่คนจนคือประชาชนตาดำๆ เราจึงไม่แปลกใจว่าทำไมรัฐบาลเบอรมนีจึงยึดเครื่องบินลำนี้ เพราะเขาไม่เชื่อถือประเทศสารขันฑ์เครดิตอีกต่อไป ถึงว่าเมื่อเร็วๆนี้ป้าพลอยได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์พบว่า ทางการสารขันฑ์จะขอซื้อเรือดำน้ำเก่าจากประเทศเบอรมนี แต่ทางเบอรมนีไม่ขายให้ นี่ก็คงไม่ใว้ใจความประพฤตินี่เอง เพราะเล่นติดค้างไม่จ่ายเงินมาเป็นสิบๆปีนี่เอง

ความเชื่อถือในต่างประเทศจึงหมดไป และไม่ทราบว่ายังติดค้างประเทศใหนอีก? แล้วหนี้ที่นายอภิเทพไปกู้ยืมมานับกี่พันล้านในต่างประเทศ ไม่ทราบไปกู้ประเทศใหนบ้าง? สงสัยต้องขายประเทศใช้เขาแน่ๆ ขนาดค่าสร้างทางยังติดเขาเป็นสิบๆปีไม่จ่ายงามหน้าจริงๆ พรรคการเมืองใหนหวะที่ทำทุเรศแบบนี้? พรรคการเมืองใหนหวะที่บริหารประเทศก่อนไทรักไท จะขึ้นมาเป็นรัฐบาล? ประชาชนตาสว่างกันหรือยัง? เป็นไงสองปีกว่าที่ผ่านมาประเทศสารขันฑ์มีอะไรงอกเงยขึ้นมาบ้าง ประเทศรวยขึ้นหรือจนลง

ประเทศสารขันฑ์ไร้หนี้สินหรือเปล่า? สมัยไทรักไท หนี้สินที่ติดค้างต่างประเทศมาช้านาน ทักษิณทำใช้หนี้จนหมดในเวลาไม่กี่ปี พอไล่รัฐบาลทักษิณไปแล้ว ประชาธิป่วยเข้ามาก่อหนี้ท่วมประเทศ ประชาชนสารขัณฑ์แหกตาให้กว้างๆดูกันให้ชัดๆ ว่าอะไรเป็นอะไรพรรคการเมืองใหนทำงาน และพรรคการเมืองใหนดี

แต่ปากก่อหนี้ไปทั่ว งามหน้าที่สุดกับการบริหารประเทศ ให้ต่างประเทศยึดทรัพย์เพราะไม่จ่ายเขา คนสารขันฑ์ในต่างประเทศหาปีบคุมหัวกันเป้นแถว ส่วนป้าพลอยต้องเอาหมวกคุมหน้าในแค็มป์ และไม่นำเอาจานไปล้างอีกแล้วให้ลุงปีเตอร์ล้างแทน เพราะกลัวชาวฮอลแลนด์ถาม คนในแค็มป์ต่างมีจานดาวเทียมดูข่าวกันทุกคนหลังจากเขียนกระทู้นี้แล้วป้าจะหาอ่านข่าวรายละเอียดในหนังสือพิมพ์ และหาข้อมูลเรื่อง
นี้ในข่าว Around the World แล้วจะเอามาลงให้เป็นภาษาอังกฤษจ้า
................
ขอบคุณรายละเอียด จาก ป้าพลอย

[lucky m.]

ข่าวใหม่ล่าสุด.หนังสือพิมพ์Süddeutsch Zeitung แฉค่าจอดวันละ650ยูโร..!!!
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 07:07:31 PM »

ข่าวใหม่ในหนังสือพิมพ์ ค่าเช่าจอดเครื่องบินลำที่ถูกสั่งห้ามเคลื่อนย้ายนั้นวันละ 650 ยูโร ที่ต้องจ่ายสนามบินMünchen
ข่าวในหนังสือพิมพ์ Süddeutsche Zeitung ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของเมืองกรุงมิวนิคได้เขียนแฉหลายอย่าง เกี่ยวกับเรื่อง
นี้ การที่ศาลประเทศเยอรมนีสั่งยึดเครื่องบินของกองทัพอากาศปปป ซึ่งเป็นเครื่องบินปปป ทาง internationales
Schiedsgericht als rechtmässig anerkannt hat.ที่ทางศาลเยอรมนีได้สั่งยึดทรัพย์ ความหมายคือศาลโลกได้เห็นด้วย
ในกรณีนี้ เนื่อจากรัฐบาลปปป บิดพลิ้วการจ่ายเงินให้บริษัท Walter Bau AG 30 ล้านยูโร ในข่าวยังเขียนอีกว่า
วันที่xxกคนี้ princewอายุ59 หลักฐานของหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือป้าจะเก็บใว้เป็นหลักฐาน มีรูปเครื่องบินพร้อม
ทั้งข้างๆเครื่องมีหมายศาลแปะใว้ห้ามเคลื่อนย้ายเครื่องบินลำนี้..!!!

