UPDATE 18-10-2012 : สดๆ วันนี้ป้ามาม่าฝากนิยายภาคพิศดาร มาอีกแระขนาดว่าเข้าบ้านไม่ได้นะนี่ อิอิ!!!
หน้า 1 จาก 1
UPDATE 18-10-2012 : สดๆ วันนี้ป้ามาม่าฝากนิยายภาคพิศดาร มาอีกแระขนาดว่าเข้าบ้านไม่ได้นะนี่ อิอิ!!!
... วันนี้ขอพูดเป็นภาษาพื้นบ้านเพื่อทุกๆท่านจะได้เข้าใจได้ตรงกันอีกทั้ง"หมอ"ไม่ต้องมาตอบคำถาม
ชนิดเดียวกัน แต่ถามมาหลายท่านนะเจ้าคะ
..... ผลของการวิเคราะห์ชนิดเลือดของ"ถั่วสยามอ้า" ซึ่งเป็นชนิดเลือดของ"ฮีโมโกบิน-อี"(Hemoglobin-E,
Hb E)เป็น"ฮีโมโกบิน"ที่ผิดปกติของเม็ดเลือดแดงที่วัดได้ Hb=11.3g/dlแปลว่ามีฮีโมโกบิน 11.3 กรัมต่อ
เลือด 100 CC นั่นเอง ซึ่งตรงนี้ภาษาชาวบ้านจะเรียกว่าเป็น"โลหิตจาง"ต้องทานยา"โฟลิค"(Folic acid)
เพื่อไปเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรงขึ้น(ผู้หญิงผู้ใหญ่ค่าปกติต้องอยู่ที่ Hb=12-16gm/dl)ค่ะ
..... จากการถ่ายเปลี่ยนเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อสามเดือนที่แล้ว"ถั่วสยามอ้า"ได้เลือดใหม่และเต็มน้ำเกลือ จึงทำ
ให้รูปร่างของ"ถั่วสยามอ้า"เปลี่ยนไปมากเหมือน"บวม" จนบางคนคิดว่าเป็นโรคไตเพราะบางวันพองเหมือน"ลูก
โป่ง"แต่บางวันก็ยุบและขณะนี้อาการเข้าขั้นทรงตัวแล้ว
..... อันที่จริงแล้ว"ถั่วสยามอ้า"เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดเพราะ"ถั่วสยามอ้า"เป็นโรค"Sentimental"คือโรคแพ้ผู้ชาย
เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ ซึ่งคล้ายคลึงกันกับ"Emmanuelle" เมื่อที่ครั้งที่อยู่กับคุณ"วีระยุทธนา"ก็ถูกจับได้ไปมี"กุ๊กกิ๊ก"กับ
คุณหมอที่อยู่เชียงใหม่และแอบไปเจอกันที่อังฤษ จนคุณ"วีระยุทธนา"ทนไม่ไหวต้องประเคนด้วยแข้งเข้าที่ชาย
โครงด้านซ้ายต้องเดือดร้อนไปถึง"ชายสี่หมี่กรอบ"เกือบยิงด้วยปืนสั้น โชคดีที่ลูกคนเล็กวิ่งเข้ามากอดพ่อเรื่องจึงยุติลง
..... จากนั้นคุณหมอ"ชัยชนกัน"ก็จับ "ถั่วสยามอ้า" ที่ไปเป็น "กุ๊กกิ๊ก" กับคุณหมอคนหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนามนะคะ) ที่ตำหนัก
จักรกรนที ปทุมราชธานี คุณหมอ"ชัยชนกัน"เสียใจมากเพราะท่านทำดีที่สุดแล้ว จึง"ปลง(ไม่ค่อย)ตก"และตัดสินใจวิ่งโร่ไปหา
"หลวงตามหาดอกบัว" เพื่อขอพึ่ง"จีวร" พระเพื่อคุ้มครอง "ชีวิต" เพราะรู้ดีว่าภัยอันใหญ่หลวงจะต้องเข้ามาหาตัวแน่
ในไม่ช้านี้ แทนที่" หลวงตามหาดอกบัว"จะช่วยคุ้มครองได้ แต่เรื่องกลับตาลปัด"หลวงตามหาดอกบัว" โดน "แจ๊คพ้อท"
ด้วย"แกงเขียวหวานไก่"(เหมือนที่เคยส่งไปให้ท่านอดีตนาย-ก สมัครสมาน ที่ไปสวรรค์ก่อนหน้า กับ นาย-กทักกี้ ที่ดูใบบัว ปล. ทักกี้ รู้ทัน แลยรอด ฮาาาา) โดยฝีมือของ"ชายสี่หมี่กรอบ"เพราะกลัวว่าทั้งหมอและหลวงตาจะเอาเรื่องไปปูดที่อื่นและเรื่อง
นี้คุณ "ทองก้อนเงิน" ลูกศิษย์ก้นกุฎิก็พอรู้ แต่ทุกคนจะพูดเหมือนกันหมดว่าไม่รู้หรือรู้ก็พูดไม่ได้เหมือนคุณ"สันติสุข"คน
ที่รับซื้อ "เพชรซาอุ" และพล.อ.สนธิ์กะรินทร์ ผู้นำการทำรัฐประหารสมัยทักกี้ ต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดทั้งนั้น
..... เมื่อมีการเรื่มต้นด้วยดีก็น่าจะดีกันไปอย่างต่อเนื่องและถ้าจะมีการจากกันก็น่าจะจากกันด้วยดีไม่ใช่มาฆ่า
มาแกงกันเหมือนผักเหมือนปลาและถ้าพวกท่านยังมีความต้องการอยู่พวกเราประชาชนจะต้องไปสังเวยชีวิต
เพื่อตอบสนองความใคร่ของพวกท่านอีกกี่ร้อยกี่พันชีวิตล่ะเจ้าคะ
ชนิดเดียวกัน แต่ถามมาหลายท่านนะเจ้าคะ
..... ผลของการวิเคราะห์ชนิดเลือดของ"ถั่วสยามอ้า" ซึ่งเป็นชนิดเลือดของ"ฮีโมโกบิน-อี"(Hemoglobin-E,
Hb E)เป็น"ฮีโมโกบิน"ที่ผิดปกติของเม็ดเลือดแดงที่วัดได้ Hb=11.3g/dlแปลว่ามีฮีโมโกบิน 11.3 กรัมต่อ
เลือด 100 CC นั่นเอง ซึ่งตรงนี้ภาษาชาวบ้านจะเรียกว่าเป็น"โลหิตจาง"ต้องทานยา"โฟลิค"(Folic acid)
เพื่อไปเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรงขึ้น(ผู้หญิงผู้ใหญ่ค่าปกติต้องอยู่ที่ Hb=12-16gm/dl)ค่ะ
..... จากการถ่ายเปลี่ยนเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อสามเดือนที่แล้ว"ถั่วสยามอ้า"ได้เลือดใหม่และเต็มน้ำเกลือ จึงทำ
ให้รูปร่างของ"ถั่วสยามอ้า"เปลี่ยนไปมากเหมือน"บวม" จนบางคนคิดว่าเป็นโรคไตเพราะบางวันพองเหมือน"ลูก
โป่ง"แต่บางวันก็ยุบและขณะนี้อาการเข้าขั้นทรงตัวแล้ว
..... อันที่จริงแล้ว"ถั่วสยามอ้า"เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดเพราะ"ถั่วสยามอ้า"เป็นโรค"Sentimental"คือโรคแพ้ผู้ชาย
เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ ซึ่งคล้ายคลึงกันกับ"Emmanuelle" เมื่อที่ครั้งที่อยู่กับคุณ"วีระยุทธนา"ก็ถูกจับได้ไปมี"กุ๊กกิ๊ก"กับ
