GENERAL HERO2010 Member
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

พลิกหลักฐานเด็ด ผลตรวจ"ดีเอ็นเอ" ปลอกกระสุนปืน มัดมือฆ่านายกตุ่น

Go down

พลิกหลักฐานเด็ด ผลตรวจ"ดีเอ็นเอ" ปลอกกระสุนปืน มัดมือฆ่านายกตุ่น Empty พลิกหลักฐานเด็ด ผลตรวจ"ดีเอ็นเอ" ปลอกกระสุนปืน มัดมือฆ่านายกตุ่น

ตั้งหัวข้อ  lucky m. Sat Jan 07, 2012 7:21 am

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน

คนร้ายที่ก่อเหตุด้วยอาวุธปืน จะสามารถทำลายหลักฐาน
เปลี่ยนหรือดัดแปลงชิ้นส่วนปืน
เพื่อให้ผลการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ในภายหลัง
ไม่พบว่าตรงกับหัวกระสุนหรือปลอกกระสุนในคดี ได้หรือไม่

เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ

เปลี่ยนหรือแต่งลำกล้อง เข็มแทงชนวน

แต่ส่วนใหญ่ ด้วยกระบวนการตรวจพิสูจน์ในยุคปัจจุบัน
ถือว่ามีเครื่องมือทันสมัยมากพอ ตรวจพบสิ่งผิดปกติได้ไม่ยาก

เครื่องมือของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานในยุคนี้
แม่นยำเที่ยงตรง จนยากที่จะมีการบิดเบือนคดีได้อีกด้วย

ยกตัวอย่าง
คดีโด่งดังเมื่อเมษายน 2539 มือปืนใช้ 9 ม.ม. สังหารนายแสงชัย สุนทรวัฒน์
ผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. ที่บริหารงานตรงไปตรงมา กล้าชนกับผู้มีอิทธิพล

จนกระทั่งเจ้าแม่ที่เคยครอบครองคลื่นวิทยุ
แล้วถูกยกเลิกสัมปทาน จ้างมือปืนมาปลิดชีวิต!

คดีนี้ตำรวจระดมล่ามือปืนไปทุกตารางนิ้วในประเทศไทย

เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ
เหยื่อกระสุนเป็นผู้มีชื่อเสียง
และรักษาผลประโยชน์ของรัฐอย่างจริงจัง จนตามจับกุมจนได้

ด้วยพยานหลักฐานมากมาย
คนร้ายยอมรับสารภาพ
และให้การซัดทอดจนรวบได้ทั้งขบวนการ ไปจนถึงผู้บงการ

ที่สำคัญยึดอาวุธปืนบาเร็ตต้า 9 ม.ม. ที่ใช้ก่อเหตุได้ด้วย

ขณะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องนั้น

กองพิสูจน์หลักฐานนำปืนของกลางไปตรวจ
แล้วแจ้งพนักงานสอบสวนว่า
ผลการพิสูจน์ไม่ตรงกับหัวกระสุนในคดี!?

ทำเอาตำรวจหงายหลัง

เมื่อสอบสวนมือปืนอีกรอบพบว่า เป็นปืนกระบอกที่ก่อเหตุนั่นแหละ

แต่ผู้ต้องหา ได้ลักลอบปรับแต่งลำกล้อง
โดยใช้กระดาษทรายและน้ำมันโซล่าขัดเกลียวใหม่

เนื่องจากพยานหลักฐานอื่นมีมากพอ
และผู้ต้องหารับว่าไปแต่งเกลียวปืนมาจริง

จึงทำให้คดีนี้ไม่มีปัญหา สามารถส่งผู้ต้องหาไปรับโทษทัณฑ์ได้

อาจมีคนสงสัยว่า แล้วคดียิงนายกตุ่นที่มหาชัย จะเกิดปัญหาแบบนี้หรือไม่!?