[goosehhardcore]

ดิฉันขอใช้สิทธิ จาก รัฐธรรมนูญ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยสิทธิเสรีภาพต่อการแสดงความคิดเห็น ด้วยการแปล ต่อบทความเรื่องนี้

การแปลข้อความของดิฉัน ใช้กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ server และระบบควบคุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น ไม่มีการเชื่อมโยงใดๆ ต่อประเทศสารขันฑ์


การแปลเรื่องนี้ ดิฉันได้แปลจาก บล๊อคที่เขียนไว้ในเวปแห่งนี้ ดิฉันไม่ได้มีส่วนร่วม, ไม่ได้รู้เห็น หรือ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นว่า มีความเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ กับเนื้อความจากจดหมายและรูปภาพที่โพสต์ประกอบไว้ในเรื่องนี้. การเขียนที่โพสต์ลงไป จะเป็นของแท้ หรือของเทียม ดิฉันไม่สามารถรับผิดชอบต่อเรื่องเหล่านี้ได้ เนื่องจากสามารถหาได้ทั่วไปในโลกอินเตอร์เนท. ถ้าเกิดความเข้าใจผิดหรือความเสียหาย เนื่องจากเนื้อเรื่องที่แปลที่โพสต์ประกอบไว้ ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง. ส่วนเรื่องการแปลจากภาษาอังกฤษป็นภาษาไทย ดิฉันได้แปลเท่าที่ความสามารถของดิฉันมีให้ ถ้าเกิดความผิดพลาดจากการแปลเป็นภาษาไทยขึ้นมาในประโยคหรือรูปความใดๆ ดิฉันไม่ขอรับผิดชอบในเรื่องเหล่านั้นทั้งสิ้น. ถ้าท่านผู้อ่านจะนำเอาข้อความที่แปลนี้ ไปถ่ายทอดหรือสื่อสาร หรือเผยแพร่ในเวปอื่นๆ กรุณาช่วยลงหลักการอ้างอิงของดิฉันไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัยในทางการบังคับใช้กฎหมาย ที่ใช้ควบคุมอยู่ในราชอาณาจักรไทย และ ในประเทศสหรัฐอเมริกา อีกประการหนึ่งคือ ถ้ามีข้อผิดพลาดหลังจากการเผยแพร่ในเวปอื่นๆ เกิดขึ้น ดิฉันไม่รับผิดชอบในเหตุการณ์เหล่านั้น ความรับผิดชอบจะมีต่อบุคคลที่นำไปเผยแพร่ ขอบคุณมากค่ะ

Djp

แปลโดย Djp จาก บล๊อค ของ คุณ Andrew XXX on July 13, 2011

ยานพาหนะส่วนตัว เครื่องบิน โบอิ้ง 737 ของ pince ได้ถูกยึดไว้ที่ สนามบิน M โดย ผู้พิทักษ์ทรัพย์สิน ซึ่งพยายามที่จะติดตามหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่ จากบริษัท วอลเตอร์ xxx ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างของประเทศเบอรมันที่ล้มละลาย. ยานพาหนะส่วนตัว ได้ถูกยึดเนื่องจาก ข้อกล่าวหาในทางการเงินที่มีต่อรัฐบาลสารขันฑ์ – และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับ กรมทางหลวง – และไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับ หนี้สินส่วนตัวของprince. อย่างไรก็ตาม ผู้พิทักษ์ทรัพย์สินของบริษัทก่อสร้างประเทศเบอรมันนี้ ได้ยึดเครื่องบินส่วนตัวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในการปฎิบัติอย่างแข็งกร้าวเพื่อ ทำความขายหน้าให้กับรัฐบาลสารขันฑ์ เพื่อที่จะจ่ายหนี้สินเสียทีหนึ่ง.


หนี้สินที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท วอลเตอร์ xxxนั้น มีจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ในกิจการของ บริษัททางด่วนดอนบอสเมือง, ซึ่งก่อตั้งเพื่อดำเนินกิจการในทางด่วนจาก ใจกลางเมืองสารขันฑ์ ไปยังที่ สนามบินนานาชาติแห่งเก่าของเมืองหลวสารขันฑ์. บริษัท วอลเตอร xxx นั้น ล้มละลายไปเมื่อปี 2005 และ ผู้พิทักษ์ทรัพย์สิน พยายามที่จะกอบกู้เงินทุน เพื่อที่จะให้ เจ้าหนี้ของบริษัทนั้น ติดตามข้อเรียกร้องที่มีต่อรัฐบาลสารขันฑ์