คุณหมอที่อยู่เชียงใหม่และแอบไปเจอกันที่อังฤษ จนคุณ"วีระยุทธนา"ทนไม่ไหวต้องประเคนด้วยแข้งเข้าที่ชาย
โครงด้านซ้ายต้องเดือดร้อนไปถึง"ชายสี่หมี่กรอบ"เกือบยิงด้วยปืนสั้น โชคดีที่ลูกคนเล็กวิ่งเข้ามากอดพ่อเรื่องจึงยุติลง
..... จากนั้นคุณหมอ"ชัยชนกัน"ก็จับ "ถั่วสยามอ้า" ที่ไปเป็น "กุ๊กกิ๊ก" กับคุณหมอคนหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนามนะคะ) ที่ตำหนัก
จักรกรนที ปทุมราชธานี คุณหมอ"ชัยชนกัน"เสียใจมากเพราะท่านทำดีที่สุดแล้ว จึง"ปลง(ไม่ค่อย)ตก"และตัดสินใจวิ่งโร่ไปหา
"หลวงตามหาดอกบัว" เพื่อขอพึ่ง"จีวร" พระเพื่อคุ้มครอง "ชีวิต" เพราะรู้ดีว่าภัยอันใหญ่หลวงจะต้องเข้ามาหาตัวแน่
ในไม่ช้านี้ แทนที่" หลวงตามหาดอกบัว"จะช่วยคุ้มครองได้ แต่เรื่องกลับตาลปัด"หลวงตามหาดอกบัว" โดน "แจ๊คพ้อท"
ด้วย"แกงเขียวหวานไก่"(เหมือนที่เคยส่งไปให้ท่านอดีตนาย-ก สมัครสมาน ที่ไปสวรรค์ก่อนหน้า กับ นาย-กทักกี้ ที่ดูใบบัว ปล. ทักกี้ รู้ทัน แลยรอด ฮาาาา) โดยฝีมือของ"ชายสี่หมี่กรอบ"เพราะกลัวว่าทั้งหมอและหลวงตาจะเอาเรื่องไปปูดที่อื่นและเรื่อง
นี้คุณ "ทองก้อนเงิน" ลูกศิษย์ก้นกุฎิก็พอรู้ แต่ทุกคนจะพูดเหมือนกันหมดว่าไม่รู้หรือรู้ก็พูดไม่ได้เหมือนคุณ"สันติสุข"คน
ที่รับซื้อ "เพชรซาอุ" และพล.อ.สนธิ์กะรินทร์ ผู้นำการทำรัฐประหารสมัยทักกี้ ต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดทั้งนั้น
..... เมื่อมีการเรื่มต้นด้วยดีก็น่าจะดีกันไปอย่างต่อเนื่องและถ้าจะมีการจากกันก็น่าจะจากกันด้วยดีไม่ใช่มาฆ่า
มาแกงกันเหมือนผักเหมือนปลาและถ้าพวกท่านยังมีความต้องการอยู่พวกเราประชาชนจะต้องไปสังเวยชีวิต
เพื่อตอบสนองความใคร่ของพวกท่านอีกกี่ร้อยกี่พันชีวิตล่ะเจ้าคะ
แก้ไขล่าสุดโดย goosehhardcore เมื่อ Thu Oct 18, 2012 7:40 pm, ทั้งหมด 4 ครั้ง
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: UPDATE 18-10-2012 : สดๆ วันนี้ป้ามาม่าฝากนิยายภาคพิศดาร มาอีกแระขนาดว่าเข้าบ้านไม่ได้นะนี่ อิอิ!!!
.... ตามที่ได้ตกลงกันด้วยวาจาก่อนให้มีการเลือกตั้งระหว่างฝ่าย"เจ้าชายมะขามเหี่ยว"กับ"ฝ่ายนายใหญ่"
ทำเหมือน"Job descriptions"ว่าเรื่องกระทรวงกลาโหมโรง - ม.IIZ -และการแก้รัฐธรรมนวญมาตราไหนที่ไปมี
ผลกระทบ"เจ้าชายมะขามเตี้ย"หรือไปลดบทบาทของ"ศาลไคฟอง" ซึ่งเป็น"ดาบอาญาสิทธิ์"ของเขานั้นไม่ได้อีก
ทั้งยังมีบางเรื่องที่"คุณขอมา"ก็ต้องอนุโลมกัน....นี่คือสัญญาที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย
..... ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกว่าๆนาย-ก ปู "ยิ่งลักษณ์ ณ ดูไบ" เป็นหนังหน้าไฟเดินอยู่ใน "ดงระเบิด" ที่ฝ่าย"เจ้าชาย"
ได้วางเป็น "กับดัก" เอาไว้และถ้าเดินไม่ดีหรือเดินไม่ระวังก็เหยียบ "กับระเบิด" ระเบิดไปตั้งแต่วันน้ำท่วมในวันนั้น
และจะไม่มีวันนี้อย่างแน่นอน
..... ถึงแม้ว่าสัญญาไม่ได้เกิดขึ้นด้วยลายลักษณ์อักษรก็ตาม แต่สัญญานั้นมันเกิดติดอยู่ที่จิตใจติดอยู่ที่"ใต้จิต
สำนึก"ของ"นาย-กปู"และผู้ใหญ่อีกหลายคน จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้จะเห็นได้ว่า "เพื่อทัย"จะทำอะไรให้กับประ
ชาชนสักอย่างก็ต้องเจอ กับ "ระเบิด" เวลาที่ฝ่ายเขาตั้งเอาไว้อย่างกรณีที่รับ "จำนำข้าว" ซึ่งเป็นผลประโยชน์ให้
กับชาวนาซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติเป็นผู้ผลิดข้าว แต่กระดูกสันหลังของชาติกลับยากจนกันอย่างต่อ
เนื่องเรื่อยมาจนจะเรียกได้ว่ายากจนอย่างถาวรก็ว่าได้ แต่คนที่ร่ำรวยนั้นก็คือเจ้าของ "โกดังสีข้าว" ไปไหนก็ขับ
รถเบ็นซ์ไปทั้งนั้น
..... เมื่อมองไปข้างหน้ายิ่งแลเห็น "กับระเบิด" ที่ฝ่ายเขาวางเอาไว้เต็มถนนและเต็มท้องทุ่งนา ซึ่งยากที่จะฟัน
ฝ่าออกไปได้ง่ายๆและถ้าจะ "หักพร้าด้วยเข่า" ก็คงยากอีกเพราะฝ่ายเรา "มีแต่คน แต่ไม่มีของ" จะเอาอะไรไปสู้กับ
ฝ่ายเขาเพราะประสบการณ์ 19 พค 553 ได้เป็นครูให้บทเรียนสอนใจมาแล้วเป็นอย่างดี จึงหาทางหลีกเลี่ยง
ไม่ให้มีการปะทะกันเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆก็ตาม จึงยอมตัวเป็นหนังหน้าไฟ "ยอมงอ" เข้าหมอบคลานยอม
เสียสละ "ศักดิ์ศรีนาย-กรัฐมนตรี" ให้ประชาชนบางส่วนด่ากร่นว่าเป็นนายกฯ แต่ไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรได้และ
เป็นที่แน่เสียยิ่งกว่าแน่เสียอีกถ้า "เพื่อทัย"ทำอะไรออกหน้าก่อนประชาชนร้องขอละก็ถูก "ระเบิด" ไปนานแล้ว
ดังนั้นรัฐบาลจึงจะต้องให้ประชาชนร้องขอมาก่อนแล้วรัฐบาลจึงค่อยทำตามที่หลังและขนาดรัฐบาลทำตามหลัง
ก็ยังทำลำบากเลยเจ้าค่ะ
..... เมื่อฝ่ายหนึ่ง"นาย-กปู"เข้าหมอบคลานเพราะเดินตามรอยสุภาษิตว่า "น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย" ให้