ไม่เกิดแน่ เพราะปืนกล็อก .40 นั้น จะมีการตอกเลขเอาไว้ที่ลำกล้องปืน
ยากจะไปสับเปลี่ยน หรือถ้ามีการแต่งเกลียวก็ตรวจพบได้ไม่ยาก

อีกทั้งคนระดับส.ส. คงไม่ประพฤติแบบนี้

เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมยังไม่ส่งให้ตำรวจตรวจ!!


http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPREEzTURFMU5RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1pMHdNUzB3Tnc9PQ==


แก้ไขล่าสุดโดย lucky m. เมื่อ Sun Jan 15, 2012 8:22 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
lucky m.
lucky m.
Hero gen.seh member
Hero gen.seh member

จำนวนข้อความ : 2803
Join date : 12/06/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

พลิกหลักฐานเด็ด ผลตรวจ"ดีเอ็นเอ" ปลอกกระสุนปืน มัดมือฆ่านายกตุ่น Empty พลิกหลักฐานเด็ด ผลตรวจ"ดีเอ็นเอ" ปลอกกระสุนปืน มัดมือฆ่านายกตุ่น

ตั้งหัวข้อ  lucky m. Sun Jan 15, 2012 8:21 am

วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7717 ข่าวสดรายวัน


พลิกหลักฐานเด็ด ผลตรวจ"ดีเอ็นเอ" ปลอกกระสุนปืน มัดมือฆ่านายกตุ่น

คอลัมน์ แฟ้มคดี


พลิกหลักฐานเด็ด ผลตรวจ"ดีเอ็นเอ" ปลอกกระสุนปืน มัดมือฆ่านายกตุ่น P0161150155p1
ภาย
ในปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ คือช่วงเวลาที่พนักงานสอบ สวนคดี
นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทร สาคร พรรคประชาธิปัตย์
ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่านายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ หรือ นายกตุ่น นายกอบจ.สมุทรสาคร
คาดว่าจะสรุปสำนวนส่งให้อัยการ

หากนับจากวันที่ 25 ธันวาคม 2554 จะกินเวลาเพียงเดือนเศษๆ เท่านั้น

อย่าง
ไรก็ตามหากดูพยานหลักฐานในคดีนี้ไม่ถือว่าตำรวจสรุปคดีเร็วเกินไป
อย่างที่พลพรรคประชาธิปัตย์ออกมาตั้งข้อสังเกต
หลังศาลอนุมัติหมายจับนายครรชิตเพียงวันเดียวหลังเกิดเหตุ

เนื่องจาก
เหตุการณ์ฆาตกรรมนายกตุ่น เกิดขึ้นตอนกลางวันแสกๆ
ในสถานที่เปิดจึงมีพยานเห็นเหตุการณ์มากมาย
รวมทั้งได้ภาพจากกล้องวงจรปิดอีกด้วย

ขณะที่นายครรชิต
แม้ทางหนึ่งจะให้การปฏิเสธ
แต่อีกทางก็ไม่ให้ความร่วมมือเมื่อตำรวจออกหมายเรียกขอหลักฐานอาวุธปืนพกยี่
ห้อกล็อก ขนาด.40 หมายเลขทะเบียน กท 54222747 และรถปิกอัพโตโยต้า สีน้ำตาล
ทะเบียน กฉ 4124 นครศรีธรรมราช ที่มีอยู่ในครอบครอง มาให้ตรวจ

จนเมื่อตำรวจออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 4 นายครรชิตก็เลิกเหนียมเพราะประกาศชัดเจนว่าจะไม่ส่งหลักฐานดังกล่าวให้ตำรวจ!??

เจ้าหน้าที่เองก็พอคาดเดาได้เลาๆ ว่าผลจะออกมาเช่นนี้ จึงเน้นหาหลักฐานอื่นประกอบมากกว่าจะรอตรวจปืนของนายครรชิต

และหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่มีผลต่อคดีนี้คือ"ดีเอ็นเอ"

เป็น"ดีเอ็นเอ"ที่ตำรวจตรวจพบบนปลอกกระสุนปืนขนาด.40 ที่ใช้สังหารนายกตุ่น!!!