เนื่องจากได้เปลี่ยนเงื่อนไขในสัญญาที่จะสร้างทางหลวง และ เนื่องด้วยการปฎิเสธ ที่อนุญาติให้มีการขึ้นค่าทางด่วนสำหรับยานพาหนะที่ต้องใช้ถนนแห่งนี้, ซี่งแสดงให้เห็นว่า โครงการนี้ ไม่มีผลกำไรเลย. ในปี 2009, ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของประเทศสารขันฑ์ได้สั่งการชำระเงิน 29.2 ล้านยูโร บวกกับ 1.98 ล้านยูโร ในค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับการละเมิดสัญญา, ผลการพิจารณาความฉบับเต็ม และ ประวัติที่เป็นปัญหาที่ทรมานอย่างยาวนานของ โครงการทางด่วนสนามบินดอนบอสเมือง สามารถอ่านต่อได้ที่นี่:

ซึ่งเป็นเสมือนนิยายที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีในเรื่องของการขาดคุณสมบัติและการคอรัปชั่นในทางฝ่ายรัฐบาล อนุญาโตตุลาการยังพบโดยเฉพาะว่า การลดค่าผ่านทางที่ประกาศโดยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินไปวัดในปี 2004 นั้น เป็น การละเมิดเงื่อนไขของข้อตกลงกับวอลเตอร์ xxx เมื่อผลการตัดสินได้ประการออกมา, นายอภิเทพ นายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ได้ปฎิเสธผลการตัดสิน, และได้กล่าวว่าจะต่อสู้กับผลการตัดสิน

ซึ่ง โดยการกระทำเช่นนี้ ก็เป็นอย่างที่ นักการเมืองสารขันฑ์ชอบกระทำกันเมื่อเผชิญกับปัญหา – นั่นก็คือ สร้างคณะกรรมาธิการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อกลบฝังปัญหาให้เข้าไปอยู่ในสารบบเดิมๆ ในงานราชการ. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง คมนาคม คือ นายโสณน ซาสี่ ได้กล่าวหาว่า ทางบริษัทของประเทศเยอรมันนั้น กำลัง“เล่นสกปรก”กับทางฝ่ายไทย.

แม้ว่า ยังไม่มีการชำระเงินใดๆ ต่อค่าเสียหายซึ่ง ศาลอนุญาโตตุลาการ ได้สั่งมา นาย เวอร์เนอร์ xxx ผู้ตรวจสอบบัญชีของ ออกซ์xxx ซึ่งเป็นผู้บริหารการล้มละลายสำหรับ บริษัท วอลเตอร์ xxx, ตัดสินใจที่จะขอยึดของเครื่องบินที่จะใช้เป็นประโยชน์เพื่อบังคับให้ประเทศไทย เพื่อให้ชำระหนึ้สินเหล่านั้นเสียทีหนึ่ง โฆษกของเขาได้รับการยืนยันเครื่องบินได้ถูกยึดเรียบร้อยแล้ว; รายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ยังสามารถพบได้บนเว็บไซต์ ของบริษัทการเงิน คือ Deutschland The Times. ทาง Financial Times ยังได้กล่าวว่า การยึดเครื่องบินนั้น ได้มีการวางแผนอย่างรอบคอบ เพราะ เมื่อpinceได้บินไปที่สนามบินในประเทศเยอรมันหลายแห่ง ในสัปดาห์ที่ผ่านมาล่าสุด รวมไปถึง เดรทส์เดน, ซาร์บรัคเก้น, นูเรมเบิร์กและ เบอร์ลิน – ไทเกิ้ล; มีข้อมูลเพิ่มขึ้นมาว่า pince เพิ่งไปเยือนเยี่ยมชมโรงงานเครื่องลายครามที่เดรสเดิน สิ่งมีกลุ่มในคณะทั้งหมด 40 คน. เขาไม่ได้รับคำเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการยึดของเครื่องบิน จากรายงานของ ไฟแนนท์เชี่ยลไทม์ส

ตามที่อดีตเอกอัคราชฑูตของประเทศสหรัฐอเมริโกย, นายอีริป จีจร, ได้เขียนไว้ใน เคเบิ้ลลับทางการฑูต เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009, pinceได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาในประเทศเบอรมันนี.

pince ได้ใช้เวลาส่วนพระองค์ เกือบทั้งหมด (ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์) ในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา อยู่ในทวีปยุโรป (ตั้งหลักอยู่ใน วิลล่าส่วนพระองค์ใน เขตสปายาสมุนไพร ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมิวนิค ประมาณ 20 กิโลเมตร), กับภรรเมียเอกของpince และ FF ซึ่งเป็น สุนัขPutdel. ตัวเขานั้น มีข่าวที่เชื่อได้ว่า มีความทุกข์ทรมานกับอาการที่ทางการแพทย์วินิจฉัยว่า เกี่ยวกับเลือดลม. ภรรยาปัจจุบัน (ที่สาม)คือรัมจันทร์ และ บุตรชายอายุ 4 ขวบ ซึ่งเรียกชื่อฉายาว่า ทีม, อยู่ในตำหนักสุโขสโมสรอรทัยเขตเมืองสารขันฑ์