ตายใจว่ายังเป็น "มิตร" ที่ดีต่อกับ แต่อีกฝ่ายหนึ่งปล่อยให้ พพล.อ."สุกกัมพัล สุวรรณบันทัต"เล่นอีกบทหนึ่งก็เพราะว่า
ประชาชนเรียกร้องให้เอาเรื่องคุณ "อภิสิทธิ์ หล่อลากไส้" หนีทหารให้ได้และเรื่องนี่ "คุณขอมาโดยกงกง" จึงเปิด
การเจรจาต่อรองระหว่างคุณ"อภิสิทธิ์"กับ"แกนนำน้ำแดง"ทั้ง17คน
..... ถ้า พพล.อ."สุกกัมพัล สุวรรณบันทัต"เล่นงานจับคุณ"อภิสิทธิ์"ละก็"แกนนำน้ำแดง"ทั้งหมดก็ไม่รอดเหมือนกัน...นี่คือคำทิ้ง
ท้ายของ"เฒ่ากงกง ณ.หลายเสา"กล่าวคำอาฆาตเอาไว้
..... วันนี้"นายใหญ่"ได้ส่งสัญญาณให้ พพล.อ."สุกกัมพัล สุวรรณบันทัต"ลงดาบได้แล้วและการลงดาบที่คุณ"อภิ
สิทธิ์"เป็นดาบแรกก็เหมือนกันกับไม่ไว้หน้าฝ่ายเขาเพราะคุณ"อภิสิทธิ์"ก็คือคนของ"เจ้าชายมะขามเตี้ย"และ
การลงดาบในครั้งนี้ก็เหมือนกับการเรื่ม"เปิดศึก"กับฝ่าย"เจ้าชายมะขามเตี้ย"อย่างแน่นอน
นิรนาม(UNKNOWNX
ทำเหมือน"Job descriptions"ว่าเรื่องกระทรวงกลาโหมโรง - ม.IIZ -และการแก้รัฐธรรมนวญมาตราไหนที่ไปมี
ผลกระทบ"เจ้าชายมะขามเตี้ย"หรือไปลดบทบาทของ"ศาลไคฟอง" ซึ่งเป็น"ดาบอาญาสิทธิ์"ของเขานั้นไม่ได้อีก
ทั้งยังมีบางเรื่องที่"คุณขอมา"ก็ต้องอนุโลมกัน....นี่คือสัญญาที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย
..... ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกว่าๆนาย-ก ปู "ยิ่งลักษณ์ ณ ดูไบ" เป็นหนังหน้าไฟเดินอยู่ใน "ดงระเบิด" ที่ฝ่าย"เจ้าชาย"
ได้วางเป็น "กับดัก" เอาไว้และถ้าเดินไม่ดีหรือเดินไม่ระวังก็เหยียบ "กับระเบิด" ระเบิดไปตั้งแต่วันน้ำท่วมในวันนั้น
และจะไม่มีวันนี้อย่างแน่นอน
..... ถึงแม้ว่าสัญญาไม่ได้เกิดขึ้นด้วยลายลักษณ์อักษรก็ตาม แต่สัญญานั้นมันเกิดติดอยู่ที่จิตใจติดอยู่ที่"ใต้จิต
สำนึก"ของ"นาย-กปู"และผู้ใหญ่อีกหลายคน จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้จะเห็นได้ว่า "เพื่อทัย"จะทำอะไรให้กับประ
ชาชนสักอย่างก็ต้องเจอ กับ "ระเบิด" เวลาที่ฝ่ายเขาตั้งเอาไว้อย่างกรณีที่รับ "จำนำข้าว" ซึ่งเป็นผลประโยชน์ให้
กับชาวนาซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติเป็นผู้ผลิดข้าว แต่กระดูกสันหลังของชาติกลับยากจนกันอย่างต่อ
เนื่องเรื่อยมาจนจะเรียกได้ว่ายากจนอย่างถาวรก็ว่าได้ แต่คนที่ร่ำรวยนั้นก็คือเจ้าของ "โกดังสีข้าว" ไปไหนก็ขับ
รถเบ็นซ์ไปทั้งนั้น
..... เมื่อมองไปข้างหน้ายิ่งแลเห็น "กับระเบิด" ที่ฝ่ายเขาวางเอาไว้เต็มถนนและเต็มท้องทุ่งนา ซึ่งยากที่จะฟัน
ฝ่าออกไปได้ง่ายๆและถ้าจะ "หักพร้าด้วยเข่า" ก็คงยากอีกเพราะฝ่ายเรา "มีแต่คน แต่ไม่มีของ" จะเอาอะไรไปสู้กับ
ฝ่ายเขาเพราะประสบการณ์ 19 พค 553 ได้เป็นครูให้บทเรียนสอนใจมาแล้วเป็นอย่างดี จึงหาทางหลีกเลี่ยง
ไม่ให้มีการปะทะกันเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆก็ตาม จึงยอมตัวเป็นหนังหน้าไฟ "ยอมงอ" เข้าหมอบคลานยอม
เสียสละ "ศักดิ์ศรีนาย-กรัฐมนตรี" ให้ประชาชนบางส่วนด่ากร่นว่าเป็นนายกฯ แต่ไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรได้และ
เป็นที่แน่เสียยิ่งกว่าแน่เสียอีกถ้า "เพื่อทัย"ทำอะไรออกหน้าก่อนประชาชนร้องขอละก็ถูก "ระเบิด" ไปนานแล้ว
ดังนั้นรัฐบาลจึงจะต้องให้ประชาชนร้องขอมาก่อนแล้วรัฐบาลจึงค่อยทำตามที่หลังและขนาดรัฐบาลทำตามหลัง
ก็ยังทำลำบากเลยเจ้าค่ะ
..... เมื่อฝ่ายหนึ่ง"นาย-กปู"เข้าหมอบคลานเพราะเดินตามรอยสุภาษิตว่า "น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย" ให้
ตายใจว่ายังเป็น "มิตร" ที่ดีต่อกับ แต่อีกฝ่ายหนึ่งปล่อยให้ พพล.อ."สุกกัมพัล สุวรรณบันทัต"เล่นอีกบทหนึ่งก็เพราะว่า
ประชาชนเรียกร้องให้เอาเรื่องคุณ "อภิสิทธิ์ หล่อลากไส้" หนีทหารให้ได้และเรื่องนี่ "คุณขอมาโดยกงกง" จึงเปิด
การเจรจาต่อรองระหว่างคุณ"อภิสิทธิ์"กับ"แกนนำน้ำแดง"ทั้ง17คน
..... ถ้า พพล.อ."สุกกัมพัล สุวรรณบันทัต"เล่นงานจับคุณ"อภิสิทธิ์"ละก็"แกนนำน้ำแดง"ทั้งหมดก็ไม่รอดเหมือนกัน...นี่คือคำทิ้ง
ท้ายของ"เฒ่ากงกง ณ.หลายเสา"กล่าวคำอาฆาตเอาไว้
..... วันนี้"นายใหญ่"ได้ส่งสัญญาณให้ พพล.อ."สุกกัมพัล สุวรรณบันทัต"ลงดาบได้แล้วและการลงดาบที่คุณ"อภิ
สิทธิ์"เป็นดาบแรกก็เหมือนกันกับไม่ไว้หน้าฝ่ายเขาเพราะคุณ"อภิสิทธิ์"ก็คือคนของ"เจ้าชายมะขามเตี้ย"และ
การลงดาบในครั้งนี้ก็เหมือนกับการเรื่ม"เปิดศึก"กับฝ่าย"เจ้าชายมะขามเตี้ย"อย่างแน่นอน
นิรนาม(UNKNOWNX
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: UPDATE 18-10-2012 : สดๆ วันนี้ป้ามาม่าฝากนิยายภาคพิศดาร มาอีกแระขนาดว่าเข้าบ้านไม่ได้นะนี่ อิอิ!!!