ครรชิตลั่นไม่ให้ปืน-รถ

อาวุธที่ใช้ก่อเหตุถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญในทุกๆ คดีอาชญากรรม เพื่อความสมบูรณ์ของคดี

เช่น
เดียวกับคดีฆ่านายกตุ่น ตำรวจพยายามติดตามหาอาวุธปืนพกขนาด.40
ที่ใช้ก่อเหตุ
โดยที่ผ่านมาตำรวจออกหมายเรียกให้เจ้าของอาวุธปืนในพื้นที่จ.สมุทรสาคร
ซึ่งจดทะเบียนครอบครองปืนชนิดนี้กว่า 10 กระบอก
นำอาวุธปืนมามอบให้ตรวจสอบเพื่อความบริสุทธิ์ใจ

เจ้าของปืนจำนวนมากส่งอาวุธมาให้อย่างไม่อิดออด

จะยกเว้นเพียงนายครรชิต ซึ่งปฏิเสธหมายเรียกที่ตำรวจออกไปถึง 4 ครั้ง!!!

จน
ตำรวจขอหมายค้นจากศาลบุกเข้าไปที่บ้านพัก
แต่ก็ตามไม่เจอทั้งปืนและรถที่ต้องการตรวจสอบ ซึ่งยิ่งบ่งชี้ความไม่ปกติ
เมื่อทั้งสองสิ่งนี้อันตรธานหายไปจากบ้านพัก

แม้จะมีเสียงเรียกร้อง
ทั้งจากตำรวจ และ ฝ่ายการเมืองว่าหากนายครรชิต มั่นใจว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
แล้วเหตุใดจึงเลี่ยงจะส่งมอบของกลางซึ่งจะเป็นหลักฐานยืนยันตัวเองเล่า!??

ทำ
ให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ส่งจดหมายไปถึงนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
แนะนำลูกพรรคว่าควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตามกระบวนการสอบสวน
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งผู้เสียชีวิต และผู้ถูกกล่าวหา

ประเด็นเรื่องปืนและรถกลายเป็นเรื่องที่นายครรชิต พยายามหลบเลี่ยงที่จะตอบคำถามมากที่สุด

กระทั่งท้ายที่สุดในวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา นายครรชิตยอมเปิดปากพูดกรณีนี้เป็นครั้งแรก

เป็นการประกาศความชัดเจนว่า ไม่ยินยอมร่วมมือกับตำรวจ

"ยืน
ยันว่าจะไม่นำอาวุธปืนและรถส่งให้ตำรวจ
และถือเป็นหน้าที่ของทนายความผู้รับผิดชอบคดีนี้ที่จะว่าคดีในชั้นศาล
ไม่ขอพูดอะไรมากกว่านี้เพราะเคยบอกแล้วว่าจะให้ปากคำในชั้นศาล
ที่ผ่านมาไม่ได้หลบหนีคดีโดยได้เดินทางเข้ามอบตัวเพื่อสู้คดี"

ส.ส.หนุ่มใหญ่ กล่าว

พบ"ดีเอ็นเอ"มัดคนร้าย

การ
ออกมาปฏิเสธส่งอาวุธปืนให้ตรวจ ไม่ได้เกินความคาดหมายของตำรวจ
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่านายครรชิตจะปฏิเสธอย่างจะแจ้งเช่นนี้
เนื่องจากตอนแรกเข้าใจว่าอาจจะอ้างว่าปืนหาย หรือถูกขโมย

แม้ตำรวจจะไม่สามารถได้ปืนมาตรวจสอบ รวมถึงที่ผ่านมาการตรวจปืนพกที่มีผู้นำมามอบให้ยังไม่พบกระบอกที่ใช้ก่อเหตุ