แต่เมื่อpinceได้เดินทางกลับไปยังสารขันฑ์นั้น, ก็จะอยู่กับคนที่สอง ในเคหะสถาน ส่วนที่ปรับปรุงอยู่ที่ ห้อง VIP ของกองทัพอากาศสารขันฑ์ ส่วนที่หก ของสนามบินดอนบอสเมือง (บันทึก: ทั้งสองนั้น เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของ บริษัทการบินตาย; pince นั้นได้เปลี่ยนจากการใช้ เครื่องบิน อ5 ไปเป็นเครื่องบิน บ.อ. และ แอว์บุส ในปีล่าสุด. จบบันทึก) เป็นที่ทราบกันอย่างยาวนานมาแล้ว ในเรื่องของความรุนแรงและพระอารมณ์ที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้, pinceก็มีผู้ใกล้ชิดเพียงสองสามคน ซึ่งยังอยู่ติดตามมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน

pinceขับเครื่องบิน โบอิ้ง 737 ด้วยตัวเอง เมื่อเดินทางระหว่างประเทศสารขันฑ์และประเทศเบอรมันนี ซึ่งได้ปรากฎให้เห็นอยู่อย่างเป็นปรกติ จากกลุ่มเวปไซค์ต่างๆของผู้ติดตามการปรากฎของเครื่องบินเหล่านั้น เมื่อคำนึงถึงชื่อเสียงของpince ในเรื่องของความกราดเกรี้ยวรุนแรง, มันมีแนวโน้มที่ว่า ทางเจ้าหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลสารขันฑ์และเบอรมันนั้น พยายามวิ่งเต้นอย่างยิ่งในการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.

ส่วนตัวของpinceเองก็เคยมีเรื่องประวัติ ซึ่งเปรียบเสมือนภัยพิบัติทางการฑูตเกิดขึ้นมาแล้ว. ในเดือนกันยายน 1987, pinceได้ทรงเดินทางไปเยี่ยมประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ. ก่อนหน้าที่จะได้เดินทาง, ได้เรียกร้องว่า ให้นำเอา คนรองในขณะนั้น เดินทางไปกับpinceอย่างเป็นทางการ แทนที่จะเป็น คนที่ 1 ของเขาเอง; ทางการของประเทศญี่ปุ่นได้ปฎิเสธด้วยเหตุผลด้วยหลักการทางการฑูต. เมื่อพระองค์ได้เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น, สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว ก็ได้ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก, ตามที่ คุณ บาบารา โครเซทท์ ได้รายงานไว้ใน หนังสือพิมพ์ นิวยอร์ค ไทม์ ดังนี้:

“อุปสรรคทางการฑูตได้อุบัติขึ้น ระหว่าง กรุงโคเคียว และ กรุงสารขันฑ์ ซึ่ง หนังสือพิมพ์ทางภาษาสารขันฑ์ได้รายงานว่า “เป็นเรื่องขี้ผง” ซึ่งมีต่อ pince, ซึ่งเป็น นักบิน และนายทหารกองทัพสารขันฑ์ ด้วยยศ พลตรี ซึ่งบังคับบัญชา กองกำลังจู่โจมของตนเอง, ระหว่างการเยี่ยมประเทศยุ่นปี่อย่างเป็นทางการ.

ผู้ขับรถชาวยุ่นปี่ ให้กับpinceนั้น ถึงกับต้องหยุดพัก ตอนที่ผ่านด่านเก็บเงินบนทางด่วน เพื่อที่จะระงับบรรเทาทุกข์กับตนเอง – เจ้าหน้าที่ทางฝ่ายรัฐบาลยุ่นปี่ได้กล่าวว่า ผู้ขับรถนั้น เกิดเจ็บป่วยและต้องหาคนอื่นมาขับแทน. ในวาระอื่นๆ, pincwได้ถูกกล่าวว่า เขาได้นั่งบนเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมและ จะต้องบังคับให้ตนเอง ก้มลงบนพื้น เพื่อไปหยิบสายดึง เปิดให้เห็นตัวปูชนีย์ที่ควรรำลึกอย่างหนึ่ง. เขาได้ทรงเดินทางกลับมาที่สารขันฑ์ก่อนกำหนดการสามวัน, ทำให้เกิดวิกฤตทางการฑูต ในการเยี่ยมเยือนของเขา"

เขาก็สามารถ แก้แค้นได้ใน 9 ปีต่อมา, คือเมื่อปี 1996, ตามที่นาย พอลล์ ฮ. ได้เขียนไว้ใน TKNSs, ซึ่งเป็นประวัติทางวิชาการชุดบุกเบิก ของประเทศสารขันฑ์ต่อk9
"เมื่อวันที่ 1-2 มีนาคม, ประเทศสารขันฑ์เป็นเจ้าภาพผู้นำประเทศเอเชียและยุโรป สำหรับ การสถาปนาการประชุมสุดยอด. มันเป็นโอกาสที่ดีมาก ในการสนับสนุนต่อประเทศสารขันฑ์และk9 ก็ได้เปิดงานต้อนรับอย่างสมเกียรติ ต่อประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของหลายประเทศ. pinceให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรียุ่นปี่ xxทาโร่ xx อีกอย่างหนึ่งแทน