.... เรียนผู้อ่านทุกๆท่าน โปรดได้ใช้วิจารณญาณในการอ่านนิยายน้ำเน่าเต้าข่าวขึ้นมาเอง
โดยปราศจากข้อมูล-เหตุผล-ตรรกะ-ปรัชญาและกฎหมาย ดังนั้นกระทู้ของ"หมอตำแย"คนที่มี
ความรู้น้อยด้อยปัญญาจึงคิดได้เพียงแค่นี้และยังจะต้องการให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันแนะนำแนว
ทางอันจะก่อให้เกิด"แสงประทีป"ในภายภาคหน้าให้ด้วยและกระทู้ของ"หมอ"จึงเหมาะกับกลุ่มผู้อ่าน
ที่ตกคำนวนเช่น 2+2=5 หรือ 5+5=8 เอาไว้ถ้ามีเวลาวันไหนจะเขียน"เปิดใจหัวใจสีแดง"ให้ฟัง
..... จาก"หมอชาวบ้าน"ที่มีความรู้น้อยด้อยปัญญาคนหนึ่งแลเห็นมีคนใส่เสื้อ"เรารักพระบรม"ออกมา
ก็นึกแบบคนทาน"ข้าวสาลี"ว่าเขากำลัง"สื่อ"อะไรออกมา จากนั้นก็นั่งเทียน"เสี่ยงติ้ว"เขย่าออกมาได้ใจ
ความว่าฝ่ายเขาต้องการให้อีกฝ่ายหนึ่งทำเสื้อ"เรารักพระเพทเพท"ออกมาจะได้แลเห็นทั้ง 3 ฝ่ายได้ในเวลาไล่
เลี่ยกันเพราะเสื้อ"ทรง..เจ-ริน"ที่ทำเอาไว้ 5.000 ตัวแต่เอามาแจกในวันที่ไปกองปราบแค่ 300 ตัวยังแจก
ไม่หมดเพราะไม่มีคนใส่เพราะคนที่ไปในวันนั้นไม่ได้ไปด้วยใจทั้งหมดนั่นเอง
..... โชคดีที่ไม่มีใครทำเสื้อ"เรารักพระเพทเพท"ขึ้นมาเพราะถ้าใครใส่เสื้อ"จงเจ-ริน - เรารักพระปรมมหรือ
เรารักพระเพทเพท"ขึ้นมาละก็จะทำให้เข้าสูตรประเมินผลออกมาได้ว่าประชาชนยัง"อวย"ยังชอบหมอบกราบทั้ง
คนและdoggiมาก-น้อยเพียงใดและสูตรที่สองก็คือคนที่ใส่เสื้อต่างกันที้ง 3 กลุ่มจะเกิดขัดแย้งกันเองเพราะแต่
ละกลุ่มที่มีความนิยมชมชอบในตัวบุคคลไม่เหมือนกันและถ้ามีการขัดแย้งกับขึ้นนั่นย่อมจะหมายความว่าประ
ชาชนคนไทยได้แตกจนละเอียดเฉียดเส้นด้าย...หักง่าย...หักง่ายและหักง่าย
..... มีข่าวจากสำนักไหนไม่ขอเอ่ยนามให้สะท้านทรวงเพราะเป็นเพื่อนอยู่แนวหน้าร่วม"รบ"ได้บอกว่าภายใน
ครอบครัว"อลวน"ทะเลาะกันที่ศิโรราบขนาดขึ้นมึงขึ้นกูกันเลยนั้น แต่สายข่าวคนเดินดินกินข้าวแกงและปัญญา
น้อยกลับบอกว่าไม่ถึงขนาดนั้นเพราะเป็นถึงระดับผู้นำของประเทศจะกล้าทำอย่างนั้นต่อหน้าฐานะกำนัลได้
อย่างไร
..... อย่างไรก็ดีข่าวที่ออกมาจากแหล่งข่าวเดียวกัน แต่ทำไมข่าวจึงไม่เหมือนกันเป็นเพราะ"เต้าข่าวหรือนั่ง
เทียนเสียงติ้ว"ออกบอกด้วยใบเซียมซีหรือถูกภายในฝ่ายเขาลวงให้พวกเราสับสนชนกันเอง....วันนี้พูดไปสอง
ไผ่เบี้ย นิ่งเสียรอเอาไว้ให้เหมือนวันที่ 19 รอบสองมาบอก คำตอบคงจะดี.....!!!!!
โดยปราศจากข้อมูล-เหตุผล-ตรรกะ-ปรัชญาและกฎหมาย ดังนั้นกระทู้ของ"หมอตำแย"คนที่มี
ความรู้น้อยด้อยปัญญาจึงคิดได้เพียงแค่นี้และยังจะต้องการให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันแนะนำแนว
ทางอันจะก่อให้เกิด"แสงประทีป"ในภายภาคหน้าให้ด้วยและกระทู้ของ"หมอ"จึงเหมาะกับกลุ่มผู้อ่าน
ที่ตกคำนวนเช่น 2+2=5 หรือ 5+5=8 เอาไว้ถ้ามีเวลาวันไหนจะเขียน"เปิดใจหัวใจสีแดง"ให้ฟัง
..... จาก"หมอชาวบ้าน"ที่มีความรู้น้อยด้อยปัญญาคนหนึ่งแลเห็นมีคนใส่เสื้อ"เรารักพระบรม"ออกมา
ก็นึกแบบคนทาน"ข้าวสาลี"ว่าเขากำลัง"สื่อ"อะไรออกมา จากนั้นก็นั่งเทียน"เสี่ยงติ้ว"เขย่าออกมาได้ใจ
ความว่าฝ่ายเขาต้องการให้อีกฝ่ายหนึ่งทำเสื้อ"เรารักพระเพทเพท"ออกมาจะได้แลเห็นทั้ง 3 ฝ่ายได้ในเวลาไล่
เลี่ยกันเพราะเสื้อ"ทรง..เจ-ริน"ที่ทำเอาไว้ 5.000 ตัวแต่เอามาแจกในวันที่ไปกองปราบแค่ 300 ตัวยังแจก
ไม่หมดเพราะไม่มีคนใส่เพราะคนที่ไปในวันนั้นไม่ได้ไปด้วยใจทั้งหมดนั่นเอง
..... โชคดีที่ไม่มีใครทำเสื้อ"เรารักพระเพทเพท"ขึ้นมาเพราะถ้าใครใส่เสื้อ"จงเจ-ริน - เรารักพระปรมมหรือ
เรารักพระเพทเพท"ขึ้นมาละก็จะทำให้เข้าสูตรประเมินผลออกมาได้ว่าประชาชนยัง"อวย"ยังชอบหมอบกราบทั้ง
คนและdoggiมาก-น้อยเพียงใดและสูตรที่สองก็คือคนที่ใส่เสื้อต่างกันที้ง 3 กลุ่มจะเกิดขัดแย้งกันเองเพราะแต่
ละกลุ่มที่มีความนิยมชมชอบในตัวบุคคลไม่เหมือนกันและถ้ามีการขัดแย้งกับขึ้นนั่นย่อมจะหมายความว่าประ
ชาชนคนไทยได้แตกจนละเอียดเฉียดเส้นด้าย...หักง่าย...หักง่ายและหักง่าย
..... มีข่าวจากสำนักไหนไม่ขอเอ่ยนามให้สะท้านทรวงเพราะเป็นเพื่อนอยู่แนวหน้าร่วม"รบ"ได้บอกว่าภายใน
ครอบครัว"อลวน"ทะเลาะกันที่ศิโรราบขนาดขึ้นมึงขึ้นกูกันเลยนั้น แต่สายข่าวคนเดินดินกินข้าวแกงและปัญญา
น้อยกลับบอกว่าไม่ถึงขนาดนั้นเพราะเป็นถึงระดับผู้นำของประเทศจะกล้าทำอย่างนั้นต่อหน้าฐานะกำนัลได้
อย่างไร
..... อย่างไรก็ดีข่าวที่ออกมาจากแหล่งข่าวเดียวกัน แต่ทำไมข่าวจึงไม่เหมือนกันเป็นเพราะ"เต้าข่าวหรือนั่ง
เทียนเสียงติ้ว"ออกบอกด้วยใบเซียมซีหรือถูกภายในฝ่ายเขาลวงให้พวกเราสับสนชนกันเอง....วันนี้พูดไปสอง
ไผ่เบี้ย นิ่งเสียรอเอาไว้ให้เหมือนวันที่ 19 รอบสองมาบอก คำตอบคงจะดี.....!!!!!