แต่ก็ใช่ว่าตำรวจจะไร้หลักฐานสำคัญ

เนื่อง
จากคดีนี้มีพยานบุคคลจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ เพราะเกิดกลางวันแสกๆ
บริเวณหน้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน ซึ่งมีคนผ่านไปมาพลุกพล่าน
ทั้งยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ด้วย

นอกจากนี้ตำรวจยังได้หลักฐานอีกชิ้นคือปลอกกระสุนปืนพกขนาด.40 จำนวน 9 ปลอกที่ตกในที่เกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่นำไปตรวจร่องรอยดีเอ็นเอบนปลอกกระสุนปืน ซึ่งก็พบดีเอ็นเอของบุคคลคนเดียวกัน

สันนิษฐานได้ว่าเป็นดีเอ็นเอของคนร้าย!!!

เนื่อง
จากคดีนี้ตำรวจพบว่าเป็นการลงมือเพราะบันดาลโทสะ
เชื่อว่าเป็นการก่อเหตุด้วยความเจ็บแค้นที่มือปืนถูกนายกตุ่นพูดเย้ยใน
เรื่องผู้หญิงชื่อ "กุ๊ก"
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำงานใกล้ชิดกับนายกตุ่นสมัยลงเลือกตั้งนายกอบจ.สมัยที่ 2
ก่อนลาออกและไปทำงานกับนักการเมืองอีกคนหนึ่ง

ทำให้มือปืนรัวยิงแบบคั่งแค้นถึง 8-9 นัด!??

บุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่แต่กล้าพกพาปืนติดตัวไปไหนมาไหน มีแค่ 2 ประเภทคือโจร และคนที่ได้รับอนุญาตพกพา

ปืนพกขนาด.40 เป็นปืนราคาแพงและหายากโจรไม่นิยมใช้ จึงเหลือเพียงคนที่ได้รับอนุญาตให้พกพาได้

คนที่พกพาอาวุธปืน หรือเจ้าของปืนแทบจะทั้งหมดจะถูกสั่งสอนมาว่าเพื่อความปลอดภัย ต้องตรวจสอบปืนและบรรจุกระสุนด้วยตัวเองเท่านั้น

การตรวจพบดีเอ็นเอบนปลอกกระสุนปืน ซึ่งเป็นของคนๆ เดียวกัน จึงประเมินได้ว่านี่คือดีเอ็นเอของผู้ก่อเหตุ!??

ยื่นสภาขอตัวครรชิต

"ปลอก
กระสุนปืนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุจำนวน 9 ปลอก มาจากกระบอกปืนเดียวกัน
เจ้าหน้าที่พบร่องรอยดีเอ็นเอชัดเจน
หากดีเอ็นเอมีความสมบูรณ์จะส่งหลักฐานไปยังพนักงานสอบสวน
และเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนว่าจะเก็บดีเอ็นเอจากผู้ต้องสงสัยเพื่อตรวจ
เปรียบเทียบกัน"

พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผบช.สพฐ.ตร. กล่าวถึงการตรวจพิสูจน์หลักฐานคดีฆ่านายอุดรหรือ นายกตุ่น

ผบช.สพฐ.ตร.
ระบุว่ากรณี ดีเอ็นเอนั้นสามารถตรวจสอบสาวไปถึงผู้ก่อเหตุได้
แต่หากเป็นอาวุธปืนจะตรวจพิสูจน์ได้ง่ายกว่า
ว่าปลอกกระสุนปืนมาจากปืนกระบอกดังกล่าวหรือไม่
แม้อาวุธปืนจะถูกดัดแปลงไปแต่จะมีร่องรอยบางอย่างเหลืออยู่ที่สามารถตรวจ
พิสูจน์ได้

สำหรับดีเอ็นเอบนปลอกกระสุนปืนนั้น สพฐ.ส่งเป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนแล้ว

ขณะ
เดียวกันพนักงานสอบสวนในคดีนี้ประสานกับนายทะเบียนอาวุธปืนกระทรวงมหาดไทย
เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลปืนพกขนาด.40 ที่อยู่ในความครอบครองของนายครรชิต
ซึ่งก็ได้รับการยืนยันชัดเจน