เมื่อ เครื่องบิน โบอิ้ง 747 ของ นายกรัฐมนตรี xxทาโร่ ได้จอดลงที่สนามบินดอนบอสเมืองวันที่ 28 กุมภาพันธ์, ก่อนที่จะจอดอยู่หน้าพรมสีแดงที่ใช้สำหรับการต้อนรับผู้มีเกียรติของต่างประเทศ, เครื่องบินของนายกรัฐมนตรียุ่นปี่นั้น ก็ถูกขัดขวาง บล๊อคโดยเครื่องบินรบ อ5 สามลำซึ่ง นำโดยp. ช่างภาพที่รอการเยือนของนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่แถบฝ่ายขาเข้าประเทศนั้น ได้ถูกสั่งให้เก็บกล้องถ่ายรูป เมื่อpได้ยึดเอาฝ่ายการฑูตของประเทศยุ่นปี่ทั้งหมดเป็นตัวประกันที่ลู่ลานจอดเครื่องบิน เป็นเวลา 20 นาที ก่อนที่จะถอยออกไป.

pเองก็ดูเหมือนว่า ได้ทำการแก้แค้นของตัวเอง ซึ่งมีต่อการเยี่ยมที่ประเทศยุ่นปี่ เมื่อปี 1987 ได้เรียบร้อย. และด้วยเหตุการณ์นี้, ทางรัฐบาลของทั้งประเทศสารขันฑ์และประเทศยุ่นปี่ ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง, แต่ทางฝ่ายการฑูตของรัฐบาลยุ่นปี่ ก็ไม่กระทำการโต้ตอบใดๆ กับเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการประท้วงหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา "

ข่าวที่รั่วออกมาจาก เคเบิ้ลของทางสหรัฐอเมริโกย ยังได้กล่าวต่อไปว่า หมายกำหนดการเยือนประเทศจีนนี่ (แผ่นดินใหญ่) โดยpincewในปี 2007 ได้ถูกนำไป “ขึ้นหิ้ง” ไว้ เนื่องจาก การขอร้องให้มีการต้อนรับอย่างเป็นพิเศษ:

"หมายกำหนดการเยี่ยมของpincewนั้น ที่จะเกิดขึ้นเมื่อตอนต้นปีนั้น ได้ถูกเลื่อนออกไป.... pincewมี “โกรธ” อย่างแรง เมื่อถูกปฎิเสธ ต่อ “การต้อนร้บอย่างพิเศษ ในระดับบุคคลสำคัญของประเทศ” ในขณะที่ได้เดินทางเยี่ยมเยือน ประเทศจีนนี่. นั่นก็หมายถึง การเยี่ยมเยือนจีนนี่ในครั้งแรกของเขา. น้องสาว คือ ขิรินทราธร ได้ทรงไปเยี่ยมเยือนประเทศจีนนี่มานับจำนวนครั้งมิได้ และ ตัวของน้องสาวเอง ก็พูดภาษาจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่ว"

ไม่เป็นที่น่าสงสัยเลย ที่การยึดเครื่องบินนั้น จะทำให้ pincewเชื่อว่า เป็นการกระทำอย่างร้ายกาจอย่างคาดไม่ถึงต่อเขาเอง. คำถามที่ตามมาตอนนี้ก็คือว่า เขาจะทำอย่างไรต่อ, และ เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสารขันฑ์ จะดำเนินการแก้ไขอย่างด่วนจี๋แค่ไหน ต่อความยุ่งเหยิงในตอนนี้..


---------------- จบบล๊อค ----------------------------

[goosehhardcore]

"pics"
http://liberalthai.wordpress.com/2009/10/05/plane-spotting-update/

[goosehhardcore]

นายกฯ ระบุส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมคดียึดโบอิง 737 แล้ว


18 กค. 2554 20:18 น.

เมื่อเวลา 19.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่ศาลเยอรมนี สั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ว่า ขณะนี้ได้ส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมไปแล้วคาดว่าอยู่ในช่วงของการพิจารณาเอกสารดังกล่าว ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีการนัดพิจารณาคดีเมื่อไร ส่วนจะมีการยืดเยื้อถึงช่วงที่มีการพิจารณาเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับสัมปทานในการก่อสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ในสิ้นเดือนหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวข้องกันเพราะเป็นคนละคดี
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=520399

[goosehhardcore]

"กษิต"เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระบรมฯถวายรายงานกรณีโบอิ้ง737
18 กค. 2554 15:57 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. กระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยแพร่ข่าวผ่านเว็บไซต์ www.mfa.go.th โดยระบุว่า เมื่อเช้าวันที่ 17 ก.ค. 2554 ที่ท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต เยอรมนี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งทางด้านการทูตและทางด้านกฎหมายกรณีศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย ซึ่งนำไปสู่การอายัดเครื่องบินพระที่นั่ง ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนครมิวนิค ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2554 สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้


1. เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2554 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี (นาง Cornelia Pieper) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี (นาย Werner Hoyer) ที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งรัฐมนตรีฯ ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งและย้ำถึงความละเอียดอ่อนของการดำเนินการของฝ่ายเยอรมนีในเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่มีการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ มิใช่ทรัพย์สินของรัฐบาลไทย จึงจำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันหาทางแก้ไขโดยทันที โดยพิจารณาถึงประเด็นความสำคัญทางการเมืองและกฎหมายควบคู่กัน ซึ่งทางฝ่ายเยอรมนีรับทราบข้อห่วงกังวลของไทยและเห็นพ้องว่าไม่ควรให้เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจที่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท


2. สำหรับการดำเนินงานด้านกฎหมายนั้น คณะทำงานด้านกฎหมายของไทยนำโดยอัยการสูงสุดพร้อมด้วยอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยจะนำเสนอข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมตามที่ศาลร้องขอ ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและรูปถ่าย พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องของหลักฐานของทนายความของบริษัท Walter Bau และจะมีการเบิกความต่อศาลโดยอธิบดีกรมการบินพลเรือน ในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2554 นี้
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=520349&lang=&cat=

[goosehhardcore]

กระบวนการ "ข่าว" พระวิหาร ถึง 737-400 กระบวนการ มิติเดียว
วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19:00:00 น.

จากกรณีถอนตัวจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก มาถึงกรณีการอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ณ สนามบินนานาชาติเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี

ให้ "บทเรียน" อะไรบ้าง

เป็นบทเรียนทั้งในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์กับองค์การระดับโลก

บทเรียน 1 คือ บทเรียนด้านการข่าว ขณะเดียวกัน บทเรียน 1 คือ บทเรียนและกระบวนการในการนำเสนอ "ข่าว" และมุมมองต่อแต่ละประเด็น ทั้งหมดนี้มิได้เป็นบทเรียนสำหรับ "รัฐบาล" เท่านั้น หากแต่น่าจะเป็นบทเรียนของคนไทยทั้งประเทศ

เพียงแต่หากรัฐบาลบริหารจัดการกับเรื่องราวเหล่านี้ไม่รอบคอบ รัดกุมอย่างเพียงพอ คนไทยในฐานะผู้บริโภคข่าวสาร ความเห็น ไปตามทิศทางที่รัฐกำหนด อาจผิดหวัง

ผิดหวังเหมือนกับที่เคยผิดหวังมาแล้วในกรณีอันเกี่ยวกับการถอนตัวจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก ผิดหวังเหมือนกับที่กำลังผิดหวังว่าอะไรเกิดขึ้นกับเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ที่มิวนิก

นี่ย่อมเป็นเรื่องที่สมควร "สรุป" และเก็บรับมาเป็น "บทเรียน"

ต้องยอมรับว่าการอันเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร การอันเกี่ยวกับมรดกโลก การอันเกี่ยวกับยูเนสโกคนไทยเหมือนกับถูกหลอก ถูกหลอกว่าเราจะเป็นฝ่ายชนะ

หากฟังจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นจากนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เหมือนกับว่าเรากำลังได้เปรียบ เหมือนกับว่าแม้กระทั่งผู้อำนวยการยูเนสโกก็เข้าข้างเรา

แต่ความเป็นจริงที่คนไทยจำต้องยอมรับด้วยความไม่เข้าใจก็คือ ปัญหาได้ขยายจากเรื่องระหว่าง 2 ประเทศเป็นเรื่องระดับภูมิภาค เป็นเรื่องระดับสหประชาชาติ เป็นเรื่องระดับศาลโลกได้อย่างไร

และที่คิดว่านานาชาติเข้าใจไทยก็เริ่มไม่แน่เสียแล้ว

ไม่แน่เพราะว่าภายใน 21 ประเทศ ซึ่งนั่งอยู่ในคณะกรรมการมรดกโลก ปรากฏว่ามีเพียง 7 ประเทศเท่านั้นที่เข้าข้างไทย อีก 14 ประเทศเป็นฝ่ายเดียวกับกัมพูชา

ตราบกระทั่ง ณ วันนี้ รัฐบาลไทยยังไม่ยอมรับว่าได้ให้ข้อมูลที่แท้จริงกับคนไทยมากน้อยแค่ไหนในเรื่องอันเกี่ยวกับมรดกโลก ในเรื่องอันเกี่ยวกับการเข้ามาของอินโดนีเซีย

เช่นเดียวกับอาการนะจังงังในเรื่องการยึดเครื่องบินโบอิ้ง 737-400

หากฟังแต่จากปาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หากฟังแต่จากปาก นายกษิต ภิรมย์ คล้ายกับว่าสถานการณ์จะเป็นผลดีกับไทย เป็นผลดีมากกว่าอาการล่วงล้ำก้ำเกินของวอลเตอร์ บาว