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: UPDATE 18-10-2012 : สดๆ วันนี้ป้ามาม่าฝากนิยายภาคพิศดาร มาอีกแระขนาดว่าเข้าบ้านไม่ได้นะนี่ อิอิ!!!
.........................
... เป็นที่น่าจับตามากที่สุดในกรณีที่นาย"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน"ที่ถูกยิงเมื่อวันที่ 19 พ.ค 53 และได้พักรักษาตัว
อยู่มาได้ถึง 2 ปีเศษ แต่พอวันที่ 1 ตุลาคม นี้คุณ"คิตตี้ไชยย"ได้ไปหาคุณ"หมอ"ที่ศิโรราบ แต่กลับตายไปในวันรุ่งขึ้น
อย่างไม่มีใครได้คาดคิดมาก่อน
..... วันนี้จึงมีคำถามขึ้นมาอย่างมากมายว่าทำไมต้องมาเสียชีวิตและทำไมต้องมาเสียชีวิตชนิดฉับพลันด้วย
ด้วยน้ำมือของ"หมอ"ศิโรราบด้วย..?????
..... 1. ถ้าคุณ"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน" ไม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิโรราบจะเสียชีวิตไหม...???
..... 2. คุณ"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน" อยู่มาได้ถึง 2 ปีกว่าๆ ถ้ามีโรคแทรกซ้อนจริงๆก็คงจะอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปีใช่ไหมคะ.?
..... 3. คุณ"หมอ"มือเพชรฆาตคนนี้มีชื่อว่าอะไรและใช้ยาชนิดไหนฉีดให้คนไข้และการให้"โดสยา"ที่ฉีดเข้าไป
เพื่อละลายก้อนเลือดที่อุดตัน จนดันก้อนเลือดไปอุดทางเดินเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงหัวใจนั้นมาก"เกินโดส"หรือ
เปล่าเพราะข่าวว่าคนไข้ "น๊อค"และเสียชีวิตหลังจากที่ได้รับการฉีดยาจากคุณ"หมอ"เพชรฆาตไม่นาน...???
..... 4. ถ้าคุณ"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน"ไม่ได้เป็นพยานปากเอกที่เห็นเหตุการณ์ในวันฆ่าประชาชนใน"เขตอภัยทาน"
คุณ"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน"จะต้องมาเสียชีวิตชนิดฉับพลันแบบนี้ไหมคะ...???
..... เรื่องขบวนการ"อำมหิต"เคยบอกไปแล้วว่าฝ่านเขามีไว้ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคของเอก
ชนเพราะนิยามของเขาก็คือ"ถ้าคุณไม่ฆ่าตามสั่ง คุณเองก็จะถูกฆ่าทั้งครอบครัว"เลือกเอา ดังนั้นไม่ว่าใครๆก็
กลัวตายยกตระกูลด้วยกันทั้งนั้น ต่างจึงรีบจัดการกับ"เหยื่อ"ทุกรายที่เข้าทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
..... อย่างไรก็ตาม"หมอตำแย"จะพยายามหาตัว"หมอเพชรฆาต"คนนี้เป็นใครและใช้ยาชนิดไหนและให้"โดส"
มากเกินไปจนคนไข้รับไม่ได้หรือเปล่าหรือมีใครที่มีความสามารถที่จะช่วยเรื่องนี้ให้ด้วยจะขอบพระคุณเป็น
อย่างยิ่งเจ้าค่ะ
... เป็นที่น่าจับตามากที่สุดในกรณีที่นาย"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน"ที่ถูกยิงเมื่อวันที่ 19 พ.ค 53 และได้พักรักษาตัว
อยู่มาได้ถึง 2 ปีเศษ แต่พอวันที่ 1 ตุลาคม นี้คุณ"คิตตี้ไชยย"ได้ไปหาคุณ"หมอ"ที่ศิโรราบ แต่กลับตายไปในวันรุ่งขึ้น
อย่างไม่มีใครได้คาดคิดมาก่อน
..... วันนี้จึงมีคำถามขึ้นมาอย่างมากมายว่าทำไมต้องมาเสียชีวิตและทำไมต้องมาเสียชีวิตชนิดฉับพลันด้วย
ด้วยน้ำมือของ"หมอ"ศิโรราบด้วย..?????
..... 1. ถ้าคุณ"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน" ไม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิโรราบจะเสียชีวิตไหม...???
..... 2. คุณ"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน" อยู่มาได้ถึง 2 ปีกว่าๆ ถ้ามีโรคแทรกซ้อนจริงๆก็คงจะอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปีใช่ไหมคะ.?
..... 3. คุณ"หมอ"มือเพชรฆาตคนนี้มีชื่อว่าอะไรและใช้ยาชนิดไหนฉีดให้คนไข้และการให้"โดสยา"ที่ฉีดเข้าไป
เพื่อละลายก้อนเลือดที่อุดตัน จนดันก้อนเลือดไปอุดทางเดินเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงหัวใจนั้นมาก"เกินโดส"หรือ
เปล่าเพราะข่าวว่าคนไข้ "น๊อค"และเสียชีวิตหลังจากที่ได้รับการฉีดยาจากคุณ"หมอ"เพชรฆาตไม่นาน...???
..... 4. ถ้าคุณ"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน"ไม่ได้เป็นพยานปากเอกที่เห็นเหตุการณ์ในวันฆ่าประชาชนใน"เขตอภัยทาน"
คุณ"คิตตี้ไชย เข้มแข็งขัน"จะต้องมาเสียชีวิตชนิดฉับพลันแบบนี้ไหมคะ...???