แต่ที่น่าสนใจก็คืออยู่ระหว่างตรวจสอบ
เพิ่มเติมกับอีกหน่วยงานหนึ่งของกทม.
ซึ่งมีหน้าที่ทดลองยิงเพื่อเก็บปลอกกระสุนและหัวกระสุนของปืนพกที่มาขอ
อนุญาต

จากข้อมูลพบว่าอาวุธปืนที่ขออนุญาตให้มีหรือพกพานั้น
ในระยะหลังเจ้าหน้าที่จะทดลองยิงเพื่อเก็บตัวอย่างหัวกระสุนและปลอกกระสุน
เอาไว้
เพื่อใช้เปรียบเทียบกรณีผู้ขออนุญาตตกเป็นผู้ต้องสงสัยนำปืนไปก่อเหตุร้าย

เมื่อ
มีหลักฐานครบถ้วนในระดับหนึ่ง พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภาค 7
ส่งหนังสือถึงพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้ทำหนังสือถึงประธานสภา
ขอตัวนายครรชิตมาสอบปากคำเพิ่มเติม

เร่งสืบพยานล่วงหน้า

การ
ต้องทำหนังสือถึงประธานสภา เนื่องจากห้วงเวลานี้อยู่ระหว่างสมัยประชุม
ส.ส.มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ตำรวจไม่มีสิทธิ์ดำเนินคดี
แต่ก็มีเงื่อนไขว่าผบ.ตร.สามารถทำหนังสือขอตัวเป็นกรณีเฉพาะได้

แต่สุดท้ายยังต้องผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมสภาอีกครั้ง

กรณีนายครรชิต หากสภาไม่อนุญาต ตำรวจต้องรอเวลาถึงปลายเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงปิดประชุมสภา ถึงจะดำเนินการสอบปากคำได้

อย่าง
ไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ
ออกมาแนะตำรวจว่าไม่ควรขอตัวในตอนนี้
แต่น่าจะทำเรื่องขอตัวเมื่อสรุปสำนวนส่งอัยการแล้วจะเหมาะสมกว่า

"บอก
กับตำรวจว่าอย่าเพิ่งทำเรื่องขอตัวมาที่สภา
เพราะทันทีตำรวจสอบสวนเบื้องต้นตำรวจมีหลักฐานเป็นพยานบุคคล
ประจักษ์พยานและพยานใกล้ชิดกับเหตุการณ์
ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ
ที่ศาลออกหมายจับหมายความว่าหลักฐานทางคดีพอแล้ว
ผู้ต้องหาให้การอย่างไรก็ได้ อาวุธปืน รถ เขาไม่ให้ก็ได้
แต่จะเป็นข้อพิรุธประกอบสำนวนการสอบสวน"

ร.ต.อ.เฉลิมระบุด้วยว่า
กำชับตำรวจนำพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ไปสืบพยานล่วงหน้าเพราะเกรงว่าพยานจะ
ไม่ได้รับความปลอดภัย และให้ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยแก่พยานด้วย

กรณี
นี้พนักงานสอบสวนทำเรื่องถึงอัยการเพื่อขอสอบปากคำพยานล่วงหน้าจำนวน 3-4
ปาก
เป็นพยานที่อยู่ในปั๊มน้ำมันเกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์นาทีฆ่าต่อหน้าต่อตา
ตัวเอง

คดีนี้แม้ตำรวจจะไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ต้องหา ซึ่งพอจะคาดการณ์ได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว เนื่องจากมีที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่ไม่ธรรมดา

แต่จากพยานหลักฐานที่อยู่ในมือ ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคดีนี้จะหนีไม่พ้นความผิดที่ก่อขึ้น!??
lucky m.
lucky m.
Hero gen.seh member
Hero gen.seh member

จำนวนข้อความ : 2803
Join date : 12/06/2010

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