แต่หากศึกษาแถลงการณ์ที่ออกโดยสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำกรุงเทพมหานครอย่างละเอียด นี่มิได้เป็นเรื่องอันเพิ่งเกิดขึ้น

ตรงกันข้าม แถลงการณ์บอกว่า "รัฐบาลเยอรมนีได้เรียกร้องมาแล้วหลายครั้งเช่นกันให้รัฐบาลไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นมิตรด้วยการชำระค่าชดเชยอย่างสมเหตุสมผลให้กับบริษัท"

นี่ย่อมสอดรับกับคำแถลงของโฆษกกระทรวงต่างประเทศเยอรมนีที่ว่า

"สถานทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำกรุงเทพมหานครเคยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของไทยเกี่ยวกับคดีนี้"

และแถลงจาก นายแวร์เนอร์ ชไนเดอร์ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ของวอลเตอร์ บาว

"หน่วยงานของรัฐบาลเยอรมนียื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วแต่ยังไร้ผล รัฐบาลไทยถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ และไม่เคยตอบสนอง"
สะท้อนว่าเรื่องนี้มิได้เป็นเรื่องใหม่ หากแต่เป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ เพียงแต่มิได้สำเหนียกเท่านั้น

กระนั้น ที่สำคัญเป็นอย่างมากคือ กระบวนการและวิธีวิทยาในการนำเสนอข่าวของรัฐบาลไทย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันเกี่ยวกับการแพ้คดีต่อวอลเตอร์ บาว ล้วนดำเนินไปอย่างด้านเดียว ล้วนดำเนินไปอย่างไม่ครบถ้วน รอบด้าน

เท่ากับหลอกประชาชน เท่ากับนำพาประชาชนให้เข้าใจเพียงด้านเดียว ขาดมิติที่สมบูรณ์


มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 18 ก.ค.54
http://matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1310968588&grpid=01&catid&subcatid
-------------------------------

Anyakan ja - เรื่องนี้สอนให้รู้ว่ารัฐบาลไทย​ชอบหมกเม็ดปิดข่าว..เสนอข่าวแต่​เรื่องที่ทำไห้ตัวเองดูดี ทั้ง ๆ ที่ การกระทำกลับตรงข้าม.. เคยชินกับมือที่มองไม่เห็นออกมา​อุ้ม.. ทำอะไรก็ไม่เคยผิด..ซึ่งแตกต่าง​โดยสิ้นเชิงกัความจริงที่เกิดขึ​้นในต่างประเทศที่ไม่มีมือที่มอ​งไม่เห็นมาอุ้ม..

[goosehhardcore]

กต.เร่งนำโบอิ้ง 737 ออก หลังศาลเยอรมันถอนอายัด ชี้ประสบความสำเร็จในขั้นตอนสำคัญ

ศาลเยอรมนีตัดสินให้มีการส่งคืนเครื่องบินที่ถูกยึดจากสนามบินมิวนิค เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยต้องวางเงินค้ำประกันจำนวน 20 ล้านยูโร ขณะที่กต.เร่งนำเครื่องออก

กต.เร่งนำโบอิ้ง 737 ออก ชี้ประสบความสำเร็จขั้นตอนสำคัญ

นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยวันที่ 20 กรกฎาคมว่า ศาลเยอรมนีมีคำสั่งเบื้องต้นเชื่อว่าเครื่องบินสัญชาติไทยที่ถูกอายัดอยู่ เป็นเครื่องบินที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทย แต่หากนำเครื่องบินออกมา ขอให้วางเงินประกัน 20 ล้านยูโร(ราว800ล้านบาท)ขณะนี้ทีมกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่เพราะยังมีขั้นตอนทางกฎหมายยังไม่สามารถบอกรายละเอียดใดๆ ได้ แต่ในชั้นนี้ถือว่าทีมกฎหมายไทยประสบความสำเร็จในขั้นตอนสำคัญแล้ว

ศาลเยอรมัน ถอนอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ให้วางเงินประกัน 840 ล้านบาท

ศาลที่เมืองลานด์ชูต ใกล้กับนครมิวนิค อนุญาตให้มีการส่งคืนเครื่องบินโบอิ้ง 737 ซึ่งมีมูลค่าราว 20 ล้านยูโร (ประมาณ 840 ล้านบาท) หลังได้รับการยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ มิใช่ของรัฐบาลไทย

เครื่องบินลำดังกล่าวถูกบริษัทของเยอรมนียึดเอาไว้ที่สนามบินมิวนิคเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการต่อรองให้รัฐบาลไทยจ่ายเงิน 30 ล้านยูโรตามคำสั่งของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในคดีดอนเมืองโทลเวย์ ซึ่งมีบริษัทของเยอรมนีเกี่ยวข้อง