..... เรื่องขบวนการ"อำมหิต"เคยบอกไปแล้วว่าฝ่านเขามีไว้ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคของเอก
ชนเพราะนิยามของเขาก็คือ"ถ้าคุณไม่ฆ่าตามสั่ง คุณเองก็จะถูกฆ่าทั้งครอบครัว"เลือกเอา ดังนั้นไม่ว่าใครๆก็
กลัวตายยกตระกูลด้วยกันทั้งนั้น ต่างจึงรีบจัดการกับ"เหยื่อ"ทุกรายที่เข้าทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
..... อย่างไรก็ตาม"หมอตำแย"จะพยายามหาตัว"หมอเพชรฆาต"คนนี้เป็นใครและใช้ยาชนิดไหนและให้"โดส"
มากเกินไปจนคนไข้รับไม่ได้หรือเปล่าหรือมีใครที่มีความสามารถที่จะช่วยเรื่องนี้ให้ด้วยจะขอบพระคุณเป็น
อย่างยิ่งเจ้าค่ะ
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: UPDATE 18-10-2012 : สดๆ วันนี้ป้ามาม่าฝากนิยายภาคพิศดาร มาอีกแระขนาดว่าเข้าบ้านไม่ได้นะนี่ อิอิ!!!
มีต่ออีกตอน...
......................
เวปบอร์ด คนลาวเด้อ เขาลือกันวันนี้
คณะแพทย์ ตรวจสอบล่าสุด ท่านบอร์ดปาป้ากาก้าติดเชื้อไวรัส ไขสันหลัง อย่างหนัก และยังไม่สามารถระบุว่าไวรัสชนิดอะไร ทำให้แพทย์หนักใจมากในการรักษา
ขณะนี้ ทหารรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเสี่ยได้ตรึงกำลังในบ้านเต็มพิกัดเพื่อความปลอดภัยส่วนตัวในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดหมาย
การเมืองวิเคราะห์--เพิ่งได้รับรายงานตอนสามโมงบ่าย ยืนยันข้อมูลไม่ใช่มาจากสองแถว หมายความว่าอาการบอร์ดน่าเป็นห่วงกว่าปลาวาฬ
เดิมทีเดียวปลาวาฬดูน่าเป็นห่วงกว่าแต่ตอนนี้ บอร์ดมีสิทธิ์ไปได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเรื่องเชื้อไวรัสตัวนี้หมอเป็นห่วงมากเพราะยังหาตัวแก้ไม่ได้
นี้คือสาเหตุที่เสี่ย ระดมทหารเตรียมรับมือเต็มที่ เพราะกลัวชุลมุนหน้าโก เกิดบอลล์เข้าประตูกระทันหัน รอมาแล้วห้าสิบปี ขี้เกียจรอต่ออีกห้าสิบปี 555
ข่าวนี้เชื่อถือได้ค่อนข้างสูงพวกเราต่อไปนี้ต้องจับตาดูไม่กระพริบว่าพี่ชายน้องสาวจะเล่นเกมไหน
และที่น้าเหลิมพูดว่าจะให้ตำรวจพาทักแม้วกลับบ้านไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าบอร์ดไปจริงๆ ทุกอย่างจบหมด
ห้อยโหน120รู้เรื่องนี้แน่จึงลาออกจากการเมืองเพื่อเซฟตัวเอง (ไปเตะบอลล์ดีกว่า 55555) เพราะดูแล้วว่า พทท และ นปชก เสื้อแดงชนะแน่นอน ช้าหรือเร็ว
......................
เวปบอร์ด คนลาวเด้อ เขาลือกันวันนี้
คณะแพทย์ ตรวจสอบล่าสุด ท่านบอร์ดปาป้ากาก้าติดเชื้อไวรัส ไขสันหลัง อย่างหนัก และยังไม่สามารถระบุว่าไวรัสชนิดอะไร ทำให้แพทย์หนักใจมากในการรักษา
ขณะนี้ ทหารรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเสี่ยได้ตรึงกำลังในบ้านเต็มพิกัดเพื่อความปลอดภัยส่วนตัวในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดหมาย
การเมืองวิเคราะห์--เพิ่งได้รับรายงานตอนสามโมงบ่าย ยืนยันข้อมูลไม่ใช่มาจากสองแถว หมายความว่าอาการบอร์ดน่าเป็นห่วงกว่าปลาวาฬ
เดิมทีเดียวปลาวาฬดูน่าเป็นห่วงกว่าแต่ตอนนี้ บอร์ดมีสิทธิ์ไปได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเรื่องเชื้อไวรัสตัวนี้หมอเป็นห่วงมากเพราะยังหาตัวแก้ไม่ได้
นี้คือสาเหตุที่เสี่ย ระดมทหารเตรียมรับมือเต็มที่ เพราะกลัวชุลมุนหน้าโก เกิดบอลล์เข้าประตูกระทันหัน รอมาแล้วห้าสิบปี ขี้เกียจรอต่ออีกห้าสิบปี 555
ข่าวนี้เชื่อถือได้ค่อนข้างสูงพวกเราต่อไปนี้ต้องจับตาดูไม่กระพริบว่าพี่ชายน้องสาวจะเล่นเกมไหน
และที่น้าเหลิมพูดว่าจะให้ตำรวจพาทักแม้วกลับบ้านไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าบอร์ดไปจริงๆ ทุกอย่างจบหมด
ห้อยโหน120รู้เรื่องนี้แน่จึงลาออกจากการเมืองเพื่อเซฟตัวเอง (ไปเตะบอลล์ดีกว่า 55555) เพราะดูแล้วว่า พทท และ นปชก เสื้อแดงชนะแน่นอน ช้าหรือเร็ว
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: UPDATE 18-10-2012 : สดๆ วันนี้ป้ามาม่าฝากนิยายภาคพิศดาร มาอีกแระขนาดว่าเข้าบ้านไม่ได้นะนี่ อิอิ!!!
(อาจ) มีคนหาย...