ด้านรัฐบาลเยอรมนีระบุว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีเองก็ไร้อำนาจที่จะเข้าแทรกแซง เนื่องจากขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ บริษัทวอลเตอร์ บาว ของเยอรมนี แถลงว่า ได้อายัดเครื่องบินหลังจากรัฐบาลไทยปฏิเสธชำระหนี้แก่บริษัท ซึ่งพยายามดำเนินการมานานหลายปีเพื่อให้รัฐบาลไทยตอบสนองข้อเรียกร้องชำระหนี้กว่า 30 ล้านยูโร และมาตรการเด็ดขาดที่นำมาใช้ถือเป็นหนทางสุดท้าย พร้อมระบุด้วยว่ารัฐบาลไทยถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ และไม่เคยตอบสนองข้อเรียกร้องของบริษัท แม้กระทั่งหน่วยงานของรัฐบาลเยอรมันได้ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว แต่ก็ยังไร้ผล


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ทางการเยอรมันแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากเป็นเรื่องของเอกชนกับศาล จึงไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่ก็ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ ขณะที่รัฐบาลก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องปกป้องเกียรติยศ และชื่อเสียงของประเทศไทย เพราะเรื่องนี้ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม ยืนยันว่าคดียังไม่ถึงที่สุด ถ้าหากคดีถึงที่สุดเมื่อไหร่ ประเทศไทยพร้อมปฏิบัติตามคำพิพากษาอยู่แล้ว และรัฐบาลไทยไม่ได้หาย หรือหนีไปไหน ไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้น ที่บริษัทเอกชนจะต้องดำเนินการในลักษณะนี้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1311156654&grpid=00&catid&subcatid

[goosehhardcore]

21 7 54 ศาลเยอรมันยังไม่คืนเครื่องบินราชพาหนะ
อัปโหลดโดย DNNTHAILAND เมื่อ 21 ก.ค. 2011

[goosehhardcore]

กษิตระบุไทยจะไม่จ่ายเงินประกัน20ล.ยูโร แลกโบอิ้ง
2011-07-21 16:18:46

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทางการไทยจะสู้คดีถึงที่สุด หลังศาลเยอรมนี สั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 โดยต่อรองให้วางเงินมัดจำวงเงิน 20 ล้านยูโร หรือประมาณ 850 ล้านบาท ทั้งนี้ นายกษิต กระทรวงต่างประเทศ อธิบดีกรมการบินพลเรือน ผู้แทนกองทัพอากาศ และผู้รู้กฏหมาย จะเดินทางเพื่อไปสู้คดีโดยยืนยันว่าเครื่องบินดังกล่าวไม่ใช่ของรัฐบาล ประกอบกับหลักฐานของฝ่ายไทยที่ยื่นไปก่อนหน้านี้ เห็นว่าไม่น่าจะมีเหตุผลที่ทางการไทยจะต้องไปวางเงินมัดจำ 20 ล้านยูโรอีก เพื่อแลกกับการถอนอายัคเครื่องบินโบอิ้งลำนี้

นายกษิต กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ จะหารือกับอัยการ อย่างไรก็ตามตัวเครื่องบินขณะนี้ยังจอดอยู่ที่เมืองมิวนิค และจะนำกลับมาประเทศไทยได้ หลังศาลได้ตัดสินในขั้นตอนสุดท้ายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม
http://www.dailyworldtoday.com/hotnews.php?hotnews_id=45922

[goosehhardcore]

วันศุกร์, กรกฎาคม 22, 2011
ผู้พันของขึ้นซัดฮ.ตกเพราะนายโง่ทำผิดหลักนิรภัยการบิน ขู่ลุยมาร์คปล่อยฝรั่งยึดโบอิ้งหลู่พระบรมฯ
>>http://thaienews.blogspot.com/2011/07/blog-post_22.html

[goosehhardcore]

จับโกหก อภิสิท และ กษิ ว่า เครื่องบินที่เยอรมันยึดไม่ใช่ของทย

รายละเอียดที่ http://www.pchannel.org/index.php?name=others&file=readknowledge&id=360

[goosehhardcore]

คมนาคมยืนยัน ไม่มียึดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ลำที่ 2 อยู่ระหว่างส่งเอกสารเพิ่มเติม
วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17:09:03 น.


นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าจากที่มีกระแสข่าวว่าทางการประเทศเยอรมนีได้มีการยึดเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ลำที่ 2 อีก เหตุจากคดีฟ้องร้องของบริษัท วอเตอร์ บาว เรื่องนี้ยืนยันว่าได้รับรายงานว่าไม่มีการยึดเครื่องบินเพิ่มแต่อย่างใด เพราะขั้นตอนขณะนี้ทางรัฐบาล และกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการส่งเอกสารรายละเอียดเพิ่มเติม โดยต้นเดือนสิงหาคม 2554 จะมีการสอบของศาลที่ประเทศเยอรมนีและจะมีการพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ทางรัฐบาลไทยส่งเอกสารไปให้
( จาก สำนักข่าวไทย )
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1311588587&grpid=03&catid=03