(ปล. ป้าพัดตั้งชื่อให้เองแหละ... ส่งมาด้วนๆ นิ ต้องเล่นซะหน่อย ... เอิ๊กกกก)
------------------------------------------------------
..... โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและโปรดใช้สติปัญญาในการเข้าใจในข้อความต่อไปนี้
เพราะไม่มีอยู่ในตำราและไม่ปรากฎในทฤษฎี2+2=4และจขกทก็มิได้นอนเฝ้าคนไข้แต่ประ
การใด นอกจากสายข่าวจากคนเดินดินกินข้าวแกงรายงานมาเท่านั้นค่ะ
..... ตามที่ได้มีข่าวเล็ดรอดออกมาว่า"อาเหล่ากง"ถูกอุ้มไปหลายวันแล้ว จึงทำให้ศิริราช
เงียบผิดปกติ จึงให้สายข่าวออกไปสำรวจตรวจหาความจริงและได้ความตามนี้คือ
..... จากการได้สอบถามยามที่เฝ้าอยู่แถวตรอกวังหลังทั้งสองกะว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วจนมา
ถึงวันนี้เช้าวันนี้เวลา 10.30 นว่าได้เห็นตำรวจยืนและรถยนต์สัก 3-5 คันออกจากโรงพยาบาล
ศิริราชไหม.... คำตอบจากยามว่าผมต้องเดินทั้งคืนแต่ไม่เห็นมีตำรวจและรถเป็นขบวน 4-5 คัน
ออกจากศิริราชเลยและเหตุการณ์ก็เป็นปกติเหมือนกันกับอาทิตย์ที่ผ่านมา
..... จากนั้นก็ได้ถามยามที่อยู่ในระแวกศิริราชว่าได้เห็นมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและมีรถยนต์หลายๆ
คันมารับไปไหม ..... คำตอบว่าผมเฝ้ามาทั้งคืนและเป็นคนดูแลตึกนี้มานานแล้วไม่เห็นมีการเคลื่อน
ย้ายใครที่มีรถเป็นขบวนหลายคันออกจากโรงพยาบาลเลยและผมก็ไม่เห็นมีตำรวจมายืนแถวหน้าโรง
พยาบาลเลยและทุกๆอย่างก็เป็นเหมือนเดิมเมื่อ10กว่าวันก่อนโน้น
..... ข่าวคนข้างนอกแต่ไปรู้เรื่องของคนข้างในว่า "อาเหล่ากง"และ"อาเหล่าม่า"ยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน
อาการของ"อาเหล่ากง"ดีขึ้น(ไม่ใช้เดินได้หรือวิ่งได้นะคะ)แค่นั่งได้ แต่คุณหมอต้องช่วยกันพยุงขึ้นและดู
ทีวี-อ่านหนังสือได้เป็นบางครั้งและคุณหมอจะเน้นไม่ให้คิดมากจนเคลียดเพราะถ้าเคลียดจะมีผลกระทบกับ
สมองทันที ส่วน"อาเหล่าม่า"อาการเหมือนเดิมและที่แหล่งข่าวแจ้งมาว่าเหมือนเดิมนั้นก็ไม่รู้ว่าเหมือนเดิม
ขนาดไหนนะคะเพราะขณะนี้เขาระวังมากที่สุดที่มีข่าวภายในรั่วออกไปภายนอก ดังนั้นตอนนี้ก็เช็คข่าวได้แค่
สื่อสารกันด้วยการพยักหน้าและแววตาแค่ให้รู้ว่าอาการเป็นอย่างไรเท่านั้นและถ้าบอกละเอียดเหมือนแต่ก่อน
คนที่จะไปเฝ้ายมพบาลก็คือคุณหมอผู้ที่อยู่ใกล้ชิดนั่นเองและหวังว่าผู้อ่านทุกๆท่านคงจะเข้าใจตามนี้นะเจ้าคะ
(ปล. ป้าพัดตั้งชื่อให้เองแหละ... ส่งมาด้วนๆ นิ ต้องเล่นซะหน่อย ... เอิ๊กกกก)
------------------------------------------------------
..... โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและโปรดใช้สติปัญญาในการเข้าใจในข้อความต่อไปนี้
เพราะไม่มีอยู่ในตำราและไม่ปรากฎในทฤษฎี2+2=4และจขกทก็มิได้นอนเฝ้าคนไข้แต่ประ
การใด นอกจากสายข่าวจากคนเดินดินกินข้าวแกงรายงานมาเท่านั้นค่ะ
..... ตามที่ได้มีข่าวเล็ดรอดออกมาว่า"อาเหล่ากง"ถูกอุ้มไปหลายวันแล้ว จึงทำให้ศิริราช
เงียบผิดปกติ จึงให้สายข่าวออกไปสำรวจตรวจหาความจริงและได้ความตามนี้คือ
..... จากการได้สอบถามยามที่เฝ้าอยู่แถวตรอกวังหลังทั้งสองกะว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วจนมา
ถึงวันนี้เช้าวันนี้เวลา 10.30 นว่าได้เห็นตำรวจยืนและรถยนต์สัก 3-5 คันออกจากโรงพยาบาล
ศิริราชไหม.... คำตอบจากยามว่าผมต้องเดินทั้งคืนแต่ไม่เห็นมีตำรวจและรถเป็นขบวน 4-5 คัน
ออกจากศิริราชเลยและเหตุการณ์ก็เป็นปกติเหมือนกันกับอาทิตย์ที่ผ่านมา
..... จากนั้นก็ได้ถามยามที่อยู่ในระแวกศิริราชว่าได้เห็นมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและมีรถยนต์หลายๆ
คันมารับไปไหม ..... คำตอบว่าผมเฝ้ามาทั้งคืนและเป็นคนดูแลตึกนี้มานานแล้วไม่เห็นมีการเคลื่อน
ย้ายใครที่มีรถเป็นขบวนหลายคันออกจากโรงพยาบาลเลยและผมก็ไม่เห็นมีตำรวจมายืนแถวหน้าโรง
พยาบาลเลยและทุกๆอย่างก็เป็นเหมือนเดิมเมื่อ10กว่าวันก่อนโน้น
..... ข่าวคนข้างนอกแต่ไปรู้เรื่องของคนข้างในว่า "อาเหล่ากง"และ"อาเหล่าม่า"ยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน
อาการของ"อาเหล่ากง"ดีขึ้น(ไม่ใช้เดินได้หรือวิ่งได้นะคะ)แค่นั่งได้ แต่คุณหมอต้องช่วยกันพยุงขึ้นและดู
ทีวี-อ่านหนังสือได้เป็นบางครั้งและคุณหมอจะเน้นไม่ให้คิดมากจนเคลียดเพราะถ้าเคลียดจะมีผลกระทบกับ
สมองทันที ส่วน"อาเหล่าม่า"อาการเหมือนเดิมและที่แหล่งข่าวแจ้งมาว่าเหมือนเดิมนั้นก็ไม่รู้ว่าเหมือนเดิม
ขนาดไหนนะคะเพราะขณะนี้เขาระวังมากที่สุดที่มีข่าวภายในรั่วออกไปภายนอก ดังนั้นตอนนี้ก็เช็คข่าวได้แค่
สื่อสารกันด้วยการพยักหน้าและแววตาแค่ให้รู้ว่าอาการเป็นอย่างไรเท่านั้นและถ้าบอกละเอียดเหมือนแต่ก่อน
คนที่จะไปเฝ้ายมพบาลก็คือคุณหมอผู้ที่อยู่ใกล้ชิดนั่นเองและหวังว่าผู้อ่านทุกๆท่านคงจะเข้าใจตามนี้นะเจ้าคะ
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
Re: UPDATE 18-10-2012 : สดๆ วันนี้ป้ามาม่าฝากนิยายภาคพิศดาร มาอีกแระขนาดว่าเข้าบ้านไม่ได้นะนี่ อิอิ!!!
ถึงป้ามาม่า... ขอ'ญาต ปรับปรุงสักเล็กน้อยถึงปานกลางนะจ้าาา
รู้สึกว่า.. นิยายตอนนี้ ขืนลงไปทั้งดุ้น มันรู้สึกว่าขามันชักจะใกล้ ฮ่องกรง ยังไงพิกล เอิ๊กกกกก
.......................
..... ในน้ำมีปลาในนาย่อมจะมีข้าว แต่เมื่อฝ่าย"เจ้า"ต้องการที่จะแยกปลาออกจากน้ำ
เรื่องคุณหมอ"อรรถวิทย์ รัตนสาระบบ อายุได้แค่ 29 ปีจึงเกิดขึ้นอย่างน่าเสียดาย
..... ในกลุ่มและอาจารย์ผู้สอนคุณหมอ"อรรถวิทย์" รู้ทุกคนว่าคุณหมอเป็นคนรักความเป็นธรรม
รักความยุติธรรม - รักความเสมอภาคและคุณหมอ"อรรถวิทย์"ก็รู้ดีว่าผู้ที่อยู่บนตึกเหนือชั้นขึ้นไป
เป็นคน"สั่งฆ่าประชาชน" ถึงขนาดในห้องนอนเคยปฎิทินที่ได้มาจากแบ้งค์ยังฉีกและขว้างลงพื้น
ต่อหน้าเพื่อนๆร่วมรุ่นขณะที่กินข้าวกลางวันด้วยกันพร้อมกับกล่าวว่า"เสียดายที่ได้กราบไหว้มานาน"
พอความจริงปรากฎเราหมดศรัทธาไปเลย
..... จากปากต่อปากซุบซิบเรื่อง"ขว้างปฎิทิน"ลงพื้นไปถึงหูอาจารย์ผู้สอนคุณหมอ"อรรถวิทย์" จึง
ทำให้อาจารย์ผู้สอนที่มีความจงรักภักผ่อนดีแบ่งนักศึกษาแพทย์ออกเป็นสองกลุ่ม โดยใช้"วิชามาร"เป็น
แผนทำลายคุณ"หมอเสื้อแดง"เพราะเวลาสอนแกจะสอดแทรกอยู่เสมอว่าเราจะต้องจงรักภักผ่อนดีรู้คุณของคนที่มีรูปอยู่ในปฎิทินและถ้าไม่มี
คนนี้พวกเราคงจะไม่มีวันนี้ ฟังดูแล้วเหมือนมีวันนี้เพราะ"เจ้ามือให้"
..... เมื่อนักศึกษาถูก"วิชามาร"เข้าไปเป็นประจำ จึงมีความคิดที่แตกต่างกันออกไปโดยอัตโนมัติ ฝ่ายที่มีความคิดเห็นเหมือนอาจารย์ผู้สอน
นั้นเป็นกลุ่มใหญ่ก็จะได้รับการเอาใจใส่และได้คะแนนที่ดีกว่านักศึกษาที่เห็นต่างเพียงไม่กี่คน อีกทั้งเมื่ออยู่ในกลุ่มเดียวกันคุณหมอ"อรรถ
วิทย์"ยังถูกสายตาและคำพูดที่เสียดสีจากอาจารย์และเพื่อนๆที่อยู่ข้างอาจารย์ผู้สอนหลายครั้งจึงทำให้คุณหมอ"อรรถวิทย์"เคลียดจัดและ
หลายครั้งหลายคราที่คุณหมอ"อรรถวิทย์"ไม่เข้าใจในเรื่องที่สอนพอถามอาจารย์ที่สอนก็บ่ายเบี่ยงว่ายังไม่ว่างที่จะอธิบายให้ฟังเอาไว้วันอื่น
แต่พอถึงวันอื่นก็ไม่ยอมอธิบายให้ฟังอีกและเดียวนี้อาจารย์หมอขาย"เอ็มเวย์"ก็มีเยอะที่"มหาหิดล"เหมือนกันใครที่
เป็น"สาวก"ขาย"เอ็มเวย์"ให้กับอาจารย์ คนนั้นจะได้คะแนนดีกว่าคนอื่นๆ
.... เมื่อเหตุการณ์ใกล้ตัวได้รุมเร้าและบีบคั้น จนถึงนาทีสุดท้ายที่เคลียดจัดคุณหมอ"อรรถวิทย์ รัตนสารบบ" จึงตัดสินใจโดดตึกจากชั้น 11
ลาจากโลกนี้ไปเจ้าค่ะ
--------------------------------------------
รู้สึกว่า.. นิยายตอนนี้ ขืนลงไปทั้งดุ้น มันรู้สึกว่าขามันชักจะใกล้ ฮ่องกรง ยังไงพิกล เอิ๊กกกกก
.......................
..... ในน้ำมีปลาในนาย่อมจะมีข้าว แต่เมื่อฝ่าย"เจ้า"ต้องการที่จะแยกปลาออกจากน้ำ
เรื่องคุณหมอ"อรรถวิทย์ รัตนสาระบบ อายุได้แค่ 29 ปีจึงเกิดขึ้นอย่างน่าเสียดาย
..... ในกลุ่มและอาจารย์ผู้สอนคุณหมอ"อรรถวิทย์" รู้ทุกคนว่าคุณหมอเป็นคนรักความเป็นธรรม
รักความยุติธรรม - รักความเสมอภาคและคุณหมอ"อรรถวิทย์"ก็รู้ดีว่าผู้ที่อยู่บนตึกเหนือชั้นขึ้นไป
เป็นคน"สั่งฆ่าประชาชน" ถึงขนาดในห้องนอนเคยปฎิทินที่ได้มาจากแบ้งค์ยังฉีกและขว้างลงพื้น
ต่อหน้าเพื่อนๆร่วมรุ่นขณะที่กินข้าวกลางวันด้วยกันพร้อมกับกล่าวว่า"เสียดายที่ได้กราบไหว้มานาน"
พอความจริงปรากฎเราหมดศรัทธาไปเลย
..... จากปากต่อปากซุบซิบเรื่อง"ขว้างปฎิทิน"ลงพื้นไปถึงหูอาจารย์ผู้สอนคุณหมอ"อรรถวิทย์" จึง
ทำให้อาจารย์ผู้สอนที่มีความจงรักภักผ่อนดีแบ่งนักศึกษาแพทย์ออกเป็นสองกลุ่ม โดยใช้"วิชามาร"เป็น
แผนทำลายคุณ"หมอเสื้อแดง"เพราะเวลาสอนแกจะสอดแทรกอยู่เสมอว่าเราจะต้องจงรักภักผ่อนดีรู้คุณของคนที่มีรูปอยู่ในปฎิทินและถ้าไม่มี
คนนี้พวกเราคงจะไม่มีวันนี้ ฟังดูแล้วเหมือนมีวันนี้เพราะ"เจ้ามือให้"
..... เมื่อนักศึกษาถูก"วิชามาร"เข้าไปเป็นประจำ จึงมีความคิดที่แตกต่างกันออกไปโดยอัตโนมัติ ฝ่ายที่มีความคิดเห็นเหมือนอาจารย์ผู้สอน
นั้นเป็นกลุ่มใหญ่ก็จะได้รับการเอาใจใส่และได้คะแนนที่ดีกว่านักศึกษาที่เห็นต่างเพียงไม่กี่คน อีกทั้งเมื่ออยู่ในกลุ่มเดียวกันคุณหมอ"อรรถ
วิทย์"ยังถูกสายตาและคำพูดที่เสียดสีจากอาจารย์และเพื่อนๆที่อยู่ข้างอาจารย์ผู้สอนหลายครั้งจึงทำให้คุณหมอ"อรรถวิทย์"เคลียดจัดและ
หลายครั้งหลายคราที่คุณหมอ"อรรถวิทย์"ไม่เข้าใจในเรื่องที่สอนพอถามอาจารย์ที่สอนก็บ่ายเบี่ยงว่ายังไม่ว่างที่จะอธิบายให้ฟังเอาไว้วันอื่น
แต่พอถึงวันอื่นก็ไม่ยอมอธิบายให้ฟังอีกและเดียวนี้อาจารย์หมอขาย"เอ็มเวย์"ก็มีเยอะที่"มหาหิดล"เหมือนกันใครที่
เป็น"สาวก"ขาย"เอ็มเวย์"ให้กับอาจารย์ คนนั้นจะได้คะแนนดีกว่าคนอื่นๆ
.... เมื่อเหตุการณ์ใกล้ตัวได้รุมเร้าและบีบคั้น จนถึงนาทีสุดท้ายที่เคลียดจัดคุณหมอ"อรรถวิทย์ รัตนสารบบ" จึงตัดสินใจโดดตึกจากชั้น 11
ลาจากโลกนี้ไปเจ้าค่ะ
--------------------------------------------
goosehhardcore- Hero gen.seh member
- จำนวนข้อความ : 6012
Join date : 12/06/2010
ที่อยู่ : Bangkok Thailand
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